ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1356 อีกห้าวันหมั้น
บทที่ 1356 อีกห้าวันหมั้น
กู้ฟางสี่และป้าจางไม่คาดคิดว่าฉินเย่จือจะคุกเข่าลงต่อหน้าตนเอง ทั้งคู่ได้แต่ตกตะลึง และมองหน้ากันก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฉินเย่จือจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับกลิ่นอายดุร้ายบนร่างกายตนเอง แต่ในสายตาของกู้ฟางสี่และป้าจาง บนร่างกายของเขาก็ยังมีกลิ่นอายความกดดันอันน่ากลัวแผ่ขจายออกมา
ทั้งสองคนมองชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกนางรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างท่วมท้น หลังจากที่พวกนางยืนขึ้นก็มองหน้ากันอีกครั้ง ป้าจางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าเพื่อช่วยพยุงเข้าให้ลุกขึ้น “เสี่ยวฉิน เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ บ้านพวกเราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
“ท่านอา ท่านป้า ข้าต้องการแต่งงานกับหวานเอ๋อร์ การกระทำเหล่านี้ล้วนขาดไม่ได้ ท่านพ่อท่านแม่ของหวานเอ๋อร์จากไปแล้ว ท่านทั้งสองจึงเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ของหวานเอ๋อร์” ฉินเย่จือกล่าวอย่างเคร่งขรึมมาก ประสานมือทั้งสองข้างแล้วกล่าวด้วยความเคารพ
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาลุกขึ้นได้ ทั้งสองจึงปรึกษากันอีกครั้ง และคิดว่าตนเองเป็นครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้คนตรงหน้าต้องการแต่งงานกับเสี่ยวหวาน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง และไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวหวานถูกละเลยได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ทั้งสองก็นั่งลงอีกครั้ง สายตาสองคู่จ้องมองไปที่ฉินเย่จือ และป้าจางก็เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “เสี่ยวฉิน เจ้าอยู่ในบ้านตระกูลกู้มาเจ็ดหรือแปดปีแล้ว เจ้ามาที่บ้านตระกูลกู้ได้อย่างไร ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้แล้ว เสี่ยวหวานปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไรและเจ้าปฏิบัติต่อเสี่ยวหวานอย่างไร ทุกคนก็เห็นมาหลายปี เรามีความสุขที่เจ้ามาขอเสี่ยวหวานแต่งงาน หลังจากนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา จากนี้ไปเจ้าคือทั้งหมดในชีวิตของนาง เจ้าสามารถทำตามทุกสิ่งที่นางต้องการได้ไหม”
“เสี่ยวหวานเป็นคนชัดเจน หากในอนาคตเจ้ามีหญิงอื่น เสี่ยวหวานจะทำอย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสี่ยวหวานชอบเจ้ามาก” กู้ฟางสี่ก็ดูกังวลเช่นกัน
ชายผู้ใดบ้างจะไม่มีสตรีอีกคนมาปรนนิบัติข้างกาย กู้ฟางสี่สามารถเดาอย่างมั่นใจว่าในอนาคตฉินเย่จือจะมีผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน แต่แค่คิดแบบนี้ กู้ฟางสี่รู้สึกก็เสียใจแทนเสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า ในเมืองหลิวเจียทั้งหมดไม่มีใครเทียบนางได้ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวหวานต้องการแต่งงานกับฉินเย่จือ
ในแง่ของรูปลักษณ์ ฉินเย่จือนั้นไร้ที่ติ
ในแง่ของภูมิหลังครอบครัว ภูมิหลังของครอบครัวก่อนหน้านี้ของฉินเย่จือก็ไร้ที่ติเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ตอนนี้เขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีอะไรนอกจากทรัพย์สินเล็กน้อยจากเมื่อก่อน
เสี่ยวหวานต้องการแต่งงานกับเขา พวกนางก็ไม่มีอะไรจะแย้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นชัดเจนสำหรับพวกเขาทุกคน
ฉินเย่จือปกป้องกู้เสี่ยวหวาน และพวกเขารับเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ และพวกเขาก็รู้สึกมีความสุข อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งในอดีตเป็นเพียงอดีตเท่านั้น หากทั้งสองแต่งงานกันในอนาคต ชีวิตคู่ของทั้งสองคงจืดชืด
ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ในอนาคตหรือไม่ พวกเขาไม่อาจมั่นใจได้ แต่ถ้าฉินเย่จือมีผู้หญิงคนอื่น เสี่ยวหวานจะทำอย่างไร?
เมื่อฉือโถวได้ยินประโยคนี้ เขาก็กำมือแน่น ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากัน สายตาจับต้องไปยังฉินเย่จือไม่ว่างตา
ถ้าฉินเย่จือตอบได้ไม่ดี ตัวเองจะเป็นคนโยนอีกฝ่ายออกไปจากสวนกู้เอง
“ท่านอา ท่านป้า หวานเอ๋อร์คือชีวิตของข้า วันนี้ข้าขอสาบานว่า ข้าฉินเย่จือ ในชีวิตนี้จะมีกู้เสี่ยวหวานเป็นคู่ชีวิตเพียงคนเดียวตลอดไป และจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด”
เมื่อผู้คนที่อยู่ที่นั่นได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก
คู่ชีวิตเพียงคนเดียวตลอดไป
“เจ้าแน่ใจหรือ” ฉือโถวมองไปที่ฉินเย่จือและถามทีละคำ
“หากข้าทำผิดต่อคำสาบานนี้ ขอให้ข้าถูกฟ้าผ่าตาย” คำพูดของฉินเย่จือนั้นสงบนิ่งมาก สีหน้าของเขาจริงจัง
“ดี เจ้าต้องจำสิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้เอาไว้ ถ้าเจ้าทำอะไรให้เสี่ยวหวานเสียใจหรือทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมาน แม้ว่าข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็จะใช้ชีวิตของข้าไปชำระบัญชีกับเจ้า” ฉือโถวกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ฉินเย่จือมองอีกฝ่ายและยิ้มเบา ๆ “ข้าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้เกิดขึ้นแน่นอน”
จากนั้นภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ชายหนุ่มก็หยิบบางอย่างออกมาจากข้อมือและมอบให้กับกู้ฟางสี่ “แต่เดิม การแต่งงานครั้งนี้ได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครองและแม่สื่อ แต่หวานเอ๋อร์ไม่มีทั้งพ่อและแม่ และข้าเองก็เช่นกัน ตอนนี้มีเพียงท่านอาที่เป็นตัวแทนในครั้งนี้ โปรดพิจารณาของหมั้นชิ้นนี้ดูเถอะ”
กู้ฟางสี่เอื้อมมือไปหยิบมัน และเมื่อนางเปิดมันออกก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น เป็นกระดาษที่เขียนรายการของขวัญหมั้น
กู้ฟางสี่รู้หนังสือเพียงบางคำ และเหลือบมองเห็นบริเวณด้านบนกระดาษ ก็ได้แต่อ้าปากค้าง ป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ ไม่รู้หนังสือ ครั้นเห็นกู้ฟางสี่จ้องมาที่ตน จึงรีบไปเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าเขียนอะไรไว้บนนั้น
“ไข่มุกดำแห่งทะเลจีนตะวันออกสิบเม็ด บ้านที่มีเจ็ดทางเข้าในเมืองหลวง โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน และตั๋วเงิน” กู้ฟางสี่พูดขึ้น น้ำเสียงของนางสั่นเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าของจะไม่ได้มีจำนวนมาก แต่มันช่างน่าอัศจรรย์
“สิ่งเหล่านี้มาจากไหน” เสียงของกู้ฟางสี่สั่นเครือ และมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความไม่เชื่อ
ฉินเย่จือจึงเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย “ตอนที่พ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเรามีบ้านหลังหนึ่งบนถนนสายหลักในเมืองหลวง และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้”
“แต่ครั้งที่แล้วตอนถึงวัยปักปิ่นของเสี่ยวหวาน เจ้าไม่ได้ส่งหลายสิ่งหลายอย่างมาให้นางแล้วหรอกหรือ? นี่… นี่…” กู้ฟางสี่จะไม่รับก็ไม่ได้ และไม่สำคัญว่านางจะยอมรับมันหรือ หัวใจของนางก็อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ว่านางจะคิดว่าเสี่ยวหวานไม่สามารถจัดงานแต่งแบบเรียบง่ายได้ แต่นี่… แม้ว่ารายการของขวัญจะมีน้อย แต่มูลค่าของสิ่งของแพงเกินกว่าจะจินตนาการได้
บ้านในเมืองหลวง ที่ดินสองร้อยหมู่ และตั๋วเงิน ตัวเลขบนนั้นเกรงว่าจะทำให้ผู้คนตกใจจนแทบตาย สิ่งเหล่านี้ยิ่งใหญ่และมีค่ามากกว่ากว่าของขวัญยาวสิบลี้ในวันที่เสี่ยวหวานถึงวัยปักปิ่นเสียอีก
สิ่งนี้จะทำให้นางพูดได้อย่างไร
“มอบสิ่งนี้ให้เสี่ยวหวานและให้นางดูเอง” จู่ ๆ กู้ฟางสี่ก็นึกถึงความคิดที่ดี เช่นเดียวมันฝรั่งร้อนและโยนมันกลับไปที่ฉินเย่จือ
“ในเมื่อเจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็จัดงานในอีกห้าวันเถอะ”
เมื่อญาติผู้ใหญ่เห็นด้วย ก็เหลือเพียงกู้เสี่ยวหวาน
อีกด้าน เมื่อมาถึงหน้าห้องของกู้เสี่ยวหวานก็ประจวบเหมาะกับอาจั่วที่เปิดประตูออกมา เมื่ออาจั่วเห็นฉินเย่จือ นางจึงพูดขึ้นอย่างมีความสุข “พี่ใหญ่ฉิน งดงาม งดงามมาก”
ฉินเย่จือไม่คิดว่าอาจั่วจะไม่เข้าใจกฎ และสิ่งที่อาจั่วเอ่ยออกมาเขาก็เข้าใจได้อย่างดี ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างราวกับมีดอกไม้เบ่งบานในใจ
กู้เสี่ยวหวานได้เปลี่ยนชุดกลับไปเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมของตนเองแล้ว แม้ว่าฉินเย่จืออยากจะเห็นมันมากแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าเสื้อผ้านั้นต้องสวมใส่ในวันหมั้นเท่านั้น
เมื่อคิดว่าอาจั่วเป็นคนแรกที่เห็นลูกแมวสวมเสื้อผ้าชุดนั้น เขาก็รู้สึกอิจฉาอยู่พักหนึ่ง
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ เขาไม่ควรให้นางมาเลยด้วยซ้ำ
ดวงตาเรียวยาวของฉินเย่จือตวัดไปหาอาจั่วผู้ซึ่งกำลังมีความสุข และเมื่อนางเห็นดวงตาเศร้าหมองของอีกฝ่าย นางก็กลับมารู้สึกตัว
แววตาเศร้าหมองในดวงตาของนายท่านเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?
“เสื้อผ้าชุดนี้ซับซ้อนจริง ๆ ถ้าอาจั่วไม่มาช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เกรงว่าข้าคงจะใส่ไม่ได้” ราวกับนางรู้ว่าฉินเย่จือกำลังคิดอะไรอยู่ กู้เสี่ยวหวานจึงเดินไปพูดแก้ตัวให้อาจั่ว
เนื่องจากกรณีนี้ เขาจึงยกโทษให้อาจั่ว
ฉินเย่จือมองอาจั่วอย่างขอบคุณ
อาจั่วตกตะลึงไปชั่วขณะ และทันใดนั้นก็ตระหนักว่าแววตาของนายท่านที่ดูเศร้าหมองในเมื่อครู่กำลังเต็มไปด้วยความหึงหวง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อาจั่วก็ทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ นางทำได้เพียงก้มหน้าลง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเจ้านายของตนอิจฉา หน้าตาที่หึงหวงของเขานั้นน่ากลัวจริง ๆ ทว่าในขณะเดียวกันก็ดูน่าขันยิ่งนัก
กู้เสี่ยวหวานเห็นไหล่ที่สั่นของอาจั่ว จึงรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย “อาจั่ว เจ้าออกไปก่อน”
รีบออกไปหัวเราะเสีย…
อาจั่วรีบพยักหน้าตอบรับและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งนางวิ่งหนีออกไปไกล นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไร้ยางอาย แต่จากหน้าต่างที่เปิดอยู่ของห้องกู้เสี่ยวหวาน มันทำให้เสียงหัวเราะนั้นดังไปถึงหูของทั้งสอง
“อาจั่วกล้ามากขึ้นจริง ๆ” ดวงตาของฉินเย่จือแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ท่านกำลังทำอะไร ข้าชอบนิสัยของอาจั่วมาก” กู้เสี่ยวหวานรีบพูด พลันนั้นใบหน้าที่ตึงเครียดของฉินเย่จือก็ผ่อนคลายลง และไม่ได้ดูจริงจังอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วย ‘ความพึงพอใจ’
“เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว นิสัยแบบนี้สามารถทำให้เกิดความสุขได้มาก”
“ท่านอาตกลงแล้วหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่หน้าโต๊ะ โดยมีฉินเย่จือนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามค่อย เขารินชาแล้วส่งให้นาง
กู้เสี่ยวหวานรับมันมาอย่างคุ้นเคย จากนั้นยกชาถ้วยนั้นขึ้นจิบ ฉินเย่จือมองดูนางอย่างอบอุ่น
“ตอบตกลงแล้ว” ด้วยรอยยิ้มที่หางตาของฉินเย่จือ เขายื่นมือออกและเกี่ยวผมที่หน้าผากของกู้เสี่ยวหวานไปทัดไว้ด้านหลังใบหูของนาง