ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1298 เปลี่ยนใจอวิ๋นเอ๋อร์
บทที่ 1298 เปลี่ยนใจอวิ๋นเอ๋อร์
คนหนึ่งไม่พอใจกู้เสี่ยวหวานที่ไม่ยอมแต่งให้ลูกชายของนาง อีกคนหนึ่งไม่พอใจกู้เสี่ยวหวานยิ่งกว่า เพราะคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉินเย่จือไม่สนใจตน
นางทั้งสองยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล ในใจรู้สึกสะใจยิ่งนัก
ด่าเลย ด่าอีก ยิ่งด่าแรงเท่าไรยิ่งดี
แต่ทว่า… ด่าได้แค่สองครั้ง เสียงด่าก็เงียบหายราวกับเป่าสาก
สุดท้ายซุนซื่อผู้นั้นก็ถูกตีเป็นหัวหมูเสียเอง ฟันในปากก็ไม่รู้ว่าหักไปกี่ซี่แล้ว
หันกลับมาดูกู้เสี่ยวหวาน นางไม่มีแม้แต่รอยขีดขวน
สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายต้องเดินคอตกกลับไปก็คือสองแม่ลูก กู้ซินเถาและซุนซื่อ อันที่จริงก็ต้องขอบคุณพวกนางที่ทำให้ผู้คนได้ชมการแสดงสนุก ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจะไม่มีผู้ใดพูดถึงกู้เสี่ยวหวานในทางไม่ดีแล้ว พวกเขายังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนาง และหันไปด่าสองแม่ลูกนั่นจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนี
จุ๊ ๆ เป็นเสี้ยนจู่นี่ดีจริง ๆ ทำผิดก็ยังมีคนปกป้อง
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าได้ยินหมดแล้ว สองแม่ลูกนั่นด่าได้เจ็บแสบมาก แต่มันก็ไม่เป็นผลอันใดกับกู้เสี่ยวหวานหรอก ถ้าเป็นข้า… ข้าจะหาช่องว่างแฝงตัวเข้าไปเป็นพวกเดียวกับนาง แสร้งทำดีกับนางให้นางตายใจ ทว่าสองแม่ลูกนั่นสิ้นคิดนัก ออกมาป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้งไม่พอ ยังลงมือทำร้ายคนอีก จุ๊ ๆ แม้แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางเองยังอยากดึงนางลงมาให้ตกต่ำ”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ค่อนขอดทางปาก ถากถางทางสายตา
ยิ่งมองร้านจิ่นฝูที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกอิจฉา
เมื่อก่อนนางเป็นลูกสาวของจ้าวสวิ่น เป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลจ้าว
หากจะถามว่าตระกูลจ้าวสำคัญอย่างไรน่ะหรือ?
ในเมืองหลิวเจียนี้ หากตระกูลจ้าวกระทืบเท้า ทั้งเมืองหลิวเจียจักต้องสั่นสะท้าน
แม้ว่านางจะเป็นลูกสาวของอนุภรรยา แต่ในตระกูลจ้าวมีเพียงคุณชายสองคน และนางที่เป็นคุณหนูเพียงคนเดียว
เช่นนั้นนางจึงเป็นคุณหนูตระกูลจ้าว สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจีย อยากจะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่เพียงใดก็ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากหรือหลีกเลี่ยงนาง
เพราะว่านางคือสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจียอย่างไรเล่า
แต่ทว่าหลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้เป็นเสี้ยนจู่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลิวเจียไม่ใช่นางอีกต่อไป แต่เป็นกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวชาวบ้านผู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตานางมาก่อน
หญิงสาวชาวบ้านมาจากชนบท รูปร่างหน้าตาก็ดูบ้าน ๆ กลายเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้
มีทั้งเกียรติ มีทั้งศักดิ์ศรี
นอกจากนั้นแล้วยังมีเงินทองอีกมากมาย
ร้านจิ่นฝูใหญ่โต ได้ครอบคลุมกิจการร้านอาหารเกือบทั้งหมดในเมืองหลิวเจีย
ตระกูลจ้าวเองก็มีร้านอาหาร ก่อนหน้านี้กิจการเป็นไปได้ดี ทว่าตั้งแต่มีร้านจิ่นฝู ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กิจการก็ค่อย ๆ ตกต่ำลง สุดท้ายก็ต้องปิดร้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อร้านอาหารที่เคยรุ่งเรืองปิดตัวลง
ตระกูลจ้าวเสียรายได้จำนวนมาก ทุกครั้งที่บิดาของนางพูดถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ โกรธจนควันออกหู
เขาคือนายท่านตระกูลจ้าวผู้ไม่เป็นสองรองผู้ใด แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้หญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง
จ้าวสวิ่นได้แต่เก็บความโกรธแค้นไว้ในอกจนมันแทบจะระเบิดอยู่ร่ำไร แต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้นางได้อย่างไร
ยามนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นถึงเสี้ยนจู่ หากบังเอิญพบหน้านาง เขายังต้องก้มหัวให้
จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่นาง
เพียงนึกถึงท่าทางโกรธเกรี้ยวแต่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ของบิดา จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยิ่งทวีความโกรธแค้นที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานขึ้นไปอีก จนคิ้วเรียวทั้งสองของนางขดตัวเข้าหากันแน่น พร้อมใช้สายตาจ้องมองร้านจิ่นฝูที่คับคั่งไปด้วยผู้คน มืองามทั้งสองข้างดึงทึ้งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในมือจนมันยับยู่ยี่
หากมันคือกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าคงถูกนางฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว
หากเป็นไปได้ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็อยากฉีกกู้เสี่ยวหวานออกเป็นชิ้น ๆ ใจจะขาดอยู่แล้ว
หงซื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ เพราะนางมัวแต่มองไปทางอื่น พร้อมกับพูดว่า “เด็กโง่ เจ้าจะไปใส่ใจอันใดกับคำพูดของซุนซื่อผู้นั้น? สิ่งที่นางพูดมันเหลวไหลทั้งเพ กู้เสี่ยวหวานในยามนี้ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนั้นไม่ได้กีดขวางทางเดินในเมืองหลิวเจียของนางเลยสักนิด ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงมันด้วยซ้ำ เจ้าไม่เห็นหรือว่าขนาดลวี่เทา นางยังทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งได้เลย อวิ๋นเอ๋อร์… เจ้าอย่าได้ประเมินคนผู้นี้ต่ำเกินไปนักเลย นางน่ะ ร้ายกาจกว่าที่เราจะคาดเดาได้”
“หึ ร้ายกาจ…” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “หากไม่มีพี่ฉินอยู่ข้าง ๆ นางจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร ก็แค่สาวชาวบ้านที่มาจากชนบท หากไม่ใช่เพราะท่านพี่ฉิน ป่านนี้นางคงกำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่ในโคลนตมนั่นแหละ”
จ้าอวิ๋นเอ๋อร์เชื่อว่าทุกอย่างที่กู้เสี่ยวหวานได้มาคือสิ่งที่ฉินเย่จือมอบให้นาง
ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ได้มีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่ ๆ
หงซื่อขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พร้อมกับหันไปมองจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไม่พอใจ “เจ้ายังคิดถึงฉินเย่จือผู้นั้นอีกอยู่หรือ อวิ๋นเอ๋อร์… ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับฉินเย่จือ เขาไม่ใช่คนที่คู่ควรให้เจ้าสนใจ ยิ่งกว่านั้นคือเขาเป็นเพียงขอทานที่กู้เสี่ยวหวานเก็บมาเลี้ยง เขาจะไปมีความสามรถขนาดนั้นมาจากที่ใดกัน”
จ้าอวิ๋นเอ๋อร์ทำหน้ามุ่ย แต่ก็ไม่วายที่จะเอ่ยเถียง “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนั้น ขอทานอันใดเล่า วันนั้นท่านไม่เห็นหรือว่าวันปักปิ่นของกู้เสี่ยวหวาน เขาจ่ายเงินซื้อของหมั้นตั้งมากมายให้นาง ข้าว่าขุนนางขั้นห้าแต่งภรรยายังไม่ขนาดนี้เลย อย่าว่าแต่เทียบไม่ติดเลย ข้าว่าท่านพี่ฉินต้องร่ำรวยกว่าคนพวกนั้นเป็นแน่ ท่านแม่พิจารณาให้ดีอีกครั้งเถอะ ท่านว่ารูปร่างหน้าตาอย่างท่านพี่ฉิน ท่าทางสง่าผ่าเผย หน้าตาหล่อเหลา ฉลาดปราดเปรื่อง กิริยามารยาทไม่ต้องพูดถึง ในเมืองหลิวเจียจะมีคุณชายตระกูลใดประพฤติตนได้อย่างเขา ข้าว่าท่านพี่ฉินจะต้องมาจากตระกูลที่ไม่ธรรมดา”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แสดงท่าทีชื่นชมฉินเย่จืออย่างไม่มีเหนียมอาย ความอิจฉาในใจก็ทวีขึ้นอย่างรุนแรง
จะดีเพียงใดหากนางได้เป็นคนในใจของฉินเย่จือ
ขบวนของหมั้นยาวสิบลี้ก็จะต้องเป็นของนาง
ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้มเรียวยาว สายตาอ่อนโยนของท่านพี่ฉิน ควรเป็นนางที่ได้รับมันทั้งหมด
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า กระทั่งความโกรธในดวงตาฉายแววออกมาอย่างปิดไม่มิด
หงซื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ทั้งนางยังเอาแต่โต้เถียงเรื่องฉินเย่จือหัวชนกำแพง ในใจของหงซื่อรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก
เคยบอกเคยเตือนไปตั้งนานแล้ว แต่ลูกสาวของตนก็ยังคงปักใจรักใคร่ฉินเย่จือผู้นั้นอยู่ดี นางจะรู้หรือไม่ว่านางทำให้ผู้เป็นแม่โกรธจนแทบบ้าแล้ว
มือขาวเรียวยาวกับเล็บสีแดงยกขึ้นลูบหัวจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่อย่างนั้น ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า “เจ้าเด็กโง่ แม่พูดกี่ครั้งแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าใจเสียที ฉินเย่จือผู้นั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มกินข้าวนุ่ม*[1] ความจริงก็คือกู้เสี่ยวหวานต่างหากที่เป็นผู้ดูแลร้านจิ่นฝูจนกิจการเฟื่องฟูได้อย่างทุกวันนี้ เจ้าลองตรองดูสิว่า กู้เสี่ยวหวานจะหาเงินได้มากเพียงใด? นางมีเงิน มีสิ่งใดบ้างที่นางซื้อไม่ได้ เรื่องของหมั้นยาวสิบลี้ที่เจ้าว่าน่ะ ผู้ใดจะรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน แม้แต่เจ้าเองก็ยังไม่รู้ เจ้าเคยเห็นของข้างในนั้นหรือไม่? ก็ไม่ เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าของทั้งหมดนั้นเป็นกู้เสี่ยวหวานที่จ่ายเงินซื้อเอง”
ที่ท่านแม่พูดมันก็ถูก แต่ว่า…
*[1] ผู้ชายที่ต้องพึ่งพาผู้หญิงเพื่อเอาตัวรอด