ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1383 เร่ร่อนข้างถนน
บทที่ 1383 เร่ร่อนข้างถนน
เห็นได้ชัดว่าความอดทนของชายผู้นั้นหมดลงแล้ว เขาตะโกนเสียงดัง “นังบ้า! ตอนนี้บ้านหลังนี้มันเป็นของข้าแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าอีก ไปเก็บข้าวเก็บของแล้วไสหัวไปเสีย! ไม่งั้นข้าจะลากเจ้าออกไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นและโบกกำปั้นอย่างชั่วร้ายไปที่หงซื่อ หงซื่อรู้สึกหวาดกลัว “เจ้าจะทำอะไร ข้าจะคุยกับนายท่าน ข้าจะคุยกับนายท่าน”
หลังจากที่หงซื่อพูดจบก็เตรียมจะวิ่งออกไปข้างนอก ชายคนนั้นหัวเราะและพูดว่า “ตระกูลจ้าวย้ายออกไปแล้ว เจ้าจะไปหาได้ที่ไหน”
ใช่ หงซื่อหยุดฝีเท้าของนาง เมื่อครู่ฮูหยินเพิ่งมาบอกกับนางว่าพวกเขาจะย้ายออกไปจากที่นี่
“ข้าจะไปหาลูกสาวของข้า ข้าจะไปหาลูกสาวของข้า” หงซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดอีกครั้ง
ชายคนนั้นยิ่งหัวเราะดังขึ้น “ไปหาลูกสาวของเจ้าหรือ ลูกสาวของเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าไม่รู้หรือ”
“ใครแต่งงาน” เมื่อหงซื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของนางก็สดใสขึ้น จากนั้นนางก็มองไปที่ชายคนนั้นและสาปแช่ง “งั้นข้าก็จะไปหาลูกเขยของข้า เขาจะต้องมาช่วยไล่พวกเจ้าออกไปเป็นแน่”
อวิ๋นเอ๋อร์แต่งงานแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่หญิงคนนั้นบอกว่าอวิ๋นเอ๋อร์จะอยู่กับนาง แต่เหตุใดลูกสาวของนางแต่งงานแล้วไม่ส่งข่าวคราวมาบอกตนเองบ้าง?
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขับไล่พวกข้าออกไปอย่างนั้นหรือ” ชายคนนั้นหัวเราะดังขึ้นและพูดประชดประชันว่า “ลูกสาวของเจ้าแต่งงานกับพ่อม่ายอายุห้าสิบปี เจ้าคาดหวังให้เขามาช่วยเจ้าเช่นนั้นหรือ เขาอายุมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ เข้ามาสิ! ข้าจะจัดการให้”
ชายคนนั้นกำหมัดและวาดมือไปมา
หงซื่อตกตะลึงทันที “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร ลูกสาวของข้าแต่งงานกับใคร”
“อ้าว เจ้าเป็นแม่ แต่ไม่รู้หรอกหรือว่าลูกสาวของเจ้าแต่งงานกับพ่อเฒ่าเฉิงที่มาจากทางตะวันตกของเมือง”
“เหลวไหล!” หงซื่อตะโกนเสียงแหลม “ลูกสาวข้าจะแต่งงานกับชายชราได้อย่างไร”
ใบหน้าของหงซื่อเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และคิดว่าชายผู้นี้กำลังโกหกนาง “เจ้าโกหกข้า ลูกสาวของข้าเหมือนนางฟ้า ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็หมายปองในตัวนาง นางจะแต่งงานกับพ่อม่ายแก่ ๆ ได้อย่างไร เจ้าอย่ามาโกหกข้า”
หงซื่อสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง นางกำลังจะพุ่งไปข้างหน้าและตบชายผู้นั้น แต่ชายผู้นั้นปัดป้องโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก และทำให้หงซื่อถูกผลักหกล้มลงกับพื้น
“หงซื่อ ถ้าเจ้าเอาแต่วู่วามเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้าเลย เพราะจ้าวสวิ่นเองก็ให้ข้าปิดปากเรื่องนี้ แต่ข้าจะบอกเจ้าให้นะว่า ลูกสาวของเจ้าจะมีหน้าไปแต่งงานกับใครที่ไหนได้ เพราะตัวนางได้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว ใครจะแต่งงานกับนาง ดีแค่ไหนแล้วที่นางได้แต่งงานกับผู้เฒ่าเฉิง”
“เสื่อมเสีย?” เมื่อหงซื่อได้ยินคำนี้ นางก็ตะลึง “หมายความว่าอย่างไร”
“นี่เจ้ายังไม่รู้เรื่องอีกหรือ มันก็หมายความว่าลูกชายและลูกสาวของเจ้าทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างไรเล่า! คนทั้งเมืองก็เห็นมัน เกรงว่าจะมีแต่เจ้าเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้”
ชายผู้นั้นไร้ความปรานี คำพูดนั้นเปรียบดั่งมีดที่แทงเข้าไปถึงหัวใจของหงซื่อ
“ฮือ” หงซื่อแทบคลั่ง นางลุกขึ้นจากพื้นและยืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นางไม่สนใจความเจ็บปวดจากการถูกผลักเมื่อครู่ “เจ้าบอกว่าพวกเขาทำเรื่องเสื่อมเสียและผิดพลาดอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้น เจ้าโกหกข้า เจ้าโกหกข้า”
“ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม ทุกคนในเมืองต่างก็รู้กันทั่ว ข้าขี้เกียจที่จะต่อปากกับเจ้าแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ยอมย้ายออกไป ข้าจะจัดการเจ้าเอง” ชายคนนั้นคำราม “ให้คนมาโยนสิ่งของทั้งหมดของนางออกไป!”
จากนั้นหงซื่อก็เห็นชายคนหนึ่งถือของอยู่ในมือและโยนออกไปนอกประตู เมื่อเห็นว่าสิ่งของของตนเองถูกโยนออกไปด้านนอก หงซื่อก็รีบวิ่งไปหยิบมันด้วยความตื่นตระหนก เมื่อนางวิ่งออกไป ชายคนนั้นจึงหันกลับมาเพื่อปิดประตู
หงซื่อหยิบมันขึ้นมา กว่าที่นางจะหันตัวกลับไปก็ถูกประตูถูกปิดใส่และลงกลอนอย่างแน่นหนาโดยไม่มีช่องว่างใด ๆ
“นี่คือบ้านของข้า นี่คือบ้านของข้า พวกเจ้าออกไปให้พ้น ไสหัวไป!” หงซื่อกระแทกประตู เสียงของนางแหบพร่าจากการร้องไห้ แต่ก็ไม่เกิดการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่หลังประตูนั่น
มีผู้คนผ่านไปผ่านมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นการกระทำที่บ้าคลั่งของหงซื่อ บางคนทนไม่ได้อีกต่อไปและก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “หงซื่อ อย่าไปเคาะเลย บ้านหลังนี้นายท่านจ้าวขายไปแล้วจริง ๆ เจ้ารีบไปหาที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืดดีกว่า”
คนอื่นพูดประชดประชัน “ตระกูลจ้าวได้ย้ายออกไปแล้ว มีเรื่องสกปรกเช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างตระกูลจ้าว พวกเขาจะเชิดหน้าชูตาอยู่ในเมืองหลิวเจียได้อย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ทำเรื่องผิดศีลธรรม ดูที่แม่ของพวกเขาสิ ผู้ที่ไม่คู่ควรก็ไม่คู่ควรอยู่วันยันค่ำ!”
การเยาะเย้ยถากถางของฝูงชนทำให้หงซื่อหมดเรี่ยวแรงในทันที นางหมดเรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวและล้มลงกับพื้นทันที หลายคนมองนางอย่างเป็นทุกข์ แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น
“จ้าวสวิ่น ท่านใจร้ายมาก!” จู่ ๆ หงซื่อก็กรีดร้องแล้วปล่อยเสียงสะอื้นออกมา
หลังจากที่ผู้คนรอบตัวนางแยกย้ายกันไป หงซื่อก็ลุกขึ้นจากพื้น เก็บข้าวของที่ถูกโยนทิ้งขึ้นมา และนางก็พาร่างกายที่เดียวดายหายไปในตอนกลางคืน และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย…
…
กู้เสี่ยวหวานมองดูของที่ขนมาเต็มเปี่ยมซึ่งถูกลากโดยเกวียนสิบเล่ม และถามอย่างหดหู่เล็กน้อย “จำเป็นต้องขนของไปมากมายขนาดนี้เชียวหรือท่านอา ท่านป้า พวกท่านเก็บของพวกนี้ไว้ที่ห้องเก็บของที่บ้านไม่ได้หรือ”
ด้วยยานพาหนะมากมายขนาดนี้ กว่าจะไปถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลาเท่าไร
ป้าจางดุและพูดว่า “ครั้งล่าสุดที่เสี่ยวฉินมอบของขวัญยาวสิบลี้ให้แก่เจ้า เมื่อเทียบกันแล้วมันเล็กน้อยมาก และเมื่อเจ้าไปถึงที่เมืองหลวงแล้ว ข้าค่อยให้คนส่งของตามไปอีก”
“ท่านป้า ข้าจะไปฉลองและเข้าเฝ้าไทเฮาที่เมืองหลวง ข้าไม่ได้ไปที่เมืองหลวงเพื่อตั้งรกราก เดี๋ยวข้าก็ต้องกลับมา ถ้ามันเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อไรข้าจะไปถึงเมืองหลวง นำสิ่งของไปหนึ่งรถม้าก็เพียงพอแล้ว” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเอือมระอา
“แบบนั้นไม่ได้” ป้าจางรีบปฏิเสธ “ทุกคนในเมืองหลวงล้วนร่ำรวยและมีอำนาจ ของบนเกวียนสิบเล่มนี้เปรียบเสมือนฝนตกปรอย ๆ สำหรับพวกเขา นี่ถ้าเจ้านำของไปเพียงเล็กน้อย ถึงเวลาอาจจะมีหญิงสาวมาดูถูกเอาได้ เราไม่ควรทำตัวให้เป็นขี้ปากคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวฉินเองก็นำแต่ของดี ๆ มาให้เจ้า เจ้าสามารถนำมันไปตกแต่งบ้านที่เมืองหลวง จะปล่อยให้หญิงสาวพวกนั้นมาดูถูกดูแคลนเราไม่ได้” ป้าจางพูดพร้อมกับตรวจดูกล่องเพื่อดูว่ามีที่ว่างสำหรับใส่ของเข้าไปเพิ่มเติมหรือไม่