ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1353 จานซื่อตั้งครรภ์
บทที่ 1353 จานซื่อตั้งครรภ์
“ข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสอง” สิ่งที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดมันกินใจทั้งสองยิ่งนัก
ถูกต้อง สองคนนี้ตรงหน้านางเป็นลูกหลานของตระกูลจ้าว และทั้งคู่ก็เป็นลูกของจ้าวสวิ่น หากนางไม่สนใจชีวิตและความเป็นความตายของพวกเขา หากนางต้องการเปิดโปงเรื่องนี้ จ้าวสวิ่นจะคิดอย่างไรกับนาง
ห้องส่วนตัวของสตรีบ้านไหนบ้างที่ไม่มีเรื่องสกปรกโสมมอยู่ในนั้น
จุดอ่อนของฮูหยินจ้าวถูกจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จับทางได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงปล่อยมันไป “ข้าจะช่วยเจ้าปกปิดเรื่องนี้เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ก้มศีรษะลงและลอบมองหน้ากันด้วยความยินดี
ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ทันใดนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลดังขึ้นทางหน้าประตู
“ฮูหยินเจ้าคะ จานซื่อเป็นลมอยู่ในบ้านเจ้าค่ะ”
หลังจากฟังคำของอาเหลียนแล้ว ฮูหยินจ้าวก็มองจ้าวจื่อเจี๋ยด้วยสายตาแข็งกร้าว ตอนนี้นางโกรธจนพูดไม่ออก “เจ้าทำอะไรกับจานหงอี้ผู้นั้น”
“ทำอะไรหรือ” จ้าวจื่อเจี๋ยไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสมองมากพอที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ยังจะปิดบังข้าอยู่อีกหรือ” ฮูหยินจ้าวอยากจะก้าวไปข้างหน้าและเตะจ้าวจื่อเจี๋ย “จานหงอวี้กำลังตั้งครรภ์ และนางบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเจ้า”
ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น จานหงอวี้ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย ๆ เดิมทีคิดว่าจะให้เงินนาง แต่ว่าถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ มันคงลำบาก
“มันเป็นไปได้อย่างไร” จ้าวจื่อเจี๋ยกระโดดขึ้นจากพื้นเมื่อได้ยิน “นางอายุขนาดนี้แล้ว จะท้องได้อย่างไร”
“ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว หญิงสาวก็สามารถท้องได้ เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใดว่าเมื่ออายุมากแล้วหญิงสาวจะไม่สามารถท้องได้?” ฮูหยินจ้าวลูบหน้าผากของนาง เขานี่โง่จริง ๆ
“จะ…จานซื่อพูด นางบอกว่าตอนนี้ระดูของนางหมดแล้ว นางไม่สามารถท้องได้ ดังนั้นขะ…ข้าก็เลย…” ริมฝีปากของจ้าวจื่อเจี๋ยสั่นระริก เขาไม่สามาถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้
“แล้วเจ้าก็เชื่อในสิ่งที่หญิงผู้นั้นพูดหรือ?”
ตอนนี้จานซื่อเป็นหญิงม่ายและนางก็อายุสามสิบแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเสน่ห์ของนาง นางจะคบกับจ้าวจื่อเจี๋ยได้อย่างไร
เมื่อนางเห็นว่าจ้าวจื่อเจี๋ยเกลี้ยกล่อมง่าย จึงใช้โอกาสนี้ปีนขึ้นเตียงจ้าวจื่อเจี๋ย และตอนนี้นางก็ปีนขึ้นเตียงจ้าวจื่อเจี๋ยได้สำเร็จแล้ว นางจึงต้องการที่จะพึ่งพาเขามากยิ่งขึ้น
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลจ้าวจะตกต่ำลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นตระกูลใหญ่
อย่างไรก็ตาม จ้าวจื่อเจี๋ยอยู่ในฐานะลูกหลานของตระกูลจ้าว เขาจะแต่งงานกับหญิงม่ายเจ้าชู้ได้อย่างไร?
“หญิงเจ้าชู้อย่างนาง ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กในท้องเป็นลูกของข้า” โชคดีที่เขายังพอมีสมองอยู่บ้าง เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินสิ่งนี้ นางก็พูดอย่างขุ่นเคือง “เจ้าไปบอกจานซื่อผู้นั้นว่า ถ้านางกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก อย่ามาโทษตระกูลจ้าวว่าหยาบคายกับนาง”
คนรับใช้รับคำสั่ง เมื่อจ้าวจื่อเจี๋ยได้ยินว่าฮูหยินจ้าวจัดการสิ่งกีดขวางให้เขาแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ ตระกูลจ้าวจะถูกคนอื่นรังแกได้อย่างไร
“ขอบคุณท่านแม่สำหรับการตัดสินใจเพื่อลูกชายอย่างข้า” จ้าวจื่อเจี๋ยเลียนแบบจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ เขากล่าวชมเชยฮูหยินจ้าว
เมื่อเห็นว่าเด็กสองคนนี้กำลังเรียกตนเองว่าแม่ ฮูหยินจ้าวพลันกระตุกยิ้มอย่างเย็นชาในใจ แต่ภายนอกนางมีความพึงพอใจมาก
เด็กทั้งสองยอมรับในตัวนาง คงเพราะเห็นนางกำลังจัดการเรื่องพวกนี้ให้พวกเขา แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้านายท่านกลับมา เขาคงมองนางอย่างภาคภูมิใจ
หงซื่อ…ดูลูกทั้งสองคนของเจ้าสิ ตอนนี้พวกเขาเรียกข้าว่าแม่
ฮูหยินจ้าวพูดคุยกับจ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์มากมาย โดยคิดเกี่ยวกับวิธีล้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน เมื่อเรื่องนี้ถูกค้นพบขึ้นมา สมาชิกในครอบครัวนั้นจัดการไม่ยาก แต่คนที่ยากที่สุดคือจานหงอวี้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฮูหยินจ้าวรีบพูดกับอาเหลียนสองสามคำ หลังจากนั้นอาเหลียนก็รีบจากไปพร้อมกับร่องรอยของความตื่นตระหนกบนใบหน้า
“ตราบใดที่เจ้าสองคนยังยึดมั่นกับเรื่องนี้และบอกว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ข้าจะช่วยปกปิดมันจากท่านพ่อของเจ้า ถ้าข้าปกปิดมันไม่ได้ ข้าจะอธิบายให้นายท่านทราบเอง” ท่าทางของฮูหยินจ้าวแสดงออกเหมือนว่านางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อพวกเขา
จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ซาบซึ้งจนเกือบจะกอดขาของฮูหยินจ้าว แล้วเรียกขานนางว่าท่านแม่
บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของจ้าวจื่อเจี๋ยปริออก ทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด ท่านหมอทำแผลให้เขาใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อมองบาดแผลที่ยังไม่หายดีบนร่างกายของจ้าวจื่อเจี๋ยจึงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็คงไม่เหมาะที่เขาจะถามออกไป
แต่ว่าแผลบนใบหน้านี้…
เมื่อคิด ๆ ดูแล้วคงต้องพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับแผลบนใบหน้า ถ้ามันยังไม่หายดี มันก็จะเน่าเปื่อย ใบหน้าที่งดงามจะเสียโฉมเอาได้
“นายน้อยจ้าว ช่วงนี้กินอาหารรสจัดหรืออาหารเผ็ด ๆ บ้างหรือไม่” ท่านหมอรู้สึกถึงชีพจรของจ้าวจื่อเจี๋ย จึงถามออกมาพลางลูบเครา
จ้าวจื่อเจี๋ยพยักหน้า เขาชอบอาหารรสเผ็ดมาก ในครัวนี้มีทั้งปลารสเผ็ดและเนื้อรสเผ็ดซึ่งทำขึ้นด้วยวิธีต่าง ๆ อาหารทุกมื้อมีทั้งปลาและเนื้อที่มีรสเผ็ดร้อน เพลินปากจริง ๆ
“บาดแผลของท่านยังไม่หายดี ดังนั้นควรกินอาหารที่มีเนื้อและรสเผ็ดให้น้อยลงจะดีกว่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาบาดแผล”
เมื่อท่านหมอพูดจบ แต่จ้าวจื่อเจี๋ยดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เขายังคงกินขาไก่ชิ้นโตและเต็มไปด้วยน้ำมัน
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจกับคำพูดของตน หมอก็ทำได้เพียงส่ายหัวและจากไป ถือเสียว่าเขาได้พูดแล้ว ถ้าเขาไม่เรียนรู้บทเรียนของเขาก็ปล่อยเขาไป
แต่เกรงว่าใบหน้าอันงดงามนี้จะถูกทำลาย
บาดแผลเดิมนั้นยิ่งอักเสบหนักขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ผิวหนังดี ๆ ข้าง ๆ ก็เปื่อยเน่า คงจะเป็นเพราะธาตุหยางในร่างกายมากเกินไป
ฮูหยินจ้าวกลับไปที่บ้านของนาง คิ้วที่ขมวดของนางยังไม่คลาย
“สองพี่น้องคู่นี้ทำตัวสกปรกตามแม่ของเขาจริง ๆ เอาไปออกหน้าออกตาไม่ได้” ฮูหยินจ้าวตะคอกอย่างเย็นชา นางจิบชาแล้วกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะเสียงดังจนน้ำในถ้วยน้ำชากระเด็นออกมา
ใบหน้าของฮูหยินจ้าวไม่มีความสุข อาเหลียนก็ปรนนิบัติต่อนางอย่างระมัดระวังเช่นกัน “ฮูหยิน ขั้นตอนต่อไปคืออะไร วันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูเรื่องของสองพี่น้อง และจานซื่อก็เพิ่งจะบอกว่านางตั้งครรภ์”