ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1369 หนิงอันหายตัวไป
บทที่ 1369 หนิงอันหายตัวไป
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์มีสีหน้าท่าทางรังเกียจ
จ้าวจื่อเจี๋ยได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า “ตระกูลซ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง และเป็นญาติของฮูหยินใหญ่ คาดว่าเขาคงไม่กล้าทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ ซ่งเหลียนเฉิงยังประทับใจในตัวเจ้า เมื่อถึงเวลาเจ้าแต่งงานไป เจ้าอย่าทำลายอนาคตของตนเองเพียงเพราะขอทานผู้นั้น”
“ท่านพี่ ข้ารู้ ข้ามีเหตุผลของข้า” ถึงแม้ว่าในใจจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รู้สึกไม่อยากพรากจากกันเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงฉินเย่จือที่ทำเป็นหูหนวกตาบอดก็อย่าโทษที่ตนเองใจร้าย
ถ้าตนเองแต่งงานกับตระกูลซ่งก็จะเป็นฮูหยินน้อย ฉินเย่จือผู้นั้นแม้มีรูปลักษณ์ที่ดูดี แต่ตัวเขานั้นอับจนต่ำต้อย แต่งงานกับกู้เสี่ยวหวานไปก็มีแต่จะต้องพึ่งพากู้เสี่ยวหวาน ผู้ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ก็ไม่ต่างไปจากคนอุ่นเตียง
ครั้นเห็นว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คิดออกแล้ว จ้าวจื่อเจี๋ยก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก “รอให้ทางพี่ใหญ่ซ่งจัดการเสร็จแล้ว ตอนนี้ผู้หญิงสารเลวคนนั้นไม่ใช่มีความสุขอยู่หรือ พวกเราก็ปล่อยให้นางมีความสุขต่ออีกหน่อย ฉินเย่จือส่งกล่องให้เพียงชิ้นเดียวเพื่อเป็นของขวัญวันหมั้นไม่ใช่หรือ พวกเราก็ส่งให้เขาเพิ่มมากอีกหน่อย ฮ่า ๆๆ”
ถึงแม้ว่าฉินเย่จือจะหมั้นแล้ว แต่ไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือกลับสวนกู้แล้ว ทั้งคู่ก็ยังแยกกันนอนคนละห้อง
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นสมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย
หลังจากพิธีหมั้นเสร็จสิ้น ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานก็เริ่มหารือเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องไปจัดการที่เมืองหลวง
สิ้นปี ไทเฮาต้องการให้เข้าเฝ้า เรื่องที่จะไปเมืองหลวงนั้นคงจะล่าช้าไม่ได้แล้ว หลังจากถึงเมืองหลวงแล้ว ต้องทำตัวให้กลมกลืนและผูกมิตรกับผู้อื่นก่อน
กู้หนิงอันไม่ได้รีบกลับไปที่บ้านของอาจารย์ฝาง บอกเพียงว่าอาจารย์ฝางรู้ว่าพวกกู้เสี่ยวหวานจะกลับเมืองหลวงในไม่ช้าแล้ว ดังนั้นอาจารย์ฝางจึงให้เขาลาหยุดได้หลายวัน
วันนี้กู้หนิงอันไปที่ยังเมืองหลิวเจียเพื่อเดินเล่น แต่จนฟ้ามืดแล้วก็ยังไม่กลับมาบ้าน
ตอนแรกกู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดอะไร แค่บอกว่าไม่ง่ายเลยที่เด็กคนนั้นจะได้รับการปล่อยจิตปล่อยใจจากการเรียน เข้าใจได้ที่อยากจะออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านมากขึ้น
เพียงแต่หลังกินข้าวเสร็จ กู้หนิงอันก็ยังไม่กลับมา กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา
“หนิงผิง เจ้ารีบไปดูในเมืองเร็วเข้า ไปดูว่าหนิงอันอยู่ที่บ้านอาจารย์สวีหรือไม่” ถึงแม้ว่าตอนนี้หนิงอันจะโตแล้ว แต่ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่กลับบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
กู้หนิงผิงรีบออกไปตามคำสั่งทันที กู้เสี่ยวหวานเฝ้ารอน้องชายอยู่ที่บ้าน แต่คนที่กลับมาคือลูกจ้างภายในร้านจิ่นฝู
แต่ข่าวที่นำกลับมาทำให้กู้เสี่ยวหวานได้แต่นิ่งงันอยู่ตรงนั้น “แม่นาง พี่ผิงเอ๋อร์ให้ข้ารายงานท่านว่าไม่เจอพี่อันเอ๋อร์ที่บ้านอาจารย์สวี ที่ร้านจิ่นฝูก็ไม่เจอแม้แต่เงา ตอนนี้พี่ผิงเอ๋อร์กับเสี่ยวเหลียงจื่อกำลังตามหาเขาอยู่”
“อะไรนะ” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกไม่สบายใจจึงไม่ได้กลับไปที่ห้องของตน เอาแต่เดินไปเดินมาไม่หยุดอยู่ในห้องโถง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าหากู้หนิงอันไม่เจอก็อยู่ไม่นิ่งลุกลี้ลุกลนขึ้นมา อาจั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เข้ามาประคองนางไว้ “คุณหนู ท่านอย่าพึ่งกังวลไปเลย บางทีพี่อันเอ๋อร์อาจจะพบสหายเก่าและไปรวมตัวกันจนลืมกลับบ้านก็ได้”
กู้เสี่ยวหวานมีท่าทีสงบลงพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ หนิงอันไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนั้น ถ้าหากเขามีธุระกลับมาไม่ได้ล่ะก็ เขาจะต้องส่งคนมาบอกข้าแน่นอนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ยิ่งกังวลมาก หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เย็นชาลงเรื่อย ๆ
เมื่อเช้ากู้หนิงอันออกไปกับฉือโถว บอกว่าจะไปหาอาจารย์สวีที่หอหนังสืออวี้ จากนั้นก็จะไปอ่านหนังสือแล้วตอนบ่ายค่อยกลับมา เนื่องจากตกลงกันแล้ว ดังนั้นตอนแรกกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้สนใจ
แต่ว่าตอนนี้เขากลับหายไปอย่างไร้ข่าวคราว กู้เสี่ยวหวานจึงเชื่อว่าต้องเกิดเรื่องกับกู้หนิงอันแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข่าวคราวอะไรเลย
“พวกเจ้าเอาอะไรมายืนยันได้ว่าไม่พบเขา” อาจั่วถาม
ชายผู้นั้นตอบแบบไม่ลังเล “พวกเขาไปหอหนังสืออวี้ แต่ตอนที่กลับมาบอกว่าไม่ได้อยู่ที่นั่น และยังได้ยินอาจารย์สวีบอกว่า พี่อันเอ๋อร์ออกไปจากหอหนังสืออวี้ตั้งแต่ตอนบ่าย พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดิน ทั้งยังบอกอีกว่าฮูหยินสวีให้เขากินมื้อค่ำก่อนแล้วค่อยไป แต่พี่อันเอ๋อร์บอกว่าแม่นางรอเขาอยู่ที่บ้านเลยไม่ได้อยู่ต่อ”
เขาไปจากหอหนังสืออวี้ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน อีกทั้งไม่ได้กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน อาจั่วมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเป็นห่วง แต่กลับเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานนิ่งเงียบผิดปกติ
“อาจั่ว ไปเตรียมรถม้า พวกเรารีบไปที่ร้านจิ่นฝู” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างใจเย็น และมีความเป็นห่วงลึก ๆ อยู่ในสายตา
“เจ้าค่ะ คุณหนู” อาจั่วหันหลังเตรียมมุ่งหน้าไปที่คอกม้า แต่กู้เสี่ยวหวานกลับรั้งนางไว้เสียก่อน “ช้าก่อน ถ้าหากคนในบ้านถามก็บอกว่าพวกเรามีเรื่องที่ต้องไปจัดการที่ร้านจิ่นฝู บอกว่าบัญชีในวันนี้ไม่ชัดเจน ข้าจะไปดูบัญชี และไม่ต้องพูดอะไรอีกเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องกังวล”
อาจั่วตอบรับและนำรถม้ามา พวกนางมุ่งหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็มาถึงร้านจิ่นฝู
ประตูใหญ่ที่ร้านจิ่นฝูถูกปิดทุกบาน เหลือเพียงช่องที่คนเข้าไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานเข้าไป ก็มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหากู้เสี่ยวหวาน “แม่นาง ท่านมาแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ในร้านจิ่นฝู เหมือนคนที่เหลือจะไปตามหากู้หนิงอัน “พวกเขาออกไปตามหาคน ได้ข่าวคราวอะไรบ้างไหม”
หนุ่มน้อยผู้นั้นมีสีหน้ากังวลและบอกเพียงว่า “ยังไม่มีขอรับ เถ้าแก่และพี่ผิงเอ๋อร์นำคนไปตามหาแล้ว ตอนนี้พวกเขาแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่มเพื่อไปตามหาในเมือง”
กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวลอยู่ในใจ แต่นางแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก
ลูกจ้างคนนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเป็นกังวล และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากตัวตนของเขา จึงได้แค่มุ่ยหน้า “แม่นาง ท่านอย่าได้กังวลไปเลย พวกเขาต้องหาพี่อันเอ๋อร์พบแน่นอน”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นเขาปลอบนาง ก็ได้แต่หันไปมองเขาอย่างขอบคุณและยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ
รอได้ไม่นานฉือโถวก็กลับมา และได้ยินเสียงที่กระวนกระวายของฉือโถวดังขึ้น “หนิงอันกลับมาหรือยัง”
หนุ่มน้อยคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปแล้วตอบว่า “เถ้าแก่ พี่อันเอ๋อร์ยังไม่ได้กลับมา”