ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1327 มาบ้านจ้าวเพื่อถกปัญหา
บทที่ 1327 มาบ้านจ้าวเพื่อถกปัญหา
“คุณหนู เมื่อคืนข้าเฝ้าอยู่ที่บ้านของหงซื่อทั้งคืน ฟ่านอวี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านของหงซื่อ แต่ข้าได้ค้นพบเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง กู้ซินเถาและซุนซื่ออยู่ที่บ้านของหงซื่อ” อาจั่วเข้าไปในห้องของกู้เสี่ยวหวาน เห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังอยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่จือ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูใกล้ชิดกันมาก
อาจั่วคุ้นเคยกับมันแล้ว นางจึงก้มศีรษะลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหน้าแดงและรีบผละออกจากอ้อมกอดของฉินเย่จือ โชคดีที่เสื้อผ้าบนร่างกายของนางมีรอยย่นเพียงเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นและไปยืนอยู่ข้างหน้าอาจั่ว
ใบหน้าของฉินเย่จือสงบลง และลุกยืนขึ้นข้างกู้เสี่ยวหวาน
เมื่ออาจั่วพูดถึงเรื่องที่บ้านของหงซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ซุนซื่อกับลูกอยู่ที่บ้านของหงซื่อหรือ”
“ข้าเห็นพวกนางสองคนแม่ลูก” อาจั่วตอบอย่างมั่นใจ
แปลกจริง ๆ กู้ซินเถาเผชิญหน้ากับหงซื่อและคนอื่น ๆ อีกครั้งได้อย่างไร
“พี่เย่จือ ท่านคิดอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะของนางไปถามฉินเย่จือ
ฉินเย่จือแตะคางของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้มันชักจะน่าสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ”
แต่ช่างมันเถอะ ก่อนที่จะไปเมืองหลวง ลงไปเล่นสนุกกับพวกเขาเสียหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่ว่าพวกนางวางแผนทำร้ายกู้เสี่ยวหวานหรือ? ให้พวกนางรู้ว่าหากพวกนางกล้าที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของหวานเอ๋อร์ ก็อย่าโทษว่าเขานั้นโหดร้ายเพียงใด
เมื่อตอนที่กู้เสี่ยวหวานได้พบจ้าวสวิ่น จ้าวสวิ่นอยู่ที่จวนตระกูลจ้าว
คนรับใช้ที่เปิดประตูเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา เขาเชิญกู้เสี่ยวหวานเข้ามาและต้อนรับด้วยความยินดี ส่วนอีกคนหนึ่งวิ่งไปบอกฮูหยินจ้าว
ฮูหยินจ้าวและจ้าวสวิ่นกำลังรับประทานอาหารเช้า เมื่อพวกเขาได้ยินคนมารายงานว่ากู้เสี่ยวหวานมาเยือน ใบหน้าของจ้าวสวิ่นและภรรยาของเขาแสดงท่าทีประหลาดใจ “เสี้ยนจู่มาได้อย่างไร”
“เจ้าถามข้าหรือ ถ้าข้าย้อนถามเจ้า เจ้าจะรู้หรือไม่” จ้าวสวิ่นเองก็งงงวยเช่นกัน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้ข้าเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเสี้ยนจู่” ฮูหยินจ้าวกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าบอกให้เจ้าแวะเวียนไปหาเสี้ยนจู่มากขึ้น มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับอนาคตของชงเอ๋อร์ มันมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย” จ้าวสวิ่นพูดด้วยความโกรธเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฮูหยินจ้าว
ฮูหยินจ้าวบ่นพึมพำ “ท่านคิดว่าข้าไม่ต้องการคบหากับนางหรือ ใช่ว่าท่านจะไม่รู้นิสัยของเสี้ยนจู่ ข้าอยากไปมาหาสู่กับนางตลอดเวลา แต่นางเองไม่ได้อยากทำเช่นนั้น ดีแค่ไหนแล้วที่นางไม่เกลียดชงเอ๋อร์ของเรา ถ้าข้าทำให้นางรำคาญโดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้นางรู้สึกไม่ดีต่อครอบครัวของเรา สิ่งที่สูญเสียไปคงจะมีมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ดีเท่ากับ
ตอนนี้”
ฮูหยินจ้าวเป็นคนฉลาด
ทุกวันนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในเมืองหลิวเจีย และนางก็เป็นคนใจอ่อน แม้ว่านางจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็มีจิตวิญญาณที่โดดเด่นกว่าผู้ชาย
ในอดีตฮูหยินจ้าวต้องการให้กู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสะใภ้ของนาง แต่ต่อมาหลังจากประจันหน้ากับกู้เสี่ยวหวาน นางก็ล้มเลิกความคิดนี้เช่นกัน
แม่นางที่ทรงพลังเช่นนี้ แม้ว่าจะมีฮูหยินจ้าวสักสิบคน แต่ก็คงสู้กับกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ นับประสาอะไรกับชงเอ๋อผู้อัปลักษณ์ที่นางเลี้ยงมากับมือ
ไม่ใช่เพราะจะถูกกู้เสี่ยวหวานควบคุมหรอกหรือ?
คิดไปก็เท่านั้น ลืม ๆ มันไปเสียเถอะ!
ตั้งแต่นั้นมา ฮูหยินจ้าวก็ไม่เคยคิดว่าจะเอากู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสะใภ้ของตนอีก และความสัมพันธ์กับกู้เสี่ยวหวานก็ห่างเหินไปทีละน้อย ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในโชคร้าย ไม่ประจบประแจงและไม่เข้าหามากเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินจ้าว ชงเอ๋อร์ และกู้เสี่ยวหวานถือว่าค่อนข้างดี
แม้ว่าเราจะเป็นสหายที่ดีต่อกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูเช่นกัน
จ้าวสวิ่นได้ฟังความคิดของฮูหยินจ้าวมามากกว่าหนึ่งครั้ง
ในอดีตเขาดูถูกฮูหยินจ้าวมาโดยตลอด โดยคิดว่าหญิงผู้นี้ค่อนข้างใจร้าย แต่ต่อมาเขาก็ค้นพบอย่างช้า ๆ ว่าภรรยาของเขามีสมองมากกว่าหงซื่อ หากมีเรื่องอะไร นางก็สามารถให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะได้ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดของนางไม่เลว
ถึงมันจะช้าไปสักหน่อย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จ้าวสวิ่นมีความคิดที่ชื่นชมฮูหยินจ้าวด้วยความจริงใจเป็นครั้งแรก
“ฮูหยิน เจ้าพูดถูก ชงเอ๋อร์แต่งงานกับนางไม่ได้เพราะเขาเองก็คงเทียบไม่ได้กับความสามารถของนาง เป็นการดีกว่าที่จะอยู่ห่างจากกันเพื่อที่นางจะได้ไม่เกลียดและไม่มีความรู้สึกแย่ ๆ ต่อกัน เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ฮูหยินช่างฉลาดเสียจริง” จ้าวสวิ่นพยักหน้าและชื่นชมว่าความคิดของฮูหยินจ้าวนั้นดี
สีหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและรีบพูดว่า “ข้าฉลาดแค่ไหน? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านเคยสอนหรอกหรือ? ข้าถึงเรียนรู้มันได้”
แน่นอนว่าทันทีที่นางพูดจบ จ้าวสวิ่นก็พอใจกับตัวเองมาก สายตาที่เขามองนางอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฮูหยินจ้าวลอบหัวเราะ โดยคิดว่าชีวิตที่ยากลำบากในอดีตนั้นเกิดจากตัวนางเองจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าจ้าวสวิ่นนั้นเหมือนเด็ก นางเกลี้ยกล่อมเยินยอเขาสองสามครั้ง เขาก็มีความสุขมากแล้ว พวกเขาสองคนดูพึงพอใจมาก และเมื่อพวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปที่ห้องโถง เสี้ยนจู่มาหาพวกเขาถึงที่นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ
เมื่อสามีภรรยามาถึงห้องโถง พวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“ไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่จะมาถึงที่นี่ ข้าขออภัยด้วยที่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ข้าหวังว่าเสี้ยนจู่จะไม่ตำหนิ” จ้าวสวิ่นกล่าวด้วยความเคารพต่อกู้เสี่ยวหวาน และใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงสุดในเมืองหลิวเจีย แน่นอนว่านางสามารถรับคำเคารพของจ้าวสวิ่นได้ แต่จ้าวสวิ่นผู้นี้ก็เป็นผู้อาวุโส กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวคำทักทายอย่างสุภาพกลับไปเช่นเดียวกัน “นายท่านจ้าวสุภาพเกินไปแล้ว เสี่ยวหวานมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ ข้าหวังว่านายท่านจ้าวแลฮูหยินจ้าวจะไม่ตำหนิเสี่ยวหวาน”
“เสี้ยนจู่ช่างสุภาพจริง ๆ อันที่จริงเราไม่มีคุณสมบัติที่จะพบท่านเสี้ยนจู่ วันนี้ท่านเสี้ยนจู่อยู่ที่นี่ ตระกูลจ้าวจึงเต็มไปด้วยความเป็นมงคล” ฮูหยินจ้าวยิ้มและเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือกู้เสี่ยวหวานและยิ้มอย่างอบอุ่น
กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถพูดได้ว่านางไม่ชอบฮูหยินจ้าว ทว่าตอนนี้นางกับฮูหยินนี้ก็เข้ากันได้ดี เรียกได้ว่านางมีความเคารพ ให้เกียรติ และสุภาพมาก
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวจื่อชงที่ถูกคนอื่นบอกว่าเขาเป็นคนเสเพล แต่เขาไม่เคยเป็นเช่นนั้นต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้เกลียดครอบครัวนี้
“นายท่านจ้าวและฮูหยินจ้าวต่างก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน วันนี้ข้าต้องรบกวนท่านทั้งสองจริง ๆ เพราะเสี่ยวหวานต้องการความช่วยเหลือ” หลังจากที่ทุกคนนั่งลง กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของจ้าวสวิ่นก็เปลี่ยนไป “เสี้ยนจู่ผู้มีแต่ความสันติต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือ? เสี้ยนจู่ได้โปรดบอกข้ามาเถิด ถ้าข้าช่วยท่านได้ ข้าจะบุกน้ำลุยไฟอย่างเต็มที่ ข้าจะไม่ลังเลเลย”
ฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี้ยนจู่ นางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดเสี้ยนจู่ถึงต้องการมาหาพวกเขา
กู้เสี่ยวหวานโบกมือของนางและพูดว่า “นายท่านจ้าวอย่าตกใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้าขอให้นายท่านจ้าวช่วยบอกกับหงซื่อว่า ถ้ามีเรื่องอะไรให้มาพูดกับเสี่ยวหวานและถามเสี่ยวหวานได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมาถามคนในครอบครัวของเสี่ยวหวาน”
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ จ้าวสวิ่นก็นั่งไม่ติด เคราของเขากำลังจะม้วนขึ้น “เสี้ยนจู่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานไม่พูดอ้อมค้อม “มีคนเห็นหงซื่อลักพาตัวคนในครอบครัวของข้า นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อมาตามหาคนในครอบครัวของข้า”
เมื่อจ้าวสวิ่นได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรงและพูดว่า “ข้าว่าแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่นางเล่าเรื่องให้ข้าฟังตั้งมากมายในคืนนั้น ที่แท้นางก็ยังไม่คิดยอมแพ้และยังมีความคิดที่คดโกงเหล่านี้อยู่!”
จ้าวสวิ่นกัดฟันในขณะที่เขาพูด ฮูหยินจ้าวรีบดึงแขนเสื้อของเขาและพูดเบา ๆ “นายท่านเกิดอะไรขึ้น เราจะคุยกันในภายหลัง ตอนนี้เสี้ยนจู่อยู่ที่บ้านของเราแล้ว อย่าทำตัวหยาบคายต่อหน้าเสี้ยนจู่”
หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยิน จ้าวสวิ่นก็รู้สึกตัว เขาพยักหน้าและพูดอย่างขอบคุณ “สิ่งที่ฮูหยินพูดมีเหตุผล”
จากนั้นจ้าวสวิ่นก็จับมือของนางแล้วเดินไปทางกู้เสี่ยวหวาน เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี้ยนจู่ ท่านวางใจได้ เรื่องนี้จะถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน ข้ารับปากว่าจะส่งคนกลับไปให้เสี้ยนจู่ได้อย่างแน่นอน”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและพูดด้วยความพึงพอใจ “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี”
ก่อนจากไป กู้เสี่ยวหวานพูดบางอย่างที่มีความหมาย “นายท่านจ้าว ท่านลุงของข้าทำชั่วมากมาย และเขายังคงถูกขังอยู่ในห้องขัง ไม่ใช่ว่าหลานสาวอย่างข้าไม่สนใจคนในครอบครัว แต่ความจริงก็คือ ใครก่ออาชญากรรมอะไรไว้ก็ต้องน้อมรับด้วยตนเอง หากข้าไม่ปล่อยให้เขาได้เผชิญกับชะตากรรมและมีความทรงจำที่ยาวนานเช่นนี้ ข้าเกรงว่าในอนาคตเขาอาจจะออกไปทำร้ายผู้อื่นอีก”
….
กู้เสี่ยวหวานนั่งรถม้าออกไป จ้าวสวิ่นและภรรยาของเขายังคงยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นว่ารถม้าของกู้เสี่ยวหวานลับตาไป พวกเขาจึงกลับเข้าไปในบ้าน
“หญิงผู้นั้นยิ่งอยู่ยิ่งออกลาย ข้าเคยคิดว่านางมีการศึกษา มีเหตุผล อ่อนโยนและน่าคบหา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่ผ่านมานางจะเสแสร้ง” ยิ่งจ้าวสวิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็โกรธมากขึ้น เขาอยากที่จะพุ่งตัวไปหาหงซื่อเสียตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จะจัดการคนอย่างนาง
หลังจากได้ยินคำพูดของจ้าวสวิ่น ฮูหยินจ้าวพลันรู้สึกโล่งใจมาก
หลังจากผ่านไปหลายปี นางเพิ่งเคยได้ยินเรื่องเลวร้ายมากมายของหงซื่อ และคำพูดทั้งหมดก็ออกมาจากปากของนายท่าน
หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? มันก็หมายความได้อย่างเดียวว่า ตอนนี้ในหัวใจของนายท่านจ้าวไม่มีหงซื่ออยู่อีกแล้วน่ะสิ!
หัวใจของนายท่านไม่ได้มุ่งไปหานางอีกต่อไป
ยิ่งฮูหยินจ้าวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมีความสุข หงซื่อทำอะไรให้เสี้ยนจู่โกรธ นั่นเป็นเรื่องใหญ่มากกว่า
………………………………………………….