ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1380 ตัดแขนจ้าวสวิ่น
บทที่ 1380 ตัดแขนจ้าวสวิ่น
“รีบไสหัวกลับไปเสีย” จ้าวสวิ่นก้าวไปข้างหน้า กระชากแขนของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และหันไปเอ่ยกับคนใช้ด้านข้าง
“ท่านพ่อ ข้าไม่กลับ ข้าไม่กลับ” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องคร่ำครวญพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของจ้าวสวิ่น “ท่านพ่อ ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ซ่ง ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ซ่ง ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการของหมั้นใด ๆ ทั้งนั้น แค่ท่านแต่งงานกับข้าก็เพียงพอแล้ว แค่ท่านแต่งงานกับข้า ดีหรือไม่ ข้าจะยอมเป็นวัวเป็นม้า ท่านจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้อย่างโศกเศร้า ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นตระหนก
“อวิ๋นเอ๋อร์ กลับไปเถอะ” จ้าวสวิ่นคำราม
ทว่าจ้าวสวิ่นไม่คาดคิดว่าเสียงของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะดังกว่าตน “ท่านพ่อ ข้าไม่กลับ ข้าต้องการติดตามพี่ซ่ง ข้าต้องการติดตามเขา”
ความบริสุทธิ์ของนางถูกทำลายและไม่มีใครต้องการนางอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงได้แต่ติดตามซ่งเหลียนเฉิงที่เดิมทีนางไม่เคยสนใจมาก่อน
ตราบใดที่เขายอมแต่งงานกับตัวเอง ตัวเองไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
“ถุย ต่อให้ข้าต้องแต่งงานกับคนอัปลักษณ์ ข้าก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า” ซ่งเหลียนเฉิงผลักจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ออกไป และรีบปัดเสื้อผ้าของเขาเพราะกลัวว่าสิ่งสกปรกบนร่างกายของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จะเปื้อนเสื้อผ้าของเขา
“ท่านแม่ พี่ซ่งเป็นหลานชายของท่าน ท่านบอกให้เขาแต่งงานกับข้าสิ ให้เขาแต่งงานกับข้า แม้ว่าข้าจะต้องเป็นอนุภรรยาข้าก็ยอม” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินจ้าวและร่ำไห้
เมื่อเห็นความลำบากใจของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินจ้าวก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ แต่ในไม่ช้าก็ต้องเผชิญความสิ้นหวัง
ตรงกันข้าม ตอนนี้นางไม่มีความสุขในการจัดการหงซื่ออีกต่อไป
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้รับการเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของนางและนั่นก็ถือว่าเป็นลูกสาวของนางเช่นกัน ตอนนี้ชื่อเสียงของนางถูกทำลายไปแล้ว การแต่งงานในอนาคตคงไม่ง่ายนัก บางทีนางอาจจะกลายเป็นสาวเทื้ออยู่ที่บ้านไปตลอดชีวิต
ทั้งหมดนี้ใครจะตำหนิได้?
ใบหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความลำบากใจและสะบัดมือของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ “ถ้าเจ้าต้องการตำหนิ เจ้าก็ตำหนิตัวเองที่ทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้น”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินจ้าวไม่ยอมช่วยและยังเอาแต่ตำหนิตนเอง จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมา “ข้ารู้ ท่านกำลังช่วยคนอื่น ข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ท่านจึงไม่ช่วยข้าใช่หรือไม่ ถ้าท่านแม่ของข้าอยู่นี่ ท่านแม่จะช่วยข้าอย่างแน่นอน ท่านแม่จะช่วยข้าอย่างแน่นอน”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องโหยหวนราบกับผี เสียงโหยหวนนั้นน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในโรงศาลนี้
เพียะ!
เสียงโหยหวนนั้นหยุดชะงัก จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกตบจนหน้าหัน รอยมือห้านิ้วปรากฏบนใบหน้าที่สวยงามของนางอย่างชัดเจน จ้าวสวิ่นยกมือขึ้นสูงและยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้าโกรธจัด
“ถ้าเจ้าต้องการแต่งงานนักล่ะก็… มีผู้เฒ่าเฉิงอยู่ทางตะวันตกของเมือง และพรุ่งนี้ข้าจะให้เขาแต่งงานกับเจ้า” จ้าวสวิ่นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
คราวนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่กุมหน้าอยู่พลันหยุดร้องไห้และหยุดสร้างปัญหา เบิกตากว้างแล้วจ้องมองจ้าวสวิ่นด้วยความหวาดกลัว “ท่านพ่อ ท่านกำลังจะให้ข้าแต่งงานกับผู้ใด”
“ข้าเป็นพ่อของเจ้า ทุกสิ่งในตัวเจ้าเป็นของข้า รวมถึงการแต่งงานและชีวิตของเจ้าด้วย ข้าสามารถให้เจ้าแต่งงานกับใครก็ได้ที่ข้าต้องการ ถ้าเจ้าอยากแต่งงานก็แต่งงาน ถ้าไม่อยากแต่งงานก็ต้องแต่งงานอยู่ดี” จ้าวสวิ่นกัดฟันพูด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายมองลูกสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาราวกับกำลังมองศัตรู
“ผู้เฒ่าเฉิงคือชายชราที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง เขาตาบอดข้างหนึ่งและติดสุราไม่ใช่หรือ”
“ข้าได้ยินมาว่าชายชราคนนั้นอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว อายุมากขนาดนี้แล้วการที่ได้แต่งงานกับสาวสวยบอบบางแบบนี้ เหอะ ๆ ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”
“ถ้าเจ้ารู้สึกอิจฉาก็ไปสู่ขอนางมาเสีย ข้าเชื่อว่าใต้เท้าจ้าวจะเลือกเจ้าอย่างแน่นอน” มีคนพูดอย่างหยอกล้อ
“ถุย ข้าไม่ต้องการ ต่อให้เอากลับไปอุ่นเตียงข้าก็ไม่ต้องการ แต่ข้าได้ยินมาว่าร่างกายมีความสัมพันธ์กับพี่น้องนี้เต็มไปด้วยความโชคร้าย”
ผู้คนรอบข้างชี้ไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เคยถูกกล่าวหาเช่นนี้ที่ไหนกัน เมื่อนางได้ยินว่าจ้าวสวิ่นกำลังจะส่งนางไปแต่งงานกับชายวัยห้าสิบปีที่ตาบอดและติดเหล้า นางก็เป็นลมหมดสติไป
เมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์หมดสติจึงไม่มีใครส่งเสียงตะโกนโวยวายอีกต่อไป ใต้เท้าจ้าวจึงหันไปหาจ้าวจื่อเจี๋ยและซ่งเหลียนเฉิงก่อนเอ่ยว่า “คืนนั้นผู้ใดเป็นคนสั่งให้บุคคลนี้ทำร้ายเสี้ยนจู่”
ซ่งเหลียนเฉิงได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นก่อน “ใต้เท้า เป็นเขา เขาบอกว่าต้องการให้คนรับใช้มาช่วย ในเวลานั้นข้าตาบอดและตกหลุมรักน้องสาวของเขา ข้าหมกมุ่นอยู่กับมันเพราะข้าต้องการเอาใจพี่ชายของอวิ๋นเอ๋อร์ หลังจากฟังคำพูดของเขา ข้าก็ให้คนใช้ของข้าไปพบเขา แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังจะล้างแค้นเสี้ยนจู่อันผิง ใต้เท้า ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ถ้าข้ารู้ว่าเขาต้องการคนไปแก้แค้นเสี้ยนจู่ ต่อให้ถูกทำร้ายจนตาย ข้าก็จะไม่ยอมให้”
“จ้าวจื่อเจี๋ย มีอะไรจะพูดไหม”
จ้าวจื่อเจี๋ยคุกเข่าลงในห้องโถงโดยไม่พูดอะไรสักคำเหมือนคนตาย
“จ้าวจื่อเจี๋ย เจ้าต้องการพูดอะไรไหม” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ ใต้เท้าจ้าวจึงถามขึ้นอีกครั้ง
หากแต่จ้าวจื่อเจี๋ยก็ยังคงไม่ยอมพูด
เมื่อใต้เท้าจ้าวกำลังจะถามคำถามเป็นครั้งที่สาม จู่ ๆ จ้าวสวิ่นก็เตะจ้าวจื่อเจี๋ยและตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าลูกไม่รักดี ใต้เท้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ”
ในขณะนั้นจ้าวจื่อเจี๋ยก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ร่างกายของทุรดลงบนพื้น แต่ก็รีบลุกขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำของเขามองไปที่จ้าวสวิ่นอย่างเย็นชาราวกับต้องการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกไปเสีย
หัวใจของจ้าวสวิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้น ดาบเล่มใหญ่ที่ส่องประกายแวววาวก็พุ่งตรงเข้ามาทางจ้าวสวิ่น
มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเสียจนจ้าวสวิ่นไม่ทันตั้งตัว และสัญชาตญาณบอกให้เขายกแขนขึ้นขวางไว้
ดาบแหลมคมเฉือนผิวหนังของจ้าวสวิ่นและตัดถึงกระดูก ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จ้าวสวิ่นส่งเสียงคร่ำครวญอย่างเสียสติ
“อ๊ากกกก!”
ทุกคนตกใจเมื่อพบว่าจ้าวจื่อเจี๋ยตัดแขนของจ้าวสวิ่น
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของจ้าวจื่อเจี๋ย ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
“ฆาตกร ฆาตกร!” มีเพียงผู้คนที่รอบด้านเท่านั้นที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
เหล่าเจ้าหน้าที่ได้แต่ตกตะลึงและไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน
จ้าวจื่อเจี๋ยถือดาบเดินตรงไปหาฮูหยินจ้าวทีละก้าวด้วยดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรก