ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 130 วันปีใหม่
บทที่ 130 วันปีใหม่
บทที่ 130 วันปีใหม่
นางเป็นพี่สาวผู้ดื้อรั้นที่สามารถยิ้มได้ไม่ว่าจะเผชิญความยากลำบากถึงเพียงไหน ทั้งสอนพวกเขาให้รู้เหตุผลการเป็นคน สอนพวกเขาให้เขียนและอ่าน และมอบบ้านที่แสนอบอุ่นให้พวกเขา
“แล้วเจ้ายังคิดถึงท่านพ่อท่านแม่อยู่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อนี้ ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว กู้หนิงอันจะอาจรู้สึกแตกต่างออกไป นั่นเป็นเพราะพี่สาวที่แท้จริงของเขาได้จากไปแล้ว และตอนนี้วิญญาณที่ติดอยู่กับร่างกายนี้ก็มาจากอีกพันปีต่อมา
“ไม่คิดถึงแล้ว เมื่อก่อนเวลาเห็นท่านพี่เศร้าก็จะคิดถึง ถ้าท่านพ่อและท่านแม่ยังอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ต่อมา เมื่อท่านพี่สอนเราให้สนุกในยามยากลำบาก ข้าก็ไม่คิดถึงท่านพ่อท่านแม่อีกต่อไปแล้ว แค่รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่…” พูดแล้วเสียงของกู้หนิงอันก็เบาลง ในค่ำคืนที่เงียบสงัดมีเสียงประทัดและสุนัขเห่าเป็นครั้งคราว
“เสียดายอะไรหรือ? ”
“น่าเสียดายที่ท่านพ่อและท่านแม่มาด่วนจากพวกเราเร็วเกินไป ไม่เช่นนั้นพวกท่านก็จะได้กินเกี๊ยวแสนอร่อยในคืนนี้” กู้หนิงอันถอนหายใจและกล่าวว่า “การที่พวกเราได้กินของอร่อยแบบนี้ ท่านพ่อและท่านแม่ก็คงมีความสุขกับพวกเราไปด้วย”
“อือ ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
“ท่านพี่ หลังปีใหม่ผ่านไป ข้าต้องไปสถานศึกษาจริง ๆ ใช่หรือไม่ แล้วเรื่องในบ้านเล่า?” กู้หนิงอันรู้สึกขัดแย้งเพราะเขารู้ว่าเขาจะไปสถานศึกษาของอาจารย์สวีหลังปีใหม่
เสียงในใจบอกว่าอยากไปเรียนเพื่อจะได้ปกป้องพี่สาวและคนอื่น ๆ ได้ในอนาคต แต่อีกเสียงหนึ่งบอกว่า ถ้าไปเรียนแล้วพี่สาวที่อยู่กับน้องสาวสองคนจะทำอย่างไร? เรื่องนี้ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ถ้าในครอบครัวไม่มีแม้แต่เด็กชายตัวเล็ก ๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนรังแกพวกเขา?
“อย่ากังวลเรื่องนี้เลย!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหนักแน่น “ในเมื่อข้าตัดสินใจส่งเจ้าและหนิงผิงไปสถานศึกษา เจ้าก็ควรไป ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม เจ้าไม่อาจยอมแพ้เพราะเดินไปแล้วครึ่งทาง ตราบใดที่เจ้าเรียนได้ดี นั่นก็คือสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับข้า!”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากที่จะพูดเรื่องนี้ จำได้ว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก คุณย่าจะพูดแบบนั้น เมื่อตอนที่ตนยังเป็นเด็ก คุณย่าชอบทำอาหารอร่อย ๆ ให้นางกิน เพราะในเวลานั้นนางเป็นคนกินจุ
ต่อมาเมื่อกู้เสี่ยวหวานโตขึ้นมาบ้าง นางก็ตระหนักดีว่าคุณย่าดีต่อนางเพียงใด ครั้งหนึ่งจึงพูดกับคุณย่าอย่างอารมณ์ดีว่า “คุณย่าใจดีกับหนูมาก ในอนาคตหนูจะตอบแทนบุญคุณอย่างไรดีคะ!”
จำได้ว่าในเวลานั้น คุณย่ากอดกู้เสี่ยวหวานและพูดด้วยความรักว่า “ย่าไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ตราบใดที่คะแนนของหนูดี ก็เป็นสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับย่า”
บางทีนางก็อยากจะทำตัวดีขึ้นเพื่อคนที่รักตนเอง คุณย่าสุขภาพไม่ดีและจากไปเร็ว ในขณะนั้นกู้เสี่ยวหวานเพิ่งได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย ยังไม่แม้แต่จะได้บอกกับคุณย่าด้วยตนเอง คุณย่าก็จากไปเสียก่อน
กู้เสี่ยวหวานร้องไห้ และต่อมาก็ถ่ายสำเนาหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนหลายฉบับและเผาให้คุณย่าที่หน้าหลุมศพ
เฮ้อ เลิกคิดมากเกี่ยวกับมันเถอะ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตาของนาง นี่เป็นคืนปีใหม่ ไม่สามารถร้องไห้ได้
“ท่านพี่ ขอบคุณขอรับ!” กู้หนิงอันสะอื้นเล็กน้อย
กู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงแปลก ๆ ของกู้หนิงอันจึงปลอบโยนอย่างรวดเร็ว “หนิงอัน อย่าร้องไห้ ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรเพื่อข้า ข้าแค่หวังให้เจ้าจะตั้งใจเรียน ถ้ามีโอกาสที่ดีได้ในอนาคต ความพยายามของข้าคงไม่เสียเปล่า”
“ไม่ว่าเมื่อไร การเรียนสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตเราได้ ข้าเป็นหญิงจึงไม่สามารถสอบขุนนางได้ แต่เจ้าสามารถทำได้ หากเจ้าเรียนหนังสือก็จะมีทางเลือกของชีวิตในอนาคต ไม่เป็นเหมือนท่านพ่อท่านแม่ที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินไปทั้งชีวิต จะสามารถใช้ชีวิตที่ไม่เคยกล้าคิดได้ และยังสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยกล้าคิดได้อีกด้วย และเมื่อเจ้ามีความสามารถมากขึ้น เจ้าก็จะมีพลังในการปกป้องผู้คนที่เจ้าต้องการปกป้องมากขึ้นไปอีก”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานราวกับค้อนหนักที่กระแทกใส่หัวใจของกู้หนิงอัน
กู้หนิงอันรู้ว่าพี่สาวกำลังวางแผนสำหรับอนาคตของพวกเรา และต้องการทำให้ชีวิตในอนาคตของเขามีทางเลือกมากขึ้น
หลังจากเสริมความเชื่อนี้แล้ว ในที่สุดกู้หนิงอันก็มีความมั่นใจในหัวใจของเขา เป้าหมายในใจถูกกำหนดตั้งแต่บัดนี้ ตั้งแต่นั้นมา หัวใจของกู้หนิงอันได้เพิ่มคำจำกัดความให้กับสตรีผู้นี้ คำจำกัดความที่คนธรรมดาไม่กล้าคิด
หลายปีต่อมา เมื่อจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ขอให้กู้หนิงอันเล่นหมากรุกด้วยกัน พระองค์ก็ตรัสถามกู้หนิงอันอย่างลำบากพระทัยว่า “พี่สาวของเจ้าดูธรรมดา รูปโฉมเทียบนางสนมในวังไม่ได้เลย อีกทั้งความรู้ของนางอยู่ในระดับปานกลาง ฐานะครอบครัวก็ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง แท้ที่จริงแล้วนางมีอะไรพิเศษกันแน่ เสด็จลุงของข้าถึงหลงใหลคลั่งไคล้นางขนาดนี้”
กู้หนิงอันค่อย ๆ วางหมากตัวสีดำพลางมองดูดอกไม้ในราชอุทยาน ราวกับจะเห็นหญิงที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานานกว่าสิบปีผู้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนโยน แต่ภายในกลับแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปนานก็กล่าวอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ฝ่าบาท ท่านพี่ปูทางให้กระหม่อม ส่งกระหม่อมจากหมู่บ้านอู๋ซีไปยังเมืองหลวง และส่งกระหม่อมจนถึงบังลังก์มาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ได้สนทนาและหัวเราะกับฝ่าบาท ดื่มชาและเล่นหมากรุกด้วยกัน ฝ่าบาทยังคิดว่าพี่สาวของกระหม่อมมีอะไรไม่พิเศษอีกหรือพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้ถึงกับอ้าพระโอษฐ์กว้างโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตน และก่อนที่พระองค์จะได้สติ ก็ได้ยินกู้หนิงอันพูดว่า “ขออภัยฝ่าบาทด้วยพะยะค่ะ กระหม่อมชนะฝ่าบาทด้วยโชคอีกครั้ง”
ฮ่องเต้มองหมากสีขาวที่ถูกหมากสีดำกินอีกครั้งด้วยความประหลาดพระทัย ก่อนที่พระองค์จะตรัสอะไร กู้หนิงอันก็ได้หายตัวไปนอกราชอุทยานเสียแล้ว
มี…ความสามารถ… วาจาของฮ่องเต้ค่อย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่น่าเสียดายที่คนผู้นั้นจากไปไกลแล้ว
ไม่รู้ว่าทักษะหมากรุกของกู้หนิงอันดีหรือเป็นคำตอบของกู้หนิงอันที่ดี
แน่นอน นี่เป็นเรื่องหลัง ๆ ที่ยังไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นกู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นพร้อมกับน้อง ๆ แต่งตัวเรียบร้อยและยืนอยู่ที่ประตูด้วยกัน ตามคำกล่าวที่ว่า ในวันปีใหม่ต้องเปิดประตูต้อนรับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
พวกกู้เสี่ยวหวานช่วยกันผลักประตูเปิด เนื่องจากประทัดถูกจุดขึ้นในชั่วข้ามคืน อากาศภายนอกจึงมีกลิ่นของดินประสิวเล็กน้อย
วันปีใหม่หมายความว่าปีใหม่กำลังจะมาถึง ในวันนี้ต้องไปเยี่ยมญาติหรือเพื่อน และกล่าวคำอวยพรปีใหม่แก่ผู้อาวุโส ในตอนนั้นที่กู้ฉวนฟู่ยังอยู่ กฎปีใหม่นี้ก็ได้รับการยกเว้น พอพูดขึ้นมาก็นึกถึงอีกเรื่อง
…………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อนาคตของหนิงอันได้ดีเพราะพี่สาวแท้ ๆ
สรุปแล้วผู้ในอนาคตของเสี่ยวหวานเป็นท่านอ๋อง?
ไหหม่า(海馬)