ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1377 ไล่ฆ่าจานซื่อ
บทที่ 1377 ไล่ฆ่าจานซื่อ
เฮ้อ…ค่อยยังชั่วหน่อยที่แค่บังเอิญผ่านมา จ้าวสวิ่นปาดเหงื่อไปหนึ่งที ไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ก็ดีแล้ว
ความกังวลของจ้าวสวิ่นจางหายไป “ใต้เท้าจ้าว ข้าน้อยมีบางเรื่องอยากจะพูดกับท่าน ไม่สู้เรากลับไปที่เรือนแล้วค่อย ๆ พูดคุยกันเถอะขอรับ”
จ้าวสวิ่นค่อนข้างมีหน้ามีตาในเมืองหลิวเจีย ใต้เท้าจ้าวเห็นว่าอีกฝ่ายที่พยายามกันเขาออกจากที่นี่ให้ได้ ในใจพลันรู้สึกขบขันยิ่งนัก แต่ก็ตอบตกลงในเวลาต่อมา “เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้วล่ะ”
ฮูหยินจ้าวหัวเราะร่า “เสี่ยวเหลียน รีบกลับไปเตรียมน้ำชา”
จากนั้นสองสามีภรรยาก็พาใต้เท้าจ้าวหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าไปที่เรือน
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องปนเสียงร้องไห้จากความหวาดกลัวต่อบางสิ่งตามหลังมาติด ๆ “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั้งถนน ใต้เท้าจ้าวหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วก็เห็นหญิงผู้หนึ่งวิ่งมาทางเขา “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
หญิงผู้นั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางตื่นตกใจ และคงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจาก…จานหงอวี้?!
จานหงอวี้ทั้งร้องขอความช่วยเหลือทั้งวิ่งออกมาจากเรือนร้างด้วยความตื่นตระหนก “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
ข้างหลังนางมีกลุ่มชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือกำลังวิ่งตามหลังมาติด ๆ
จานหงอวี้วิ่งเข้ามาใกล้ ๆ เห็นว่าใต้เท้าจ้าวก็อยู่ที่นี่ด้วยก็ใจชื้นขึ้นมาทันที และรีบตะโกนขอความช่วยเหลือ “ใต้เท้าจ้าว ๆ ช่วยข้าน้อยด้วย ตระกูลจ้าวจะฆ่าปิดปากข้า!”
ท่าทีของจ้าวสวิ่นและภรรยาเปลี่ยนไปทันที
ชายฉกรรจ์ท่าทางป่าเถื่อนถือดาบไล่ตามหญิงสาวผู้อ่อนแอ ยิ่งกว่านั้นหญิงผู้นี้ยังบอกอีกว่ามีคนจะฆ่านางเพื่อปิดปาก แล้วพวกเขาจะแก้ต่างได้อย่างไร?!
เหล่าชายฉกรรจ์เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ รีบหันหลังกลับเพื่อจะวิ่งหนีไป แต่ใต้เท้าจ้าวที่กำลังโมโหดันตะโกนสั่งเสียงดังว่า “พวกเจ้าตามไปจับตัวพวกมันมา!”
ทันใดนั้น คนของใต้เท้าจ้าวจำนวนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดก็พุ่งออกมาจัดการเหล่าชายฉกรรจ์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
จานหงอวี้ผู้รอดตายรีบคุกเข่าลงตรงหน้าผู้มีพระคุณทันที “ใต้เท้าผู้ที่สวรรค์ส่งมาโปรด ท่านคือผู้ที่ช่วยชีวิตข้าน้อยไว้”
ใต้เท้าจ้าวหันหน้าที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเต็มเปี่ยมไปมองสองสามีภรรยาที่ยืนเงียบอยู่ใกล้ ๆ แล้วชี้ไปที่จานหงอวี้พร้อมพูดว่า “นายท่านจ้าวจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร”
หญิงชาวบ้านผู้หนึ่งกำลังจะถูกฆ่าตายในเรือนร้าง ตนเป็นถึงเจ้าเมือง แถมยังยืนอยู่หน้าประตูพร้อมความสงสัยแล้วแท้ ๆ แต่กลับไปเชื่อคำพูดคนอื่น และไม่ยอมเข้าไปตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หากหญิงผู้นี้ต้องมาตายอยู่ที่นี่จริง ๆ ล่ะก็ ถึงยามนั้นต่อให้ตนมีปากอยู่ทั่วตัวก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากด้วยซ้ำ
ใต้เท้าจ้าวหน้าดำคร่ำเครียดจ้องมองสองสามีภรรยาด้วยความโกรธ
จ้าวสวิ่นรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประสานกันไว้ที่หน้าอกและอธิบายว่า “ใต้เท้า ขะ…ขะ…ข้าน้อยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น หญิงผู้นี้มาจากที่ใด ข้าน้อยก็ยังไม่รู้เลย”
“จ้าวสวิ่น เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร!” จานหงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบโต้จ้าวสวิ่นอย่างโกรธเกรี้ยว “ใต้เท้า พวกคนที่ตามฆ่าข้าน้อยล้วนแต่เป็นคนของตระกูลจ้าว ต้องเป็นตระกูลจ้าวที่คิดจะปิดปากข้าน้อย”
“เหลวไหล! ตระกูลจ้าวส่งคนไปฆ่าเจ้าเมื่อใดกัน” ด้านฮูหยินจ้าวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็รีบโต้แย้งด้วยความโกรธ
แต่จ้าวสวิ่นกลับก้มหน้าไม่พูดไม่จาสักคำ
ใต้เท้าจ้าวเห็นว่าแต่ละฝ่ายต่างยืนกรานในคำพูดของตนเอง ก็ไม่คิดจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่าย ๆ “พวกเจ้าคุมตัวคนพวกนี้ไปที่ศาลาว่าการ ข้าจะเป็นคนชำระความนี้เอง”
ในยามที่ทุกคนมาถึงศาลาว่าการก็พบว่ามีคนเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว
เนื่องจากศาลาว่าการแห่งนี้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ ใต้เท้าจ้าวจึงอาศัยตำแหน่งที่ตนมีอยู่แล้วเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินเองได้
บัดนี้ใต้เท้าจ้าวนั่งอยู่บนแท่นสูงในห้องโถงของศาลาว่าการ แม้ว่าเขาจะสวมเพียงชุดสามัญชนธรรมดา ๆ แต่ทว่าความมีสง่าราศีและความน่าเกรงขามของเขานั้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ เมื่อเห็นว่าทุกฝ่ายมาถึงแล้ว ใต้เท้าจ้าวจึงเคาะค้อนหนึ่งครั้ง ทั่วทั้งห้องโถงกว้างเงียบสงบลงทันที
“แม่นางจาน เจ้ามีความคับข้องใจอันใดจงบอกความจริงมาให้หมด แล้วข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้า แต่หากเจ้าใส่ร้ายผู้อื่นไม่เลือกหน้า ข้าก็จะไม่ละเว้น” ใต้เท้าจ้าวกล่าวด้วยใจเป็นกลาง
ฮูหยินจ้าวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก
และตั้งใจฟังสิ่งที่จานหงอวี้พูดออกมา “ใต้เท้า ข้าน้อยกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อของคุณชายรองตระกูลจ้าว แต่ตระกูลจ้าวไม่พอใจในภูมิหลังและตัวข้าน้อย พวกเขาจึงไม่ต้องการให้ข้าน้อยให้กำเนิดเด็กคนนี้ ถึงขั้นส่งคนมาฆ่าข้าน้อย”
ว่าอย่างไรนะ!
ทันทีที่เขาได้ยินว่าจานหงอวี้กำลังตั้งครรภ์ แถมยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าว ผู้คนที่เฝ้าดูก็ส่งเสียงฮือฮา
ก่อนหน้านี้ห้องโถงเงียบราวกับป่าช้า แต่ตอนนี้กลับเสียงดังราวกับตลาดสด
“จานซื่อ เจ้าอย่ามาพูดไร้สาระนะ สตรีอย่างเจ้า ผู้ใดจะแน่ใจว่าลูกในท้องเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าวจริง ๆ” คำพูดของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“ฮูหยินจ้าว ท่านมีฐานะสูงส่ง ท่านย่อมดูถูกหญิงชาวบ้านฐานะต่ำต้อยเช่นข้าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงข้าจะฐานะต่ำต้อยเพียงใด ข้าก็ยังเป็นสตรีที่รู้จักมารยาท รู้จักความยุติธรรม และความละอาย หากไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ ข้าก็คงไม่เอาเรื่องน่าอายมาป่าวประกาศต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้หรอก”
จานหงอวี้แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยราวกับถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างหนัก
“หากพวกท่านไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจ้าวจริง ๆ ไยพวกท่านถึงต้องส่งคนมาฆ่าปิดปากข้าด้วยเล่า ใต้เท้าจ้าว ท่านให้ความยุติธรรมแก่ข้าน้อยด้วย”
จานหงอวี้พูดอย่างคับแค้นใจ เสียงร้องไห้ของนางดังไปทั่วห้องโถง ใบหน้าซีดเซียวยิ่งทำให้ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจมากยิ่งขึ้น
แต่รอยย่นที่หางตามันตอกย้ำให้ทุกคนรู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่หญิงสาวแล้ว
“จานซื่อ เจ้าอย่าเอาแต่พูดไปเรื่อยสิ ตอนนี้เจ้าอายุสามสิบแล้ว ส่วนคุณชายรองของข้าอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง เจ้าอย่าสำคัญตัวนักเลย คุณชายรองของข้าน่ะ เขาอยากได้สาวงามอย่างไรก็ล้วนได้อย่างที่ใจต้องการ อย่างเจ้าเขาจะชายตาแลหรือ?” หนึ่งในบ่าวรับใช้ของตระกูลจ้าวพูดแย้งขึ้น
ทว่าคำพูดเช่นนั้นยิ่งทำให้หงอวี้ได้ใจมากยิ่งขึ้น นางยิ้มเยาะที่มุมปากพร้อมมองไปที่บ่าวรับใช้คนนั้น ก่อนจะหันไปมองจ้าวสวิ่นและฮูหยินจ้าว เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แยแส แถมยังแสดงสีหน้ารังเกียจฉายชัดออกมา
ความโกรธเกรี้ยวฉายออกมาจากดวงตาของจานหงอวี้เพียงแวบเดียว นางก็รีบก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ใต้เท้า จ้าวจื่อเจี๋ยอายุน้อยกว่าข้าถึงสิบปีก็จริง และคนในตระกูลจ้าวก็เอาแต่พูดว่าจ้าวจื่อเจี๋ยคงไม่มองหญิงชาวบ้านเช่นข้าหรอก แต่ใต้เท้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายรองผู้สูงส่งของตระกูลจ้าวมีความสัมพันธ์กับน้องสาวตนเอง คนเช่นนี้มีหรือจะไม่ชายตาแลสาวชาวบ้าน ใต้เท้าจ้าว ท่านคิดดูให้ดีเถอะ จ้าวจื่อเจี๋ยผู้นี้เป็นคนไร้คุณธรรม หน้าด้านไร้ยางอาย เช่นนั้นยังจะมีเรื่องชั่วอันใดที่เขาทำไม่ได้อีกเล่า”