ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย
บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย
บทที่ 1280 ฉือโถวเห็นด้วย
“เด็กคนนั้นเป็นคนดื้อรั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงยืนกรานจึงพูดต่อไปว่า “เสี้ยนจู่ ข้ากับตระกูลฟ่านเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปี ตระกูลฟ่านนี้เป็นครอบครัวที่ดีจริง ๆ แต่ทว่าคนของตระกูลฟ่านนั้นหัวแข็ง ถ้าหากเรื่องนี้ตัดสินใจแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยน ยกตัวอย่างผู้เฒ่าฟ่านคนนั้นที่ภรรยาเสียไปแล้วก็ยังเป็นพ่อม่ายมาหลายสิบกว่าปี มีคนอื่นแนะนำให้เขาตั้งมากมาย แต่เขากลับไม่เอา เลี้ยงลูกสองคนอย่างยากลำบากจนเติบมาได้เช่นนี้ ไม่ง่ายเลยที่ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นจะเติบโตขึ้น หากได้แต่งงานกับตระกูลที่ดีเหมือนกับตระกูลจางก็คงจะดี พี่สะใภ้ที่เป็นคนของตัวเอง ข้าเปิดใจที่จะพูดความจริงและไม่ขอปิดบังแล้ว ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวที่ดี เป็นครบครัวของเสี้ยนจู่ ความสัมพันธ์เช่นนี้ใครเล่าจะไม่อยากจะประจบประแจง ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของท่านก็เป็นคนพูดง่าย วันดีคืนดีถ้าหากเด็กคนนั้นแต่งเข้ามา ครอบครัวของท่านก็ไม่มีทางทำให้ตระกูลฟ่านเสียเปรียบอย่างแน่นอน จะต้องให้สินสอดทองหมั้นแก่ตระกูลฟ่าน ถ้าหากมีสินสอด ฟ่านหลิงก็สามารถแต่งงานมีสามีได้แล้ว ดีมากเช่นนั้นแต่เด็กคนนั้นให้ตายก็ไม่ยอมเห็นด้วย เฮ้อ ครอบครัวที่ดีเช่นนี้แต่นางกลับไม่เอา ชีวิตนางช่างอาภัพเสียจริง” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดได้ตรงและชัดเจน แม้ว่าคำพูดนั้นจะตรงไปตรงมา แต่คำพูดนั้นกลับไม่หยาบคายและมีเหตุผล
“คนในหมู่บ้านของข้าไม่ได้หยาบคาย เป็นความจริงที่พวกเจ้าพูดว่ามีหลายครอบครัวที่มีลูกสาวแล้วมาถามข้าถึงเรื่องลูกสะใภ้ในครอบครัวท่าน ข้ารู้ว่าพวกนางหมายถึงอะไรและก็รู้ว่าพวกนางคิดอะไร ข้าบอกพวกนางว่าอย่าคิดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ตระกูลจางนั้นไม่ใช่ครอบครัวที่พวกเราจะสามารถปีนขึ้นไปได้”
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงถอนหายใจว่า “เด็กคนนั้นก็ไร้วาสนาที่หัวแข็ง”
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะพูดว่า “งั้นวันพรุ่งนี้ข้าจะต้องไปสักครั้งแล้ว”
แม่นางที่ดีเช่นนี้กลับปล่อยชีวิตดี ๆ ให้หลุดลอยไป คิดแล้วก็น่าจะมีเรื่องอะไรในใจที่พูดยาก
“เสี้ยนจู่ ข้ากลัวว่าเด็กคนนั้นจะพูดอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ เด็กคนนั้นเป็นคนดื้อรั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงรีบร้อนพูดกับกู้เสี่ยวหวาน หากตอนนั้นกู้เสี่ยวหวานไปที่ตระกูลฟ่าน แล้วฟ่านหลิงพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาก็กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจ
เสี้ยนจู่กับตัวเองนั้นไม่เหมือนกัน
หากนางไล่ตัวเองออกมานั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าตรงหน้าเป็นเสี้ยนจู่แล้วพูดผิดไปสักคำ ถึงตอนนั้นทำให้เสี้ยนจู่ไม่พอใจนั่นก็ไม่ดีแล้ว
กู้เสี่ยหวานเห็นท่าทางที่กังวลของภรรยาของหลิวต้าจ้วงก็คิดว่ากังวลเพราะฟ่านหลิง
จึงรีบพูดว่า “ท่านวางใจเถอะ ในเมื่อแม่นางฟ่านยังไม่มีคนในใจ ข้าก็มีวิธีพูดทำให้นางแต่งงานกับพี่ฉือโถว”
“ตุ๊บ” ทันใดนั้นก็มีเสียงของตกหนักดังมาจากด้านนอกประตู
ป้าจางได้ยินก็ร้องว่าแย่แล้ว และรีบวิ่งออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเช่นนั้นก็รีบร้อนวิ่งออกไปเช่นกัน ก็เห็นฉือโถวยืนอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าซีดเซียว ผลไม้ร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
กู้เสี่ยวหวานชอบทานผลไม้มาก บ่อยครั้งที่ฉือโถวจะเข้าไปในป่าแล้วเก็บผลไม้ป่ามา
ตอนนี้ผลไม้สีแดง ๆ หรือสีเขียว ๆ นั้นกลิ้งออกมาจากตระกร้าจนหมดและกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น
เห็นเพียงฉือโถวมองป้าจางด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ สายตามองไปมาระหว่างป้าจางกับกู้เสี่ยวหวาน แววตานั้นมีความโศกเศร้าที่ยากจะอธิบาย
ป้าจางเห็นก็รีบเข้าไปจับมือฉือโถว แล้วพูดว่า “เจ้าดูเด็กคนนี้สิ กลัวว่าจะอายแล้ว เด็กโง่ เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าหาแม่นางที่ดี เสี่ยวหวานบอกว่านางเป็นแม่นางที่ดี เจ้าจะต้องชอบนางแน่ เสี่ยวหวานเองก็ชอบแม่นางผู้นั้นมาก และยังบอกว่าวันพรุ่งนี้จะไปหาครอบครัวของแม่นางผู้นั้นด้วยตัวเองเพื่อไปสู่ขอให้เจ้า”
ในคำพูดของป้าจางทำให้สีหน้าของฉือโถวจากที่เมื่อครู่มีสีขาวซีดก็ค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดแล้ว ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและโศกเศร้า เขาเหลือบมองใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเสียจนนอกจากป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็ไม่มีใครสัมผัสถึงความโศกเศร้าในดวงตาได้
ป้าจางจับมือของฉือโถว นางยิ้มและพูดไม่หยุดเหมือนกับจะบอกฉือโถวว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร พูดเน้นย้ำไม่หยุดถึงความหมายของกู้เสี่ยวหวาน ราวกับจะเตือนสติของฉือโถว
สายตาของฉือโถวมองหน้าของทุกคนในห้องไปมา แต่ว่าสายนั้นไม่ได้จดจ่อหยุดอยู่ที่ใคร เพียงแค่มองเฉย ๆ จากนั้นก็ละสายตาจากไปทันที
เขาก้มหน้าลงแล้วพูดกับป้าจางว่า “ท่านแม่ ข้าเชื่อฟังท่าน”
หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงเก็บผลไม้ที่ตกอยู่บนพื้นทั้งหมดขึ้นมา จากนั้นก็รีบหมุนตัวจากไปทันที
ปล่อยให้ทุกคนยังคงปรึกษาพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานของเขา
เมื่อเห็นฉือโถวจากไปด้วยความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ในใจก็ถอนหายใจ
เมื่อวานได้ยินป้าจางพูดว่า ฉือโถวขัดแย้งเรื่องที่หาลูกสะใภ้ เดิมทีตอนนั้นตัวเองก็คิดอยากให้ป้าจางไปพูดคุยกับฉือโถวก่อน แต่ว่าความตื่นเต้นดีใจของป้าจางทำให้กู้เสี่ยวหวานเองก็อยากที่จะพูดอะไรกับเขาสักหน่อย
จะรู้เสียที่ไหนว่าเรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มพูดขึ้น ฉือโถวก็มาได้ยินเข้าแล้ว
เพียงแต่โชคดีที่ฉือโถวตอบรับแล้ว
ในยุคโบราณก็เป็นเช่นนี้ การแต่งงานเป็นไปตามคำสั่งของพ่อแม่และการชักนำของแม่สื่อ
ฉือโถวก็อายุสิบแปดแล้ว ตระกูลจางมีเขาเป็นลูกชายคนเดียว เขาเองก็ต้องอยากให้ลุงจางกับป้าจางได้อุ้มหลานในเร็ววัน
ป้าจางไม่คิดว่าฉือโถวจะรับปาก นางจึงดีใจอย่างยิ่ง แม้ว่าก่อนจะจากไปนั้น ฉือโถวจะดูโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวมากก็ตาม แต่ว่าเขารับปากแล้วว่าจะแต่งงานก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว
ดังนั้นจึงรีบดึงกู้ฟางสี่กับกู้เสี่ยวหวานและภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลับเข้าไปในห้อง ปรึกษาเรื่องที่จะไปพูดโน้มน้าวหญิงสาวจากตระกูลฟ่านกันอย่างไร
ดูเหมือนว่าป้าจางนั้นจะให้ความสำคัญหญิงสาวจากตระกูลฟ่านมาก
กู้เสี่ยวหวานรู้แล้วก็คิดว่าตัวเองจะต้องพูดจาหว่านล้อมโน้มน้าวให้แม่นางฟ่านนั้นแต่งงานกับฉือโถวให้ได้ ก็ถือว่าเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งของป้าจางแล้ว
ทุกคนอยู่ในห้อง พูดคุยกันไม่หยุดว่าควรจะไปสู่ขอหญิงสาวจากตระกูลฟ่านอย่างไรดี กู้เสี่ยวหวานมีความคิดอยู่ในใจมานานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาสนใจกันมากก็ไม่ได้ขัดจังหวะพวกเขาพูด
นางดื่มชาและมองท่าทางของคนทั้งสองอยู่ข้าง ๆ
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พวกนางได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไปพูดคุยกับแม่นางตระกูลฟ่านอย่างไร
เพราะว่าพรุ่งนี้กู้เสี่ยวหวานกับกู้ฟางสี่จะไปที่บ้านตระกูลฟ่าน ดังนั้นกู้ฟางสี่จึงท่องจำคำพูดที่ควรจะพูดทั้งหมด จนกระทั่งไร้ที่ติแล้ว การพูดคุยนี้ถึงจะสิ้นสุดลง ทุก ๆ คนมีสีหน้ายินดีเหมือนกับจะได้ดื่มเหล้ามงคลแสดงความยินดีของฉือโถวและแม่นางตระกูลฟ่านได้ทันทีอย่างไรอย่างนั้น
รอจนพวกนางพูดจบ ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว