ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1315 เลี้ยงดูซุนซื่อและลูกสาว
บทที่ 1315 เลี้ยงดูซุนซื่อและลูกสาว
เมื่อเห็นพวกเขาออกจากร้านไปแล้ว จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “พี่ใหญ่ฉิน เหตุใดท่านถึงไม่สนใจข้าสักนิด”
สีหน้าของนางดูเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา
ลี่เหนียงไม่อยากสนใจนาง จึงเดินหายเข้าไปข้างหลังผ้าม่านทันที
กู้ซินเถาเห็นท่าทางเศร้าใจของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รีบเข้าไปปลอบ “อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ต้องเสียใจ กู้เสี่ยวหวานเป็นคนช่วยพี่ใหญ่ฉินจากความตาย อยู่ต่อหน้านาง เขาย่อมไม่กล้าพูดคุยกับพวกเรา”
อันที่จริงกู้ซินเถายังมีคำพูดอีกครึ่งหนึ่งที่ยังพูดไม่จบ ต่อให้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้อยู่ด้วย เขาก็ไม่มีทางมองเจ้า และไม่มีทางพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว
กู้ซินเถานึกถึงสิ่งที่ตนเคยทำให้ฉินเย่จือคับข้องใจในอดีต ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า
กู้เสี่ยวหวาน! ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้ข้าได้ดี ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าได้ดีเหมือนกัน! กู้ซินเถาคิดอย่างมาดมั่น
“ซินเถา ที่เจ้าบอกว่าหากไม่ได้อยู่ต่อหน้าหญิงผู้นั้น พี่ใหญ่ฉินจะชายตามองข้า มันหมายความว่าอย่างไร” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างมีความหวัง ดวงตาเปล่งประกายมองมาที่กู้ซินเถาอย่างตื่นเต้น เฝ้ารอคำตอบจากนาง
“อืม… อวิ๋นเอ๋อร์งดงามถึงเพียงนี้ พี่ใหญ่ฉินย่อมต้องมองเจ้าอยู่แล้ว” กู้ซินเถาพูดเอาอกเอาใจ ทว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมองมาด้วยสายตาแข็งกร้าวและพูดอย่างไม่พอใจ “ข้าเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ฉินได้คนเดียวเท่านั้น เจ้าห้ามเรียก”
กู้ซินเถารีบพยักหน้าพร้อมส่งเสียงตอบรับ ท่าทางตกใจปนประหม่าเดินตามจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับไป
รถม้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รออยู่ข้างนอก กู้ซินเถาต้องทำตัวราวกับสาวใช้ ประคองจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ขึ้นรถม้าก่อน ตนถึงตามขึ้นไป ระหว่างทางกลับไปที่ตระกูลจ้าว จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และกู้ซินเถาเอาแต่คุยกันถึงแผนการที่จะทำให้กู้เสี่ยวหวานตกลงจากหลังม้า
หลังจากหารือเรื่องแผนการตอบโต้ ในที่สุดจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ลงจากรถม้าและกลับบ้าน ทว่ากู้ซินเถาก็ตามเข้าไปด้วย…
ที่แท้กู้ซินเถาก็ประจบจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เพื่อให้ตนเองได้อยู่ในเมืองรุ่ยเสียน! นางไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง นางจึงต้องมาอาศัยอยู่ที่เรือนของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ชั่วคราว
กู้ซินเถาและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เดินมาถึงห้องโถงพร้อมกัน ซุนซื่อและหงซื่อกำลังนั่งคุยกันอยู่ ทันทีที่เห็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาแล้ว หงซื่อจึงพูดหยอกเย้าว่า “ดูซินเถาของเจ้าสิ สวยสง่าราศี ไม่เหมือนเจ้าเด็กดื้อรั้นของข้า”
กู้ซินเถารู้ว่าหงซื่อพูดตามมารยาท แต่นางก็ยังยิ้มเขิน ๆ ตอบ
ทว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ผู้เติบโตมาท่ามกลางถ้อยคำชื่นชมของหงซื่อและคนอื่น จู่ ๆ ได้ยินแม่ตัวเองยกย่องคนอื่นต่อหน้าผู้คนมากมาย จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ถึงกับหันไปจ้องมองกู้ซินเถาด้วยสายตาดุดัน
กู้ซินเถารู้สึกได้ถึงสายตามุ่งร้ายของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ จึงรีบพูดอะไรสักอย่างทันที “ฮูหยิน หากจะพูดถึงความงามแล้วนั้น ผู้ใดจะมาเทียบความงามทั้งกายและใจของอวิ๋นเอ๋อร์ได้”
กู้ซินเถารีบพูดยกยอจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ซุนซื่อผู้เข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นลูกต้องการจะสื่อ จึงรีบพูดเสริมทันที “ใช่แล้ว ๆ เรามาจากตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้น จะไปเทียบกับคุณหนูจ้าวผู้สูงศักดิ์และสง่างามได้อย่างไรกัน”
สองแม่ลูกพูดจาชื่นชมจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่หยุด นางก็เริ่มใจชื้นขึ้น เชิดหน้าขึ้นด้วยภาคภูมิ เดินไปนั่งประจำที่ของตน ทำราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น
หงซื่อมองเข้าไปในดวงตาของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้ได้ทันทีว่ากู้ซินเถาตกอยู่ใต้อำนาจของนางเสียแล้ว
ยามนี้กู้ซินเถาเหมือนเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย ยืนมือประสานไว้ด้านหน้าลำตัว ก้มมองพื้นอย่างกับสาวชาวบ้านฐานะธรรมดาที่เพิ่งออกมาเผชิญโลกกว้าง หงซื่อหันมองไปมองอวิ๋นเอ๋อร์ของนางที่มักจะได้รับคำชื่นชมจากผู้คนมากมายจนกลายเป็นเรื่องชินชาในหัวใจ ใบหน้าของผู้เป็นแม่พลันเปลี่ยนเป็นภูมิใจ
หงซื่อและซุนซื่อพูดคุยกันอีกสองสามคำ จากนั้นจึงสั่งให้คนพาสองแม่ลูกตระกูลซุนกลับไปที่เรือนรับรองเล็ก ๆ
ทันทีที่พวกนางจากไป จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ทำหน้าบึ้งตึงทันที “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงให้พวกนางอยู่ที่เรือนของเราด้วย”
แถมยังให้นางญาติดีกับกู้ซินเถา ตัวนางสูงส่งขนาดไหน เหตุใดต้องมาแสร้งทำดีกับหญิงสาวชาวบ้านที่มาจากชนบทอย่างกู้ซินเถาด้วย นี่มันเป็นการลดตัวให้ต่ำลงชัด ๆ
สีหน้าไม่พอใจของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยิ่งชัดขึ้นเมื่อนึกถึงยามที่กู้ซินเถาเรียกฉินเย่จือว่าพี่ใหญ่ฉินเหมือนตนเอง ‘พี่ใหญ่ฉิน’ สามคำนี้ออกมาจากปากของหญิงสาวชาวบ้าน ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง!
หงซื่อเห็นสีหน้าไม่สบอามารณ์ของลูกสาว นางก็รู้ว่าลูกสาวผู้นี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนต้องสั่งให้นางทำเช่นนั้น แม้ว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะทำตาม แต่ก็หาได้เต็มใจไม่
ย้อนกลับไปในยามที่ได้พบซุนซื่อและกู้ซินเถาจนตรอกอยู่ที่ร้านจิ่นฝู หงซื่อตัดสินใจพาคนทั้งสองกลับมาด้วย เชิญหมอมารักษา หาข้าวปลาอาหารดี ๆ ให้พวกนางได้ดื่มกิน
และที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะเหตุผลบางอย่างที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังไม่เข้าใจ
“ท่านแม่ ท่านจะเก็บพวกนางไว้เพื่อสิ่งใดกัน พวกนางไม่มีประโยชน์ ถูกกู้เสี่ยวหวานเล่นงานอย่างหนักจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยามพลางนั่งลงตรงที่ที่ซุนซื่อนั่งก่อนหน้านี้
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าไม่เข้าใจข้า” หงซื่อเห็นสีหน้าร้อนรนราวกับทนไม่ไหวแล้วของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ก็รีบอธิบายให้นางเข้าใจทันที “ก็เพราะว่าพวกนางถูกกู้เสี่ยวหวานเล่นงานอย่างหนักอย่างไรเล่า เราจึงต้องทำดีเพื่อดึงพวกนางมาเป็นพวกเดียวกัน บางทีพวกนางอาจจะมีประโยชน์กับเราก็ได้”
ยิ่งความโกรธแค้นระหว่างคนในตระกูลกู้สายหลักกับกู้เสี่ยวหวานรุนแรงขึ้นมากเท่าไรก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น และจะดีที่สุดหากทั้งสองฝ่ายหันมาต่อสู้กันเอง
หากเป็นอย่างที่คิด แผนการใช้ตระกูลกู้สายหลักเพื่อจัดการกู้เสี่ยวหวานช่วยนางได้เยอะทีเดียว
“ท่านแม่ ท่านคิดจะทำสิ่งใด” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว เคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าเรื่องนี้นางจะเป็นคนจัดการเอง เหตุใดจึงต้องดึงกู้ซินเถาเข้ามาเกี่ยวด้วย
ครั้นนึกถึงท่าทางเจ้าเล่ห์ของกู้ซินเถายามที่ช่วยพยุงนางขึ้นรถม้า ทั้งยังบังอาจมาเรียกพี่ใหญ่ฉินเสียงอ่อนเสียงหวานอีก จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามครั้งยิ่งใหญ่
“อวิ๋นเอ๋อร์ แม่ไม่ได้คิดสิ่งใดเลยนอกจากเรื่องแต่งกู้เสี่ยวหวานเข้ามาเป็นสะใภ้” หงซื่อถอนหายใจเสียงดังเฮ้อยาว ๆ
ขอเพียงเจี๋ยเอ๋อร์ได้แต่งกับกู้เสี่ยวหวาน เพียงเท่านี้สถานะของเจี๋ยเอ๋อร์ก็จะสูงส่งกว่าจ้าวจื่อชงมากโขแล้ว
นายท่านนับวันอายุก็ยิ่งมากขึ้น แล้วผู้ใดกันเล่าจะได้เป็นผู้ดูแลจวนตระกูลจ้าวต่อไป แน่นอนว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของลูกชาย
จ้าวจื่อชงเป็นลูกชายคนโต โอกาสที่เขาจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลจ้าวย่อมมีมากกว่าเจี๋ยเอ๋อร์ เรื่องนี้ฮูหยินเฒ่าได้เปรียบนาง หากเป็นอย่างนั้นจริง แล้วเราสามแม่ลูกจะยังมีที่ยืนอยู่หรือไม่?
แต่จ้าวสวิ่นให้ความสำคัญกู้เสี่ยวหวานมาก หากคว้าตัวกู้เสี่ยวหวานมาได้ โอกาสที่เจี๋ยเอ๋อร์จะได้เป็นนายท่านตระกูลจ้าวก็จะมีมากขึ้น