ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1308 ข้ามีเพียงแค่เจ้า
บทที่ 1308 ข้ามีเพียงแค่เจ้า
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้ฉินเย่จือหลีกไปได้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชาย เขาก็สามารถเคียงข้างนางได้เพียงแค่สิบปีเท่านั้น แต่ว่าสามีของนางสามารถอยู่เคียงข้างนางได้ตลอดไป
“อ้อ… ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง” กู้เสี่ยวหวานเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก เมื่อครู่ที่เห็นสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดของฉือโถว นางยังกังวลว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรือไม่
“เสี่ยวหวาน ทำไมเจ้าถึงได้ซื้อของมามากมายเช่นนั้น” เมื่อฉือโถวเห็นนางไม่ตอบจึงถามใหม่อีกครั้ง
เขารู้ว่าเพราะอะไรกู้เสี่ยวหวานถึงได้ซื้อข้าวของมามากมายถึงเพียงนั้น แต่ว่าเขาก็ยังอยากจะได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากของนางเอง
ฉือโถวมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาเปล่งประกาย ทว่าในดวงตาที่แสนธรรมดาคู่นั้นได้ซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวเอาไว้โดยที่คนภายนอกไม่สามารถมองไม่ออกได้
“พี่ฉือโถว ท่านเป็นพี่ชายของข้า ดีต่อข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก คอยดูแลและช่วยเหลือข้ามาเสมอ หากไม่มีท่านก็จะไม่มีพวกข้าในตอนนี้ หากไม่มีพวกท่านก็จะไม่มีสวนกู้ในตอนนี้ งานแต่งงานของท่านนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ของพวกนี้ที่ข้าซื้อมาก็มอบให้ท่านใช้แต่งงาน” กู้เสี่ยวหวานตอบตามความจริง ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่รู้บุญคุณคน เมื่อก่อนใครทำอย่างไรกับนาง เมื่อนางเติบโตขึ้น ใครที่ดีต่อนางและใครที่ไม่ดีต่อนาง นางเองก็มองออกได้อย่างชัดเจน
คนที่ดีต่อนางนั้น นางย่อมต้องทำดีกลับไปเป็นเท่าตัว คนที่ไม่ดีต่อนาง นางเองก็ไม่จำเป็นต้องทำดีกับคนพวกนั้น
เมื่อได้ยินคำตอบของกู้เสี่ยวหวาน แม้ว่าจะเป็นเหตุผลที่อยู่ในใจของเขาแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ฉือโถวก็ยังรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
ใช่แล้ว เพราะว่านางปฏิบัติต่อตัวเองเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น
“พี่ฉือโถว แม่นางฟ่านเป็นสตรีที่ดี ต่อไปนี้พวกท่านจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่” กู้เสี่ยวหวานเห็นฉือโถวไม่พูด ในตอนนี้นางจึงพูดขึ้น
ฉือโถวพยักหน้า “อืม ข้ารู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องมีชีวิตที่ดี ไม่ทำให้เจ้าต้องกังวลแน่”
ฉือโถวเงยหน้าขึ้น พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสีหน้าที่เอาใจ
กู้เสี่ยวหวานเองก็พยักหน้า “ข้าหวังว่าทุกคนจะมีชีวิตที่ดีมีความสุข”
หลังจากแยกกับฉือโถว ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานก็กลับไปที่ห้องน้ำชา จนกระทั่งฉินเย่จือชงชาแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่เอ่ยคำพูดอะไรเลยสักคำ
ฉินเย่จือเองก็เป็นคนที่ฉลาด จึงชงชาหลันเสวี่ยแทนกู้เสี่ยวหวานหนึ่งถ้วย วางลงเบา ๆ ตรงหน้านาง และเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เจ้ารู้ว่าเขาชอบเจ้า”
ฉินเย่จือยังพูดไม่ทันจบก็ลังเลที่จะพูดต่อ
ท่าทางที่เสียใจต่อกู้เสี่ยวหวานในตอนนั้น ฉินเย่จือจะมองไม่เข้าใจได้อย่างไร
“เขาชอบข้าก็เป็นเพียงแค่ความรักของพี่น้องก็เท่านั้น” กู้เสี่ยวหวานจิบชาตรงหน้าเบา ๆ กลิ่นหอมของชานั้นเข้าสู่ร่างกายในทันที นางรู้สึกผ่อนคลายสบายใจไปทั่วทั้งตัว
“ฟ่านหลิงเป็นสตรีที่ดีเหมาะสมกับพี่ฉือโถวมาก” กู้เสี่ยวหวานจะไม่รู้ความคิดของฉือโถวที่มีต่อตัวเองได้อย่างไร แม้ว่านางจะไม่รู้มาก่อน แต่เมื่อครู่ตอนที่เห็นฉือโถวพูดกับตัวเองด้วยสายตาที่อ่อนโยนนั้น กู้เสี่ยวหวานก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพียงแต่นางมีความรู้สึกต่อฉือโถวเพียงแค่พี่น้องเท่านั้น นอกเหนืออย่างอื่นนั้นไม่มีเลย
ยิ่งไปกว่านั้น นางมีฉินเย่จืออยู่แล้ว
ในโลกนี้ไม่มีใครจะเทียบฉินเย่จือได้
“พี่เย่จือ”
“อืม”
“หลังจากนี้ไป ท่านจะมีสตรีคนอื่นอีกหรือไม่” จู่ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็ถาม
“อะไรนะ” มือของฉินเย่จือบีบถ้วยชาในมือแน่นจนข้อต่อกระดูกมีสีขาว ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ในสายตานั้นยังมีความตื่นตระหนกที่ยากจะสังเกต
“หากท่านกล้ามีสตรีอื่นในวันข้างหน้า ข้าจะทิ้งท่านไปแน่” จู่ ๆ ก็เสี่ยวหวานก็พูด
ฉินเย่จือวางถ้วยชาในมือลงแล้วกุมฝ่ามือของกู้เสี่ยวหวาน “หวานเอ๋อร์ ในโลกนี้ข้าจะมีเจ้าเป็นสตรีเพียงแค่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ด้วยเช่นกัน”
เมื่อฉินเย่จือพูดเช่นนี้ก็มีความเด็ดเดี่ยวหนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง
บางทีอาจจะเป็นเพราะถูกสายตาที่มั่นคงของฉินเย่จือทำให้หวั่นไหว ความหดหู่ของกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ก็หายไปในทันที
ในโลกนี้มีความรักมากมายหลายรูปแบบ มีผู้คนมากหน้าหลายตา
แค่ความรักเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้หัวใจคนหยุดเต้นได้ ข้าชอบเจ้ามากที่สุด และคนที่ข้ารักมากที่ก็คือเจ้าเช่นกัน
นอกจากนี้ที่เหลือนั้นก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่ผ่านไปผ่านมาตามกาลเวลาเท่านั้น
ชีวิตคนเราผ่านไปอย่างรีบเร่งไม่อาจนับได้
คนจริงใจมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
วันที่ดีนั้นมาถึง ฉือโถวก็นำสินสอดเหล่านั้นไปด้วยตัวเอง เคาะฆ้องตีกลองไปที่บ้านตระกูลฟ่านเพื่อมอบสินสอด
หีบไม้หวางฮวาหลีที่ใหม่เอี่ยมกับขบวนที่ยิ่งใหญ่กำลังเคลื่อนไปตามทาง
คนในหมู่บ้านเคยเห็นขบวนที่ใหญ่โตมากเช่นนี้เสียที่ไหน ทั้งสองข้างทางจึงเบียดเสียดกันแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ทุกคนไม่เคยเห็นสินสอดที่มากมายเช่นนี้มาก่อน แต่ละหีบก็เป็นหีบใหญ่ที่ทำจากไม้หวางฮวาหลี
ฉือโถวขี่ม้ารูปงามอยู่ข้างหน้าสุด เนื่องจากวันนี้เขาจะไปมอบสินสอดให้ตระกูลฟ่านด้วยตัวเอง
เพราะว่าใกล้จะต้องออกเรือนแล้ว ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรในบ้าน ฟ่านหลิงก็แย่งมาทำ ด้วยคิดว่าจะต้องช่วยทำงานบ้านให้ดี ๆ ก่อนที่จะต้องออกจากเรือน
วันนี้นางเองก็รู้ว่าฉือโถวจะต้องมามอบสินสอด นางจึงแต่งตัวอย่างเรียบร้อยรอคอยอยู่ในบ้าน
ฟ่านต้าฉวีและฟ่านอวี้ก็รออยู่ในบ้านพลางพูดคุยเป็นเพื่อนนาง
มารดาของฟ่านหลิงด่วนจากไปเร็ว ในบ้านจึงไม่มีสตรีคนใดสามารถพูดคุยด้วยได้ ฟ่านต้าฉวีจึงเป็นทั้งบิดาทั้งมารดาคอยสอนฟ่านหลิงว่าควรใส่ใจกับเรื่องใดในบ้านบ้าง
“หลิงเอ๋อร์ การแต่งงานนี้เป็นการแต่งงานที่ดี เมื่อเจ้าแต่งไปแล้วจะไม่มีทางเสียเปรียบ เจ้าดูท่าทีคนตระกูลจางที่มีต่อเจ้าก็สามารถมองออกแล้ว เจ้าแต่งเข้าไป แม่สามีเจ้าจะต้องมองเจ้าเฉกเช่นบุตรสาว ไม่มีทางที่จะทำให้เจ้าต้องโกรธเคืองแน่ ยังมีเจ้าเด็กฉือโถวนั่น แม้ว่าจะเป็นคนดูที่เฉื่อยชา แต่ว่าพ่อนั้นมองออกว่าเขาก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เจ้าวางใจเถอะ หากแม่เจ้ารู้ว่าเจ้าแต่งงานกับครอบครัวที่ดีมากเช่นนี้ แม่เจ้าเองก็ต้องจากไปอย่างสงบแล้ว” ฟ่านต้าฉวีพูดกับฟ่านหลิงที่อยู่ข้าง ๆ และพูดถึงภรรยาที่จากไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ฟ่านต้าฉวีนึกถึงวันเก่า ๆ ก็เช็ดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ
ฟ่านหลิงเองก็หลั่งน้ำตาออกมาเช่นกัน
ฟ่านอวี้ดึงมือของฟ่านหลิงอยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “ท่านพี่ ถ้าท่านแต่งงานไปแล้ว หากข้าคิดถึงท่านจะทำอย่างไร ฮือ ๆ ท่านพี่ ข้ายังไปเยี่ยมท่านได้หรือไม่”
ฟ่านหลิงเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนที่จะแต่งงานออกเรือนไป แต่ฟ่านอวี้อยากใช้เวลาอยู่กันฟ่านหลิงให้มากที่สุดในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าถ้าพี่สาวออกเรือนไปแล้ว ในวันข้างหน้าเขาจะไม่สามารถเดินตามหลังพี่สาวได้อีกแล้ว