ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1300 งานเลี้ยงฉลอง
บทที่ 1300 งานเลี้ยงฉลอง
แผนการของอวิ๋นเอ๋อร์นั้นค่อนข้างเลยดีทีเดียว ขี้ขลาดไม่นับเป็นลูกผู้ชาย ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี ตราบใดที่ได้กู้เสี่ยวมาเป็นสะใภ้ ไยต้องสนใจด้วยว่าวิธีการนั้นคือวิธีใด
สองแม่ลูกจากไปโดยไม่ได้สังเกตว่ามีสายตามาดร้ายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองแผ่นหลังของพวกนางสองคน
ร้านจิ่นฝูกลับมาเปิดร้านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เกิดการลดราคาครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ของส่วนลดที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นกำไรสำหรับลูกค้าขนาดไหน ร้านอาหารแน่นขนัดไปด้วยลูกค้ามากหน้าหลายตา
กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ในตอนเช้าทุกวันนางจะตรวจสอบบัญชีของเหลียงอวี้เฉิงอีกครั้ง เด็กคนนี้มีความเอาใจใส่และมีพรสวรรค์จริง ๆ แม้ว่าข้อมูลจะซับซ้อน แต่เขาก็สามารถทำออกมาอย่างไร้ข้อผิดพลาด
นอกจากนี้ บัญชีบนกระดานยังชัดเจนและเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับว่าต้องเป็นคนทำบัญชีระดับที่ทำงานมาหลายสิบปีเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้
กู้เสี่ยวหวานพอใจกับผลงานครั้งนี้มาก และเอ่ยให้กำลังใจเขาเป็นครั้งคราว
หลังจากส่งลูกค้าคนสุดท้ายออกไป ทุกคนภายในร้านจิ่นฝูก็มารวมตัวกันอีกครั้ง งานเลี้ยงของกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เพิ่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
หม้อไฟ เหล้าชั้นดี แม้ว่าตอนนี้จะมืดสนิท แต่ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน
แม้ว่าจะมีกิจกรรมจัดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่บัญชีของร้านก็มีเงินสะพัดหลายพันตำลึง กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว และนำเงินส่วนตัวออกมาแจกลูกจ้างในร้านทุกคนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
เรื่องนี้คือสิ่งที่นางและฉินเย่จือได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว ลูกจ้างในร้านทุกคนจะได้รับเงินพิเศษคนละห้าตำลึงเงิน เหลียงอวี้เฉิงได้เจ็ดตำลึงเงิน เกาจื่อและหลี่พ่างจื่อได้คนละสิบตำลึงเงิน
ครั้นเกาจื่อและหลี่พ่างจื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานต้องการมอบเงินให้พวกเขาจึงรู้สึกเกรงใจ และคิดว่าตนเองจะกล้ารับเงินนี้ได้อย่างไร แม้ว่าในอดีตตราบใดที่กิจการร้านจิ่นฝูจะดีแค่ไหน เจ้าของร้านจะให้เงินพิเศษแก่พวกเขา นอกจากเงินรายเดือน พวกเขาก็ยังได้รับเงินพิเศษ
การดูแลพ่อครัวของร้านจิ่นฝูนั้นดีกว่าร้านอื่นในเมืองหลิวเจียหลายเท่า
เกาจื่อและหลี่พ่างจื่อไม่ต้องการมัน พวกเขารีบโบกมือพัลวัล และบอกว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำ ถ้าอยากจะให้ก็ให้คนอื่นเถอะ
เหลียงอวี้เฉิงและลูกจ้างในร้านคนอื่นก็ไม่ยอมรับเงินเช่นกัน
มีลูกจ้างหลายคนที่เพิ่งมาทำงานใหม่ได้ไม่กี่วัน หลังจากทำงานอย่างขยันขันแข็งก็ได้รับรางวัลอย่างเหมาะสม ซึ่งทำให้พวกเขาทั้งหมดก็ตกใจ และได้ยินมาว่าร้านจิ่นฝูดูแลลูกจ้างในร้านอย่างดี แต่เขาไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้
มาทำงานได้ไม่กี่วันก็ได้เงินรางวัลห้าตำลึงเงินแล้ว มันเท่ากับจำนวนเงินรายเดือนที่พวกเขาต้องใช้เวลาทำงานหลายเดือน
กู้เสี่ยวหวานเมาเล็กน้อย โบกมือของนางและพูดอย่างภาคภูมิใจ “พวกเจ้ารับไป รับไปเถอะ ตราบใดที่พวกเจ้าทำงานหนักในร้านจิ่นฝู ร้านจิ่นฝูก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างเลวร้าย”
แท้จริงแล้ว ร้านจิ่นฝูไม่เคยปฏิบัติต่อใครอย่างเลวร้าย
แม้แต่ลูกจ้างที่แว้งกัดกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวก็คำนวณเงินรายเดือนของพวกเขา และให้เงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย หญิงที่เปี่ยมไปด้วยความอดทนเช่นนี้ เมืองหลิวเจียจึงไม่มีใครเทียบได้
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมรับ กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและพูดต่อ “อาจารย์เกา อาจารย์หลี่ ท่านเป็นผู้อาวุโสของร้านจิ่นฝู ตอนที่ท่านลุงหลี่อยู่ที่นี่ เขาเคารพท่านทั้งสองมากแค่ไหนมีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้ท่านลุงหลี่ย้ายไปอยู่เมืองหลวงแล้ว และข้าเข้ามาดูแลร้านจิ่นฝูต่อ ข้าก็ควรเคารพท่านในฐานะผู้อาวุโส ร้านจิ่นฝูเป็นของข้า แต่ก็เป็นของทุกคนเหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับผลประโยชน์ที่ร้านจิ่นฝูนำมาให้เรา”
กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยความจริงใจ เกาจื่อและหลี่พ่างจื่อต่างรู้สึกประทับใจมากเช่นกัน
พวกเขาทยอยเข้ามารับเงินทีละคน เหลียงอวี้เฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากและรับเงินไปด้วยความซาบซึ้ง เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดยอมรับเงินนี้ไป กู้เสี่ยวหวานก็รินเหล้าหนึ่งจอกและพูดอย่างมีความสุขว่า “มาเถอะ มาดื่มกันเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเราในอนาคต”
“หมดจอก”
ค่ำคืนนั้นทุกคนร่ำสุรากันอย่างมีความสุข
กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก หนึ่งคือร้านจิ่นฝู และสองคือพี่ฉือโถว ด้วยเหตุนี้นางจึงดื่มเหล้าไปมากเพื่อดื่มฉลองให้ฉือโถวและฟ่านหลิงเป็นพิเศษ
“พี่ฉือโถว แม่นางฟ่านเป็นคนดี ท่านต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดี และอย่าได้รังแกนางเป็นอันขาด” กู้เสี่ยวหวานพูดกับฉือโถว
ทันทีหลังจากนั้นก็มองไปที่ฟ่านหลิงและพูดว่า “ท่านพี่ พี่ฉือโถวของข้าเป็นคนดี ซื่อสัตย์และไม่ชอบพูด ดังนั้นท่านก็อย่างได้รังแกเขาล่ะ”
กู้เสี่ยวหวานจ้องมองที่พวกเขาสองคนด้วยดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์สุรา และเอ่ยเตือนกับพวกเขาแต่ละคน
ฟ่านหลิงหน้าแดงซ่าน นางเหลือบมองฉือโถวเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเขินอาย ทันใดนั้น ฉือโถวก็ก้มศีรษะลงและลุกออกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างคิดว่าฉือโถวรู้สึกเขิน จึงชี้ไปที่ด้านหลังของเขาและหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ดูฉือโถวสิ เขากำลังจะเป็นเจ้าบ่าวอย่างเป็นทางการ ดูท่าทางเขาสิ ฮ่าๆๆๆ”
“ถูกต้อง เขาจะเป็นเจ้าบ่าวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ ข้าเกรงว่าเขาคงจะรู้สึกเขิน จะยังมัวมาเขินอันใดอยู่ อย่างไรเสียทุกคนก็ต้องผ่านขั้นตอนนี้ ตอนนี้อาจจะรู้สึกเขิน แต่ในอนาคตเขาจะต้องรู้สึกว่ามันสวยงาม ฮ่า ๆๆๆ”
โต๊ะนี้เป็นโต๊ะของเหล่าเครือญาติ นอกเหนือจากคนของสวนกู้แล้วก็มีเพียงเกาจื่อและหลี่พ่างจื่อที่นั่งรวมโต๊ะเดียวกัน
คนในสวนกู้จะไม่พูดเรื่องขบขันของฉือโถวแบบนี้ ดังนั้นจึงมีเพียงเกาจื่อและหลี่พ่างจื่อเท่านั้นที่พูดออกมา
กู้เสี่ยวหวานดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น
ฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ นั่งกุมมือนางอยู่ตลอดเวลา สายตาจ้องมองกู้เสี่ยวหวานไม่วางตา เมื่อเห็นผมที่ติดอยู่กับริมฝีปากของนาง ฉินเย่จือจึงเอนตัวไปและใช้ปลายนิ้วเกี่ยวผมที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากไปทัดหูของนางด้วยความรักใคร่
กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะชินกับมันแล้ว
เกาจื่อและหลี่พ่างจื่อเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง และพูดแซวฉินเย่จือกับกู้เสี่ยวหวาน
“เถ้าแก่ เราจะได้ดื่มเหล้าฉลองงานแต่งของฉือโถวในเร็ว ๆ นี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าเราจะได้ดื่มเหล้าฉลองงานของนายน้อยฉินเมื่อไร” เกาจื่อหัวเราะร่วน
และทุกคนบนโต๊ะเงียบลงอย่างกะทันหัน
ไม่มีใครสังเกตว่าฉือโถวที่เดินออกไปแล้ว ชะงักฝีเท้าหลังจากได้ยินประโยคนี้ ร่างกายของเขาเสียการทรงตัวและเกือบจะล้มลงกับพื้น
โชคดีที่มีกำแพงอยู่ข้าง ๆ เขาจึงพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้
………………………………………………….