ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1336 พี่น้องที่มีเจตนาไม่ดี
บทที่ 1336 พี่น้องที่มีเจตนาไม่ดี
หลังจากกระโดดคว้าตัวคนไว้ ประทัดที่ถือในมือยังไม่ทันจะซ่อนก็หล่นลงบนพื้น
“เป็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์” หลังจากที่ผู้คนเห็นว่าผู้ที่ถูกจับนั้นเป็นใครก็แตกฮือกันขึ้นมาอีกทันที
“นางเป็นผู้จุดประทัด!” และยังมีประทัดที่ดับไฟไว้ไม่ทันด้วย
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เหมือนกับเศษผ้าที่ถูกโยนลงบนพื้น ดวงตาที่สดใสพยายามหลบเลี่ยงและยังเถียงแก้ต่างว่า “ข้าไม่ได้จุดนะ ไม่ใช่ข้า ข้าแค่ถือมาเล่น”
ถือมาเล่น?
คิดว่าคนเหล่านี้เป็นเด็กสามขวบจะตบตาหลอกอย่างไรก็ได้หรือ?
จู่ ๆ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวานอย่างมาดร้ายและตะโกนเสียงแข็งว่า “กู้เสี่ยวหวาน พี่ชายของข้าช่วยเจ้าไว้ เจ้ายังจะให้ร้ายข้า เจ้าให้ทุกคนตัดสินดูว่ามีคนทำกับผู้มีพระคุณเยี่ยงนี้เช่นเจ้ารึ!”
“ช่วยข้า?” พอได้ยินสิ่งที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดออกมา กู้เสี่ยวหวานก็เหมือนกับได้ยินเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น
“ไร้สาระสิ้นดี!” อาจั่วดึงมือของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้อย่างง่ายดาย จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พยายามอดกลั้นต่อความเจ็บก็ได้แต่ยกแขนขึ้นตาม
“พวกเจ้าสองพี่น้อง คนหนึ่งทำให้ม้าตกใจ คนหนึ่งช่วยชีวิตคน แม่นางจ้าว ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน หลังจากนั้นจะส่งเจ้าไปหาหมอ เจ้าเองก็จะต้องขอบคุณข้าใช่หรือไม่?” เสียงของอาจั่วนั้นเย็นชา แรงในมือก็เพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้แต่อดกลั้นต่อความเจ็บปวด
ครู่ต่อมา ไม่รู้ว่าคมมีดที่ส่องประกายเย็นเยียบในมือของอาจั่วนั้นพาดอยู่บนคอที่สะอาดหมดจดของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อไร
คมมีดที่ส่องประกายสีเงินนั้น แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีดสั้นนี้จะรวดเร็วมากเพียงใด
มีดสั้นจ่ออยู่ที่คอของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ สัมผัสที่เย็นเฉียบนั้นทำให้นางแทบทรุด จากนั้นผิวของนางก็ถูกกรีด คอที่สะอาดหมดจดนั้นก็มีรอยเลือดไหลซึมออกมา
ทุกคนมองจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และมองจ้าวจื่อเจี๋ยอีกครั้ง ในตอนนี้ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพี่น้องตระกูลจ้าวนั้นเป็นโจรร้องจับโจร ทำให้ม้าของคนอื่นตกใจและยังบอกว่ามาช่วยคนอีก เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาที่ไม่ดี
ผู้ที่รู้ความจริงก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “พวกเจ้าคิดร้ายอยากจะมาทำร้ายเสี้ยนจู่อันผิง โชคดีที่เสี้ยนจู่เป็นคนดี สวรรค์จึงคุ้มครองไม่ให้ถูกพวกเจ้าทำร้าย ถุย! ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลใหญ่อยู่ในเมืองหลิวเจียมาร้อยปี ให้กำเนิดพวกเจ้าสองคนที่หน้าไม่อายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน คิดไม่ถึงว่าจะคิดแผนการที่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้”
ทุกคนชี้ไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และจ้าวจื่อเจี๋ย
“เสี้ยนจู่อันผิง อย่าเมตตาปรานีต่อนางเลย นางเกือบจะทำร้ายเจ้าแล้ว ก็แค่ฆ่าคนที่ไร้ยางอายผู้นี้”
ทุกคนเริ่มโผล่หัวขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ละคนต่างก็ฮึกเหิม แววตาคมกริบนั้นราวกับมีดที่อยากจะสับฟันพี่น้องตระกูลจ้าวเป็นพันเป็นหมื่นครั้งอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าที่งดงามหมดจดของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ในตอนนี้พลันแดงก่ำเหมือนกับตับหมู
นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว มีดที่จ่ออยู่บนคอนั้นเหมือนกับจะเชือดเฉือนคอของนางทีละน้อย นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคมมีดนั้นแทงเข้าไปที่คอของนาง
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังจะมีท่าทีก้าวร้าวดังเช่นเมื่อครู่อยู่เสียที่ไหน ในตอนนี้เหมือนกับสุนัขที่ไร้เจ้าของอย่างไรอย่างนั้น
จ้าวจื่อเจี๋ยยังนอนอยู่บนพื้น นอกจากขยับตัวดิ้นเป็นบางครั้งแล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก
สติของเขาในตอนนี้ก็เกือบจะฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่กล้าที่จะขยับ ถ้าหากผู้คนรู้ว่าเขาฟื้นแล้วก็กลัวว่าจะถูกคนพวกนี้ด่าทอเข้า
นี่มันไม่เหมือนกับตอนที่เขาวางแผนเอาไว้เลย
ไม่ใช่พูดไว้ว่า ‘เมื่อม้าตกใจแล้วเขาก็จะเป็นวีรบุรุษมาช่วยสาวงาม หลังจากนั้นก็ซ่อนอยู่ในรถฉีก ทึ้งเสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวาน โอบกอดนางด้วยตัวเองและปรากฏออกมาต่อหน้าทุกคน’ ไม่ใช่หรือ
ด้วยวิธีการเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งให้กับตัวเองแล้ว
ตอนนั้นตัวเองคิดว่าอีกเพียงนิดเดียวก็จะต้องสำเร็จแล้ว
แท้จริงแล้วแรงที่ดีดตัวเองออกไปอย่างแรงนั้นมาจากไหน และยังมีร่างกายเมื่อตอนนั้นที่เจ็บปวดเหมือนกับถูกเข็มทิ่มอีก เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนี้ทุกอย่างนั้นจบลงแล้ว ทุกอย่างนั้นจบสิ้นแล้ว
เมื่ออาจั่วเห็นว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังฝืนอยู่ พอเห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ทันใดนั้น มีดสั้นในมือก็เปลี่ยนที่ใหม่อีกครั้ง ชี้ไปที่ใบหน้าที่ขาวหมดจดและพูดเสียงเข้มว่า “ถ้าไม่เช่นนั้นก็กรีดใบหน้านี้เสีย หลังจากนั้นก็ค่อยไปตามหมอมารักษาให้เจ้า เช่นนี้มีความเมตตามากกว่าจะฆ่าเจ้าเสียอีก”
ในวังนั้นมีวิธีการมากมาย แค่สุ่มเลือกออกมาสักอย่าง ดูสิว่าคนที่บอบบางเช่นนี้จะทนไหวหรือไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังฝืนใจไว้ได้อยู่ สุดท้ายแนวต้านทานภายในใจก็พังทลายลงจนหมดสิ้น
กรีดใบหน้าของนางยังว่ามีความเมตตา
เช่นนั้นไม่สู้ฆ่านางไปเสียเลยสิ!
แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของจ้าวสวิ่น แต่อย่างไรเสียตัวเองก็ถือกำเนิดจากอนุภรรยา ตอนนี้ถูกเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของฮูหยินจ้าว แต่ว่าเลือดเนื้อเชื้อไขก็ยังเป็นลูกของอนุภรรยาอยู่ดี
นางมักจะหยิ่งผยองมาตลอดก็เพราะใบหน้าที่งดงามนี้ ถ้าหากใบหน้าที่น่ามองนี้ถูกทำลาย ต่อไปนางจะยังออกเรือนกับตระกูลที่ดีได้อย่างไร
ไม่ได้ ไม่ได้
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้ขึ้นมา “เสี้ยนจู่ ประทัดนั้นเป็นข้าที่จุดเอง เป็นข้าที่จุดเอง แต่ทั้งหมดนี้เป็นพี่ชายของข้าที่บอกให้ข้าทำ เป็นเขาที่บอกให้ข้าทำเช่นนี้ ขอเพียงแค่ให้ข้าจุดประทัดและทำให้ม้าตกใจ หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเจ้า ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่เกี่ยวกับข้าเลย เจ้าอย่ากรีดใบหน้าของข้า อย่ากรีดใบหน้าของข้า”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้ แต่กลับไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวมากนัก กลัวว่ามีดนั้นจะกรีดใส่ใบหน้าของตัวเองจริง ๆ ตอนนี้จึงผลักความรับผิดชอบทั้งหมดนี้ให้กับจ้าวจื่อเจี๋ย
ในตอนนี้กลุ่มคนที่เงียบสงบก็เริ่มแตกฮือกันขึ้นมาอีก
“เป็นโจรร้องจับโจรเสียจริง เหตุใดตระกูลจ้าวจึงได้ให้กำเนิดคนเช่นนี้ออกมาให้ขายขี้หน้าตระกูลจ้าว” ในนั้นมีชายชราคนหนึ่งลูบเคราพลางเอ่ยปากพูดอย่างชิงชัง
“ใช่แล้ว จ้าวเหล่า ตระกูลจ้าวมีลูกหลานที่นอกคอกเช่นนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง” มีคนเห็นด้วย
“คนผู้นี้ไม่ใช่ว่าเกิดจากอนุภรรยาของตระกูลจ้าวหรอกรึ! ลูกของอนุภรรยาก็คือลูกอนุภรรยา เป็นของที่วางอยู่บนโต๊ะแต่กลับไร้คุณค่า” มีคนอยากจะแก้หน้าคืนให้กับตระกูลจ้าว
แต่ก็มีคนไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง “เมื่อหลายวันก่อน สองคนนี้ถูกเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของฮูหยินจ้าว ตอนนี้ก็เป็นนายน้อยกับคุณหนูอย่างจริงจังของตระกูลจ้าวแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมาก็มีคนตะโกนเยาะเย้ยว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว นายท่านจ้าวมาแล้ว”
จ้าวสวิ่นออกมาจัดการธุระข้างนอกพอดี จึงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายทางด้านนี้ แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ