ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1330 แต่งไม่ได้
บทที่ 1330 แต่งไม่ได้
ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่ากังวล แต่กลับตรงกันข้ามกับหงซื่อ
หงซื่อจับคนมาให้พูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวาน เพื่อที่จะดูถูกกู้เสี่ยวหวาน หากแต่มันไม่ประสบความสำเร็จ และยังถูกเสี้ยนจู่รู้ทัน
ยังไม่ทันได้ง้างปากของคนอื่น ก็ถูกบุกมาหาถึงที่ จ้าวสวิ่นโกรธมากจนอยากจะทุบหัวของหงซื่อ
ผู้หญิงคนนี้จะทำตัวให้มีสมองกว่านี้ได้หรือไม่
เห็นหงซื่อนอนอยู่บนพื้นเหมือนหมาจนตรอก ปากเอาแต่คร่ำครวญและขอร้องให้เขายกโทษให้ตนเอง ในใจจ้าวสวิ่นยากที่จะกลืนคำสบประมาทลงไป สุดท้ายจึงชี้ไปที่หงซื่อและเริ่มด่าทอ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าไปแส่หาเรื่อง อย่าไปยั่วยุนาง แต่เจ้าก็ไม่ฟัง คราวนี้ไม่เป็นไร ถูกคนอื่นจับได้ หงซื่อ! สมองของเจ้าได้รับการกระทบกระเทือนหรือ นั่นคือเสี้ยนจู่ แม้แต่ข้ายังต้องเคารพนาง แต่เจ้ากล้าแตะต้องนาง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร”
จ้าวสวิ่นโกรธเคืองหญิงคนนี้ยิ่งนัก เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับง้างเท้าเตะหงซื่อที่กำลังกรีดร้อง “นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
“เจ้าเพิ่งรู้งั้นหรือว่าตนเองทำสิ่งใดลงไป ความคิดของเจ้านั้นมันบิดเบี้ยว คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าอยากให้เจี๋ยเอ๋อร์แต่งงานกับเสี้ยนจู่ เจ้าคิดว่าทำให้ชื่อเสียงของนางเสียหายแล้วให้เจี๋ยเอ๋อร์แต่งงานกับนาง เจ้าฝันอยู่หรือไร แม้แต่ชงเอ๋อร์ก็ไม่ได้นางมาครอบครอง นับประสาอะไรกับเจี๋ยเอ๋อร์” ตามที่คิดไว้ จ้าวสวิ่นโกรธมากจนไม่สามารถยับยั้งคำพูดใดได้
เดิมทีหงซื่อนั้นขาดเหตุผล หลังจากฟังถ้อยคำด่าทอจ้าวสวิ่น ก็ตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้นทันทีพร้อมกับชี้หน้าจ้าวสวิ่นและด่าว่า “จ้าวสวิ่น ข้ารู้ว่าท่านคิดอย่างไร เจี๋ยเอ๋อร์ไม่ดีเท่าจ้าวจื่อชง ท่านแค่สนใจลูกของท่าน เจี๋ยเอ๋อร์เองก็เป็นลูกของท่านไม่ใช่หรือ? ทำไมท่านถึงลำเอียงเช่นนี้”
หงซื่อกล่าวโทษจ้าวสวิ่นทั้งน้ำตา กล่าวว่าจ้าวสวิ่นปฏิบัติต่อลูกชายอย่างลำเอียง
“จ้าวสวิ่น หัวใจของท่านอยู่ที่ไหน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ท่านไม่ให้ข้าสู่ขอกู้เสี่ยวหวาน แต่ท่านกลับให้หญิงชราผู้นั้นไป ท่านก็อยากให้จ้าวจื่อชงแต่งกับกู้เสี่ยวหวาน ยกระดับวงศ์ตระกูลจ้าวของพวกท่าน เจี๋ยเอ๋อร์เองก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน เจี๋ยเอ๋อร์ยังคนของตระกูลจ้าว ทำไมท่านไม่คิดถึงเขาบ้าง” หงซื่อพูดอย่างคร่ำครวญราวกับจะขาดใจตาย ไม่เหลือแล้วความอ่อนโยนที่สร้างไว้
“ข้าอยู่กับท่านมาหลายปี ให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวแก่ท่าน แต่ตอนนี้พวกเขากลับกลายเป็นคนนอก ข้าไม่สามารถแม้แต่จะเหยียบย่างเข้าไปในตระกูลจ้าวได้ ข้าไม่ได้ต้องการสถานะ แต่ลูกชายกับลูกสาวของข้าล่ะ ไม่มีสถานะ หากถึงเวลาแต่งงาน พวกเขาจะทำอย่างไร?”
หงซื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น จ้าวสวิ่นมีสีหน้าอึดอัด ความขุ่นเคืองในใจลดลงไปไม่น้อย ความรู้สึกผิดและการตำหนิตัวเองกลับเพิ่มขึ้นในใจ
แต่การโทษตัวเองและความรู้สึกผิดนี้เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งถูกครอบงำด้วยความโกรธ
“จ้าวสวิ่น ท่านไม่ใช่คน ทำลายชีวิตของข้ายังไม่พอ ท่านยังทำลายชีวิตของเจี๋ยเอ๋อร์และอวิ๋นเอ๋อร์ ทำไมข้าถึงโชคร้ายนัก ข้าไม่มีสถานะหรือเกี่ยวข้องกับท่านตลอดชีวิตที่เหลือ และตอนนี้ท่านยังต้องการทำลายอนาคตของลูกข้าอีก ท่านมันไม่ใช่คน”
หงซื่อคร่ำครวญจะเป็นจะตาย ใบหน้าบวมเป่งที่เพราะถูกจ้าวสวิ่นทุบตี มวยผมที่มักจะหวีอย่างประณีตก็ยุ่งเหยิงไปหมด เพราะร้องไห้เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าจึงหายไปหมด เสื้อผ้าก็ขาดวิ่น สภาพของหงซื่อในตอนนี้ช่างไม่น่ามอง
จ้าวสวิ่นเป็นคนอย่างไร เพียงแค่เขากระทืบเท้า ทั่วทั้งเมืองหลิวเจียก็สั่นคลอน แม้ว่าตอนนี้ตระกูลจ้าวจะพ่ายแพ้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เมื่อจ้าวสวิ่นเดินออกไป ทุกคนก็ยังต้องคำนับเขา และขานเรียกเขาว่านายท่านจ้าว
หงซื่อที่ปกติจะอ่อนโยน ทว่าตอนนี้กลับกำลังอ้าปากด่าทอตนเองด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งยังบอกว่าตนเองไม่ใช่คน
จ้าวสวิ่นเคยโดนผู้อื่นดูถูกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? แม้แต่ตอนที่มีปากเสียงกับฮูหยินจ้าวก่อนหน้านี้ นางก็ไม่เคยด่าตัวเองแบบนี้มาก่อน
เยี่ยมมาก เป็นเพียงแค่นางบำเรอ แต่กลับชี้หน้าด่าทอว่าตนเองไม่ใช่คน
จ้าวสวิ่นโกรธเคืองยิ่งนัก เขาก้าวไปข้างหน้าและเตะหงซื่อเต็มแรงจนกระเด็นออกไปไกล “ปากร้าย หญิงปากร้าย”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กับจ้าวจื่อเจี๋ยเฝ้ารออยู่ข้างนอกตลอดเวลา ครั้นได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็หมุนกายเตรียมวิ่งเข้าไป หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าก็เห็นร่างกายของมารดากระเด็นลอยออกมาจากด้านในแล้วกลิ้งออกมาจนถึงลานบ้าน
“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และจ้าวจื่อเจี๋ยประคองหงซื่อไว้ในอ้อมแขน ซุนซื่อถูกเตะเข้าที่หน้าอก ปากกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน เกิดอะไรขึ้น” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์มองไปที่หงซื่อในอ้อมแขนด้วยความตื่นตระหนก นางหวาดกลัวจนพูดไม่ออก
“ท่านพ่อ ท่านทุบตีท่านแม่ทำไม” จ้าวจื่อเจี๋ยลุกขึ้นยืนพูดกับจ้าวสวิ่นอย่างไม่เกรงกลัว “ท่านแม่ทำเพื่อข้า เพื่อตระกูลจ้าว ขอแค่ข้าแต่งงานกับเสี้ยนจู่ก็จะเป็นเกียรติแก่พวกเราตระกูลจ้าว”
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจื่อเจี๋ยเองก็รู้เกี่ยวกับแผนการของหงซื่อเช่นกัน ทันทีที่จ้าวจื่อเจี๋ยพูดสิ่งนี้ออกมา ทำให้จ้าวสวิ่นอดรนทนไม่ไหวจนอยากจะตบหงซื่ออีกสักฉาด
“ไร้สาระ เจ้ายังยึดติดเหมือนแม่เจ้าอยู่อีกหรือ” จ้าวสวิ่นโกรธมากจนแทบกระอักเลือด
“เสี้ยนจู่เป็นคนที่พวกเจ้าจะไปทำให้ขุ่นเคืองได้หรือ เจ้าอยากแต่งงานกับนาง เจ้าคงทำได้แค่ฝัน”
“ข้าเป็นผู้ชาย นางเป็นผู้หญิง ทำไมข้าจะแต่งกับนางไม่ได้” จ้าวจื่อเจี๋ยถามกลับ
“เจ้า!” มือของจ้าวสวิ่นสั่นระริกด้วยความโกรธ “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงแต่งไม่ได้ ข้าก็จะบอกเจ้าว่าเหตุใดเจ้าถึงแต่งไม่ได้!”
“เจ้ามีทรัพย์สินมากมายหรือมีฐานะที่สูงส่งหรือไม่ แต่พ่อของเจ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ข้าไม่โทษเจ้า หลายปีมานี้เจ้ากินเหล้าเคล้านารีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน นอกจากนี้เจ้ายังทำเรื่องไม่ดีหลายอย่าง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวตกต่ำลงเรื่อย ๆ แต่ถ้าเจ้าคิดว่าการแต่งงานกับกู้เสี่ยวหวานจะทำให้ฐานะของตระกูลจ้าวดีขึ้น ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดผิด อย่าว่าแต่จะดีขึ้น มันกลับลากตระกูลจ้าวลงมา เจ้าไม่รู้หรือ! นางไปเมืองหลวงเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของไทเฮา ถ้าถึงตอนนั้นนางพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพวกเราต่อหน้าฮ่องเต้หรือไทเฮา ตระกูลจ้าวก็จะลากพวกเจ้าฝังลงไปด้วย”
จ้าวสวิ่นพูดจบ จ้าวจื่อเจี๋ยก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก
แม้แต่หงซื่อก็ตกตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างและพูดไม่ออก
“นางเป็นเสี้ยนจู่ซึ่งได้รับพระราชทานตำแหน่งจากฮ่องเต้เอง ไปคราวนี้ฮ่องเต้ต้องได้พบนางอย่างแน่นอน ถ้านางไม่มีความสุขและพูดอะไรออกไปล่ะก็… ฮ่องเต้รู้จักนาง ทั้งยังรู้จักพวกเรา ทั้งตระกูลเราได้จบสิ้นแน่” หลังจากจ้าวสวิ่นตบหน้าอกด้วยความกลัว ใบหน้าของเขาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว
ไม่ผิด เขากลัว
กลัวว่าจะต้องตาย ตั้งแต่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะไปเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮา เขาก็ไม่กล้ายั่วยุกู้เสี่ยวหวานอีกเลย
นอกจากจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว มันอาจจะสร้างความขุ่นเคืองอีกด้วย
ในทางกลับกัน ฮูหยินจ้าวจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
รักษาระยะห่างกับกู้เสี่ยวหวาน ทำให้นางไม่รู้สึกถึงการประจบสอพลอที่มากเกินไป แต่ยังทำให้รู้สึกถึงความเคารพที่มีต่อนาง
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเข้าหาผู้คน
อย่าทำตัวสนิทสนมเกินไป จะทำให้คนอื่นคิดว่าเจ้าประจบสอพลอ
อย่าทำให้บาดหมางเกินไป จะไม่ทำให้คนรู้สึกว่าเจ้าไม่ชอบนาง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นนี้สามารถยืนยาวและยั่งยืนมากขึ้น
ฮูหยินจ้าวทำได้ แต่หงซื่อล่ะ
เมื่อก่อนจ้าวสวินรู้สึกว่าหงชื่อเป็นดอกไห่ถัง ฮูหยินจ้าวเป็นเสือตัวเมีย ทุกคนรักดอกไห่ถัง แต่ทุกคนเกลียดชังเสือตัวเมีย
แต่ตอนนี้ ดอกไห่ถังนี้อาจเป็นดอกไม้ที่มีหนาม และเสือตัวเมียตัวนี้อาจเป็นลูกแมวที่อ่อนโยน
เฮ้อ…
จ้าวสวินถอนหายใจ คร้านจะมองหน้าหงซื่ออีกต่อไป
“เจ้าไม่ได้ต้องการแค่สถานะของลูกสองคนใช่ไหม ข้าจะพาเจี๋ยเอ๋อร์และอวิ๋นเออร์ไปที่ตระกูลจ้าว จากนี้ไปจะถูกเลี้ยงดูภายใต้ชื่อฮูหยิน แต่เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ดูแลตัวเองตลอดไป ใครก็ได้พาคุณชายและคุณหนูกลับไปยังตระกูลจ้าว” จ้าวสวิ่นพูดอย่างเย็นชาก่อนจากไป หงซื่อกลอกตาด้วยความโกรธ และไม่นานก็หมดสติไป
จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกคนบังคับไป ส่วนหงซื่อถูกทอดทิ้งไว้ในลานบ้านเหมือนผ้าขี้ริ้ว
จ้าวสวิ่นไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินจ้าวอย่างไรให้นางรับลูกทั้งสองคนนี้ไว้
เพียงแค่ความคิดของจ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่เหนือจินตนาการของจ้าวสวิน
….
ร่างกายของฉือโถวดีขึ้นทุกวัน ไม่นานกู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่านอา ท่านเตรียมทำอะไร” กู้เสี่ยวหวานเห็นกู้ฟางสี่ถือถุงหอมและผ้าเช็ดหน้าไว้จำนวนมาก เดินอย่างระมัดระวังจึงรู้สึกสงสัย เสี่ยวอี้เป็นคนปักผ้าเช็ดหน้ากับถุงหอมนี้ ทำไมต้องเตรียมมาเยอะขนาดนี้
ใช้หมดแล้วค่อยปักใหม่ก็ได้ไม่ใช่หรือ
อีกอย่าง ถุงหอมและผ้าเช็ดหน้าเยอะขนาดนี้ จะรีบนำออกมาทำไม
กู้เสี่ยวหวานหยิบขึ้นมาดูสองอันและรู้สึกประหลาดใจมาก “ท่านอา ท่านปักมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”