ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1374 ร่วมมือกันเพื่อหลอกนาง
บทที่ 1374 ร่วมมือกันเพื่อหลอกนาง
มิน่าล่ะ เมื่อตอนกู้เสี่ยวหวานตรวจดู ดูแค่ที่ที่เห็นได้ง่าย กลับไม่เห็นหน้าอกด้านในที่ถูกเสื้อผ้าบดบังไว้
รอยแผลบนหน้าอกเริ่มช้ำขึ้นราวกับว่ามีคนเอากำปั้นทุบ
“ท่านพี่” กู้เสี่ยวอี้มองพร้อมปิดปากร้องไห้ออกมา ดวงตาแดงก่ำมองดูรอยแผลบนตัวกู้อันหนิงด้วยความกังวล
“สวรรค์! เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ได้อย่างไร” เมื่อกู้ฟ่างสี่ได้ยินเสียงร่ำไห้ก็วิ่งออกมา มองไปที่รอยแผลบนตัวของกู้อันหนิง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ “พี่สะใภ้ ในห้องของข้ามียาอยู่ รีบไปเอามาเร็ว”
คนกลุ่มหนึ่งประคองกู้อันหนิงไว้แล้วกลับเข้าไปในห้อง คนไปตามหมอก็ไปตามหมอ คนไปต้มน้ำก็ไปต้มน้ำ กู้ฟางสี่ทายาให้กู้หนิงอัน โดยมีกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบงัน สีหน้าที่นิ่งเรียบมองแทบไม่ออกว่านางนั้นรู้สึกอย่างไร
แต่ท่าทางของพี่สาวทำให้กู้อันหนิงรู้สึกกลัว “ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไป”
“ตกลงแล้วใครเป็นคนตีเจ้ากันแน่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามขึ้น “เป็นจ้าวจื่อเจี๋ยใช่หรือไม่”
“เอ่อ… ตอนข้าตื่นขึ้นมา เขาก็ทุบตีข้าแล้ว ทุบตีแต่ตรงหน้าอกข้า ถอดเสื้อข้าออกแล้วตี คงเพราะเมื่อสวมเสื้อแล้วก็ไม่เห็นบาดแผลที่หน้าอก” กู้หนิงอันขมวดคิ้วพลางพูด เมื่อคิดได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็นึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธขึ้นมา
“ท่านพี่ ข้ากลัวว่าท่านจะกังวล ข้าจึงไม่กล้าบอกท่าน”
“งั้นตอนนี้ข้าก็สบายใจแล้วงั้นสิ? ไม่ใช่ว่าเจ้ากับจ้าวสวิ่นปรึกษากันแล้วหรอกนะ ถึงจงใจรวมหัวกันเพื่อปกปิดข้า” ถึงตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว เมื่อตอนอยู่ในห้องโถง ตอนที่ตนดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายของกู้หนิงอัน สายตาของจ้าวสวิ่นผู้นั้นมีความรู้สึกสงสัยเป็นพิเศษ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ร่วมมือกับจ้าวสวิ่นเพื่อหลอกท่าน นั่นเพราะเขากลัวว่าท่านจะทำร้าย ที่ข้าหลอกท่าน เพียงเพราะข้ากลัวว่าท่านจะกังวล ข้าไม่อยากให้ท่านทุกข์ใจ” เมื่อพูดจบ กู้หนิงอันก้มหน้าเงียบไม่พูดต่อ
ตอนนั้นเขาถูกตีจนสลบ ผ่านไปสักพักจ้าวสวิ่นก็หาเขาพบแล้วดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เดี๋ยวก็คงต้องปล่อยไปก่อน เพื่อจะเรียกให้หมอมาดูบาดแผล
ยังดีที่บนร่างกายไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร มีแค่บาดแผลภายนอก ภายในไม่บาดเจ็บอะไร
กู้อันหนิงไม่ต้องการบอกกู้เสี่ยวหวาน ยังดีที่จ้าวสวิ่นผู้นั้นก็มีความคิดเช่นนี้
“คุณชายกู้ ลูกชายของข้าแสดงนิสัยหยาบกระด้างล่วงเกินคุณชายกู้ คุณชายกู้มีเมตตา ไม่คิดเล็กคิดน้อย ข้าเป็นหนี้บุญคุณคุณชายกู้ ถ้าหากวันไหนที่คุณชายกู้มีเวลาก็มาที่นี่เพื่อทวงคืน คุณชายกู้จะตีเขาอย่างไร คงไม่มีตระกูลจ้าวคนไหนตำหนิท่าน” ยังดีที่จ้าวสวิ่นรับรู้ ถ้ากู้เสี่ยวหวานรู้เข้า กู้หนิงอันได้รับการรักษาอยู่ที่นี่เช่นนี้ ตามนิสัยของนางแล้ว คงกลายเป็นศัตรูกันจริง ๆ แน่
“ที่ข้าไม่พูดไม่ใช่เพียงเพราะท่านขอร้อง แต่เพราะข้าไม่อยากให้พี่สาวของข้ากังวลใจเท่านั้น” กู้หนิงอันพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นกัดฟันสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจึงนั่งรถม้าของตระกูลจ้าวกลับสวนกู้
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟังสิ่งที่กู้หนิงอันพูดก็สำรวจดูบาดแผลบนร่างกายของน้องชายอีกครั้ง และพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พลางพูดว่า “ท่านป้า ท่านอา พวกท่านช่วยดูแลทายาและให้หนิงอันพักผ่อนให้ดี สองสามวันนี้ห้ามขยับร่างกายมาก ให้พักอยู่บนเตียงไม่ต้องออกไปข้างนอก”
กู้หนิงอันรับรู้ว่าพี่สาวนั้นกำลังโกรธเคือง และยังรู้อีกว่าต้องเชื่อฟังนางเท่านั้นจึงจะเป็นเรื่องที่ดี เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพี่ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะรักษาบาดแผลให้หายดีโดยไว”
กู้เสี่ยวหวานหมุนตัวเดินจากไป ในคราวแรกใบหน้ายังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง จึงหันกลับมาครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ใบหน้าที่งดงามนั้นนิ่งเรียบราวกลับธารน้ำแข็งก็ไม่ปาน
อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความกังวล “คุณหนู…”
กู้เสี่ยวหวานโบกมือแล้วตอบนิ่ง ๆ “ให้นางลงมือ”
อาจั่วพยักหน้าตอบรับ ร่างหนึ่งพุ่งผ่านและหายไปในตอนกลางคืนอย่างไร้ร่องรอย
กู้เสี่ยวหวานปิดตาลง เมื่อเดินมาถึงลานด้านใน มองดูพระจันทร์ที่สุกสกาวกลมโต แล้วปิดเปลือกตาลง บาดแผลบนตัวของกู้หนิงอันนั้นยังติดอยู่ในหัวของนางราวกับคำสาปที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
โชคยังดีที่หมอพานมาดูอาการบาดเจ็บของกู้หนิงอันแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บแค่ที่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น กระดูกและอวัยวะภายในไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากใช้ยาและแผ่นแปะยาที่หมอพานให้มาแล้ว กู้หนิงอันทำตามคำพูดของพี่สาวด้วยความเชื่อฟังอย่างไม่กล้าโต้แย้งใด ๆ
ในมือของกู้เสี่ยวหวานถือผลไม้สีแดงลูกหนึ่งและกำลังปอกเปลือกของมัน จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จัดใส่จานแล้วนำไปวางไว้บนหัวเตียงของกู้หนิงอัน ใช้ก้านไม้ไผ่เล็ก ๆ เสียบไว้บนผลไม้ ให้กู้หนิงอันได้กินเป็นบางครั้งคราว
กู้เสี่ยวอี้ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนหัวเตียง ดูหนังสือที่กู้หนิงอันนำมาจากเมืองรุ่ยเสียน พลิกกลับไปกลับมา
สามพี่น้องไม่ได้พูดคุยกันสักคำ อ่านหนังสือและพักผ่อน เพราะกู้เสี่ยวหวานไม่ยอมให้กู้หนิงอันอ่านหนังสือเองจึงนั่งลงข้าง ๆ และอ่านให้กู้หนิงอันฟัง
ภายในห้องมีแค่เสียงนุ่ม ๆ ของกู้เสี่ยวหวาน และมีเสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นครั้งคราว
ทั้งสามพี่น้องยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน กระทั่งตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน ถึงแม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังคงสว่างอยู่
กู้เสี่ยวหวานอ่านไปได้ครึ่งเล่มก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “หนิงอัน เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าต้องเข้าไปดูในครัวหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
กู้หนิงอันก็รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงพยักหน้ารับแล้วหลับตาลง
กู้เสี่ยวหวานจูงน้องสาวออกมาด้วยแล้วจึงปิดประตูลง หลังจากเดินดูรอบ ๆ ในครัวแล้ว นางจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเข้ามาก็พบกับอาจั่วที่กลับมาจากข้างนอกด้วยท่าทางรีบร้อน มองกู้เสี่ยวหวานด้วยความดีใจ “คุณหนู สำเร็จแล้ว”
คิ้วและตาของกู้เสี่ยวหวานอ่อนลงเล็กน้อย หลังจากได้ยินประโยคนี้ รอยยิ้มจึงผุดขึ้น “ทำได้ดีมาก”
สวนกู้ค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากในเมือง ดังนั้นถ้ารอให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไปถึงสวนกู้ คงดึกเกินไป
จานหงอี้วิ่งไปยังบ้านของจ้าวสวิ่น และบอกว่านางตั้งครรภ์… ตั้งครรภ์ลูกของจ้าวจื่อเจี๋ย และบังคับให้จ้าวจื่อเจี๋ยแต่งงานกับนางพร้อมกับรับผิดชอบลูกในท้อง
จ้าวสวิ่นโกรธจนแทบพ่นไฟ ถ้าจานหงอี้คนนี้เป็นลูกสาวของคนที่มีชื่อเสียงก็ไม่เป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นางเป็นแค่ลูกสาวของครอบครัวธรรมดาเท่านั้น