ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1294 แม่ลูกถูกทุบตี
บทที่ 1294 แม่ลูกถูกทุบตี
หากแต่ใครเล่าจะรู้ ฉินเย่จือไม่รอให้นางได้ขยับเข้าใกล้ตนเองก็ชักมือหลบ กู้ซินเถารู้สึกได้เพียงลมที่พัดผ่านหน้า ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดสิ่งใดออก ร่างทั้งร่างก็เซล้มลงหงายหลัง นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
พื้นหินแข็งทำให้นางเจ็บปวดรวดร้าวที่ศีรษะ นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
ฉินเย่จือเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ท่านอา ป้าจาง หยุดเถอะ”
กู้ฟางสี่และป้าจางหยุดชะงักพลางมองสภาพของซุนซีเอ๋อร์ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่มีคนเห็นและรู้ว่านางเป็นใครล่ะก็ สภาพนางตอนนี้ก็คงไม่มีใครรู้ว่านางเป็นใคร
ใบหน้าของซุนซีเอ๋อร์เต็มไปด้วยคราบเลือดจากบาดแผลขีดข่วน ไม่มีตรงไหนไม่มีชิ้นดี รอยแผลมีความลึกต่างกัน บางที่มีเลือดไหลซึม ทำให้จำใบหน้าเดิมไม่ได้เลย
มวยผมที่เคยสง่างามเมื่อครู่ ทว่าตอนนี้กลับยุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ทั้งตัวไม่เหลือผ้าชิ้นดี เพียงแต่เกรงว่าถ้ามีคนมาดึงผ้าปิดส่วนล่างที่อยู่บนร่างกายนั้นออกก็จะหลุดหมด
ป้าจางและกู้ฟางสี่ปล่อยซุนซีเอ๋อร์และไม่ได้ลงมือแล้ว แม้ว่าจะได้ตีคนแล้ว แต่ในใจยังคงไม่หายโกรธเคือง
ป้าจางชี้ไปที่ซุนซีเอ๋อร์แล้วพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง “ซุนซีเอ๋อร์ เจ้าก็เป็นแม่คน เจ้าเอ่ยวาจาน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าไม่คิดสั่งสมคุณงามความดีให้ลูกเลยหรือ เจ้าอย่าลืมสิ เจ้าเองก็มีลูกสาวเช่นกัน”
กู้ฟางสี่ยังกล่าวอีกว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดว่าท่านเป็นพี่สะใภ้ของข้า ข้าเคารพท่านมาตลอดและไม่เคยโกรธเคือง แต่วันนี้สิ่งที่ท่านทำมันมากเกินไป ในเมื่อกล่าววาจาน่ารังเกียจเช่นนั้น ทำไมพี่ใหญ่ถึงถูกจับไป หรือว่าในใจท่านไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ร่วมมือกับคนอื่นเพื่อวางยาแล้วฆ่าคน ถูกคุมตัวเข้าคุกเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว แต่นั่นเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวหวาน หากพวกท่านจะช่วยคนก็ไปที่ศาลาว่าการ ไม่ต้องมาที่นี่”
ซุนซีเอ๋อร์ยังคงตกใจ ครั้งแรกที่โดนตบหนึ่งฝ่ามือฟันก็หายไปหลายซี่ ความเจ็บปวดยังไม่บรรเทาลง กู้ฟางสี่และครอบครัวจางกำลังต่อสู้กับตัวเองอย่างสุดชีวิต ซุนซีเอ๋อร์ยังคงมึนงง ทำเหมือนคนโง่เขลาที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ก้มหัวหมอบลงกับพื้นด้วยตัวที่สั่นเทา
กู้ฟางสี่และจางซื่อเห็นตุ่มหนองบนตัวของซุนซีเอ๋อร์แบบนั้นแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาว ๆ ตีก็ตีแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว ถ้าคิดอะไรไม่ได้อีกแล้วยังมาสร้างเรื่องวุ่นวายก็คงจะได้เห็นดีกัน
ตีจนกว่าจะกลับใจ
ทางฉินเย่จือมองมาที่นางราวกับกองขยะบนพื้น ทำอย่างไรก็เอากู้ซินเถาลุกขึ้นมาไม่ได้ และพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบอกใช่หรือไม่ว่าให้ตีหรือเพียงผลักเจ้าแทนนางก็คุ้มค่าแล้ว?”
กู้ซินเถานอนอยู่บนพื้นราวกับตัวตลก ร่างกายของนางสั่นไหวไปทั้งร่าง จู่ ๆ ก็ได้ยินฉินเย่จือพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา นางใช้แรงที่มีทั้งหมดหันไปมองฉินเย่จือ ก็เห็นดวงตาคู่นั้นมองหาตัวเองด้วยสีหน้าน่าขยะแขยง กู้ซินเถารู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว เหมือนกับว่าตัวเองได้ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“พี่ใหญ่ฉิน ข้า…” กู้ซินเถากำลังจะพูด แต่พอพูดได้เพียงประโยคเดียวก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดังมาจากร้านจิ่นฝู
“เป็นเจ้าอีกแล้วหรือที่มาก่อกวนที่ร้านจิ่นฝู เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามันดีจริง ๆ หรือ” คนที่มาคือกู้หนิงผิง และเขาเดินตามอยู่ด้านหลังกู้เสี่ยวหวานออกมาจากร้านจิ่นฝู
กู้ฟางสี่และป้าจางเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาก็รีบไปทักทายและพูดอย่างปวดใจว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าออกมาทำไม รีบเข้าไปเถอะ ที่นี่มีพวกข้าก็พอแล้ว หนิงผิงรีบพาพี่สาวเจ้ากลับเข้าไปเร็ว”
ที่นี่เต็มไปด้วยคนที่มีแต่ความคิดสกปรกและไม่รับฟังเหตุผล กู้ฟางสี่และป้าจางไม่อยากให้กู้เสี่ยวหวานสัมผัสเรื่องสกปรกแบบนี้ โดยธรรมชาติแล้วพวกนางต้องขจัดสิ่งสกปรกออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กู้หนิงผิงพยักหน้าแล้วดึงกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในร้าน ใครจะไปรู้ว่าพอกู้เสี่ยวหวานก้าวไปไม่กี่ก้าวก็สะดุดพื้นต่างระดับ หยุดลงข้างกายฉินเย่จือ
ทั้งสองคนเหมือนชายหญิงผู้สง่างามที่หลุดออกมาจากภาพวาด พริบตาเดียวก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
ร่างกายฉินเย่จือนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายเยือกเย็น ทำให้ผู้คนยากที่จะเข้าใกล้ แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัว กลิ่นเยือกเย็นนั้นก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เย็นชาหากแต่ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล
ทุกคนถอนหายใจ ฉินเย่จือเคยเดินเที่ยวเล่นไปรอบ ๆ เมืองหลิวเจียหลายครั้ง ผู้ชายที่รูปงามราวกับเทพสวรรค์ ล้วนดึงดูดหัวใจแม่นางที่ยังไม่ได้แต่งงาน และมีหญิงขี้อายบางคนแอบชื่นชอบเขาอยู่เงียบ ๆ บางคนก็ทำใจสร้างความบังเอิญ ขอแค่เพียงฉินเย่จือได้รู้จักตนก็พอแล้ว
ใครจะรู้ ‘ความคิดเพ้อฝัน’ เช่นนี้ เป็นเหมือนฝุ่นในใจที่ไม่มีใครมองเห็น
แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยยิ้มให้แม่นางคนไหน และยิ่งกว่านั้นก็ไม่เคยเดินคนเดียวบนถนนให้แม่นางคนไหนบังเอิญพบ
ไม่มีโอกาสเช่นนี้
แม้ว่าจะโดนจับที่ร้านจิ่นฝู แต่ก็มีใบหน้าเย็นชาแบบนั้นมาตลอด ดวงตาเรียวยาวเผยแววเย็นชา อุณหภูมิรอบ ๆ ทุกคนลดต่ำลงหลายองศา บางคนหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดสักคำ ไม่ใช่กลัวจนปัสสาวะราด แต่กลับวิ่งหนีเตลิดไป บางคนใจกล้าแค่ไหนก็ต้องหวาดกลัวราวกับฝันร้าย ฉินเย่จือรูปงามทว่าเหมือนปีศาจในนรก ท่าทางที่เยือกเย็นแบบนั้นราวกับว่าเขาจะปลิดชีพพวกนางได้ตามใจทุกเมื่อ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเลย
ไม่เคยมีใครเห็นเขาแสดงสีหน้าและรอยยิ้มใด ยิ่งไม่เคยมีใครเห็นเขาใจดีกับใคร
ในความคิดของทุกคนในเมืองหลิวเจีย ฉินเย่จือเป็นคนเลือดเย็นที่ยิ้มไม่เป็นและมีใบหน้าเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งตลอดเวลา
ฉินเย่จือเป็นเช่นนี้ พวกเขายอมรับได้ว่าคนแบบนี้ การแสดงออกบนใบหน้าย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่น่ารักของกู้เสี่ยวหวาน ด้วยเหตุนี้ ความเย็นชาบนใบหน้าของฉินเย่จือก็หายไป จนทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง
ดวงตาเรียวคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่งดงามอย่างธรรมชาติและจริงใจ
………………………………………………….