ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1372 กลับบ้าน
บทที่ 1372 กลับบ้าน
โชคดีที่ฮูหยินเอ่ยความคิดที่ดีออกมา นางและจ้าวสวิ่นจึงรีบไปหาจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กำลังนอนหลับสนิท แต่แล้วก็ต้องถูกปลุกขึ้นมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ไม่ใช่ว่าคนเราต้องพักผ่อนหรือ ตอนนี้ลูกก็หลับไปแล้ว จะปลุกข้าทำไมกัน?”
จ้าวสวิ่นกระวนกระวาย ตระกูลจ้าวกำลังจะถูกฝังไปพร้อมกับคนอื่น แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยังคงบ่นไม่หยุด ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้เขามากขึ้น “พี่ชายของเจ้าล่ะ วิ่งไปไหนแล้ว”
“พี่ชาย? พี่ชายของข้าไปไหน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว จะไปไหนทำไมต้องบอกข้า”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลอกตา พูดพร้อมกับหาวด้วยท่าทางไม่แยแส
“เจ้าไม่รู้หรือว่าพี่ชายของเจ้ามักจะมาที่นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่รู้” ฮูหยินจ้าวเห็นท่าทางแบบนี้ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าบอกไม่รู้ก็คือไม่รู้ ท่านกล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รีบลุกขึ้นและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจ้าวสวิ่น พลางทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยใจ และต้องการการปลอบโยนจากจ้าวสวิ่น
ในวันธรรมดา จ้าวสวิ่นปฏิบัติต่อลูกสาวคนนี้เป็นอย่างดี นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลายเป็นคนไม่สนกฎเกณฑ์เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวสวิ่น ไม่ว่าจะขออะไร จ้าวสวิ่นจะตอบตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข
น่าเสียดายที่วันนี้แตกต่างจากในอดีต จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของตนเอง ไม่รู้ความเก่งกาจของฮูหยินจ้าว และยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้อารมณ์ของจ้าวสวิ่นในขณะนี้
เสียงตบดังกึกก้องขึ้นในยามค่ำคืน ทำลายความเงียบสงัดกลางดึก
ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้หายจากอาการง่วงเป็นปลิดทิ้ง นางเบิกตากว้างยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่แดงก่ำจากการถูกตบ และมองไปที่จ้าวสวิ่นด้วยความไม่เชื่อ “ท่านตบข้า ท่านพ่อไม่เคยทำร้ายข้า แต่ตอนนี้ท่านกลับกล้าตบข้า”
มือของจ้าวสวิ่นสั่นระริก ก่อนจะชี้ไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และพูดอย่างดุดัน “ถ้าตระกูลจ้าวถูกทำลายด้วยน้ำมือของพวกเจ้าสองพี่น้อง ข้าจะตบเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร ถ้าไม่มีตระกูลจ้าว ข้านี่แหละจะเป็นคนแรกที่พาเจ้าสองคนไปไหว้บรรพบุรุษ”
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไร ตระกูลจ้าวจบสิ้นอะไรกัน” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ซึ่งดูเหมือนดีใจเล็กน้อย แต่ก็รีบซ่อนความรู้สึกนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้จ้าวสวิ่นสังเกตเห็น
กลางค่ำคืนที่มืด มีเพียงเทียนเล่มเดียวที่จุดไว้ในห้อง จ้าวสวิ่นและฮูหยินไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แม้แต่นิดเดียว แต่ถึงแม้ว่าจะถูกพบ ก็มีเพียงจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เท่านั้นที่ตกใจ
ฮูหยินจ้าวเอ่ยอย่างจริงจังว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอย่าโกรธพ่อเจ้าเลย พ่อเจ้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น คืนนี้เสี้ยนจู่มาที่นี่”
“หญิงสารเลวคนนั้นมาทำอะไรที่นี่” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กรีดร้อง
“เจ้าพูดว่าอะไร เจ้ากำลังด่าเสี้ยนจู่ว่าอย่างไรนะ” จ้าวสวิ่นเลิกคิ้ว
ฮูหยินมีสีหน้าตื่นตระหนก “ไอ๊หยา หากนางมาได้ยินเข้า หัวเจ้าได้หลุดออกจากบ่าแน่ ๆ”
“ฮึ! ช่างหัวนางสิ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นนังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว นังสารเลว” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ระบายความโกรธ พร้อมด่าทอออกมาหลายครั้ง และทำให้ใบหน้าของจ้าวสวิ่นดำคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ ดำราวกับฝุ่นก็ไม่ปาน
“ลูกไม่รักดี!” จ้าวสวิ่นตะโกนเสียงดังลั่น และตวัดขาเตะเข้าไปที่ลำตัวของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จนร่างของนางทรุดลงไปกับพื้นจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ “ลูกไม่รักดี ข้าให้กำเนิดลูกหมูโง่ ๆ สองตัวนี้ได้อย่างไร ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเสีย เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น สิ่งที่ไม่ได้อยู่บนโต๊ะก็ยังคงไม่อยู่บนโต๊ะ”
หลังจากที่จ้าวสวิ่นพูดด้วยความขยะแขยง มุมปากของฮูหยินจ้าวก็ปราฏกรอยยิ้มจาง ๆ
ภูมิใจเหลือเกิน
หงซื่อ เจ้าได้ยินหรือยังว่า แม้เจ้าจะอยู่กับนายท่านมาครึ่งชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ไม่ได้อยู่บนโต๊ะก็ยังคงไม่อยู่บนโต๊ะ
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของฮูหยินแวบหนึ่ง หน้าอกของจ้าวสวิ่นกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ นางจึงรีบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อปลอบเขา “นายท่านอย่ารีบร้อนไปเลย ค่อย ๆ ถามอวิ๋นเอ๋อร์เถอะ พวกเรารีบตามหาจื่อเจี๋ยก่อนเถอะว่าอยู่ที่ไหน ตราบใดที่คุณชายใหญ่ตระกูลกู้ได้รับการช่วยเหลือ เสี้ยนจู่คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้”
“พวกท่านกำลังพูดถึงอะไร เสี้ยนจู่รู้ว่าท่านพี่ลักพาตัวกู้หนิงอันไปหรือ?” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รู้สึกเจ็บไปทั้งหน้าอกจากการถูกเตะ เจ็บปวดราวกับว่าซี่โครงหัก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยินจ้าว อวิ๋นเอ๋อร์ก็โพล่งออกมา
คราวนี้จ้าวสวิ่นกระอักเลือดออกมาเต็มปากด้วยความโกรธ “แน่นอนว่ามันเป็นเจ้าลูกเวรที่ลักพาตัวคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ไป ดังนั้นรีบบอกข้ามาว่าพี่ชายของเจ้าอยู่ที่ไหน หรือเจ้าต้องรอให้ตระกูลจ้าวถูกทำลายไปจริง ๆ”
“อวิ๋นเอ๋อร์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ ตระกูลจ้าวจบสิ้นแน่” ฮูหยินจ้าวยังคงมีท่าทีตื่นตระหนก “เจ้าเองก็เป็นคุณหนูของตระกูลจ้าว หากตระกูลจ้าวจบสิ้น เจ้าก็ไม่มีที่ใดให้พึ่งพาอีก”
“ท่านพี่ ท่านพี่อยู่ที่เฉิงซี” หลังจากที่อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยออกมาสองประโยคด้วยเสียงสั่นเทา จ้าวสวิ่นก็มองลูกสาวที่เขารักมากก่อนหน้านี้อย่างรังเกียจจนอยากจะเลาะกระดูกของนาง
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์สั่นสะท้านไปทั้งตัว ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงและมีสายลมเย็นพัดผ่าน ความหนาวเย็นทำให้หน้าตาของนางเหยเกอย่างเจ็บปวด
…
ฟ้ายังไม่ทันสาง กู้หนิงอันก็ถูกส่งตัวถึงสวนกู้อย่างปลอดภัย
นอกจากเสื้อผ้าบนร่างกายที่ขาดชำรุดเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บที่ร่างกายส่วนใด
แต่โชคดีที่จ้าวสวิ่นไปทันเวลา หากไปไม่ทัน เกรงว่าเครื่องมือทรมานคงถูกนำมาใช้กับกู้หนิงอันแล้ว
จ้าวสวิ่นไม่มีเวลาพูดอะไรกับจ้าวจื่อเจี๋ย เขาจึงได้แต่คุกเข่าลงต่อหน้ากู้หนิงอันเพื่อขอโทษ จากนั้นก็ส่งกู้หนิงอันกลับมาด้วยความเคารพ อย่างไรก็ตาม จ้าวจื่อเจี๋ยถูกมัดและพาตัวไปที่สวนกู้
เขาคุกเข่าต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานและร้องไห้อย่างขมขื่น “เสี้ยนจู่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ครอบครัวของข้าโชคไม่ดี ลูกชายไม่รักดีของข้าทำเรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ ได้โปรดเสี้ยนจู่ ไม่ว่าท่านจะลงโทษอย่างไร ข้าก็จะเชื่อฟังท่าน”
เพราะจ้าวจื่อเจี๋ยถูกมัดไว้ตลอดทาง เขาจึงพูดอะไรไม่ดีออกมา เพราะจ้าวสวิ่นกลัวว่าคำพูดของจ้าวจื่อเจี๋ยจะทำให้กู้เสี่ยวหวานโกรธ ดังนั้นเขาจึงใช้ผ้าขี้ริ้วยัดปากของจ้าวจื่อเจี๋ยไว้
จ้าวจื่อเจี๋ยกำลังสะอึกสะอื้นส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ ดวงตาจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานที่นั่งอยู่ด้านบนด้วยความดุร้าย
ขณะนั้นกู้เสี่ยวหวานก็สำรวจดูกู้หนิงอันหนึ่งรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลใด ๆ แล้วค่อยวางใจ