ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1384 ออกเดินทางไปเมืองหลวง
บทที่ 1384 ออกเดินทางไปเมืองหลวง
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ทำอะไรไม่ถูก “ท่านป้า ข้าไปเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮา ข้าไม่ได้ไปเมืองหลวงเพื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น”
“นั่นไม่เป็นความจริง ถ้าเจ้าไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น มันก็ไม่ผิดที่คนอื่นจะเปรียบเทียบกับเจ้า การนำสิ่งนี้ไปมีแต่ข้อดีและไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด” ป้าจางไม่ยอมให้กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ และพูดว่า “อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาจากเมืองหลวง ข้าจะเก็บสัมภาระเพิ่มและปล่อยให้พวกเขาไปที่เมืองหลวง”
กู้เสี่ยวหวานกัดฟันและสบตากับกู้เสี่ยวอี้ เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของป้าจาง นางจึงทำได้เพียงแต่ยอมแพ้
ทว่าในเวลาต่อมา กู้เสี่ยวหวานได้ตระหนักถึงประโยชน์ของสิ่งที่ป้าจางทำ
ในสถานที่อันทรงเกียรติอย่างเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยสตรีผู้สู่งศักดิ์ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หากนางทำให้ตนเองดูสมถะและตระหนี่เกินไป คงจะเป็นเรื่องยากที่จะตั้งหลักในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยคนมีอำนาจและละโมบโลภมาก
หลังจากเก็บของของตนเสร็จเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ป้าจางและลุงจางต้องการไปส่งกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อพวกเขามาถึงทางตะวันตกของเมือง กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังจะเตรียมออกมาจากเมือง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหยาบของคนผู้หนึ่งดังขึ้น “เจ้าคนตัวเหม็น หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าเอาของของข้าไปให้คนอื่นได้อย่างไร เจ้าอยากตายใช่หรือไม่ ข้าเลี้ยงดูเจ้า แต่เจ้ากลับเนรคุณเอาสิ่งเหล่านี้ไปเลี้ยงคนอื่น ถ้าข้าจับเจ้าได้ ข้าจะโบยเจ้าให้ตาย”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับเสียงเยาะเย้ยถากถางของผู้คนรอบข้าง
“ผู้เฒ่าเฉิง ท่านต้องอ่อนโยนมากกว่านี้ อย่าทำร้ายภรรยาของท่านเลย หากท่านทำร้ายนาง ท่านจะหาสตรีที่งดงามเช่นนี้จากไหนได้อีก” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
กู้เสี่ยวหวานยกม่านรถม้าขึ้นทันเวลาพอดี ก็เห็นชายรูปร่างอ้วนเตี้ยกระชากผมของหญิงคนหนึ่งด้วยมือซ้าย และถือรองเท้าไว้ในมือขวา ปากเอาแต่ด่าทอหญิงคนนั้นไม่หยุด
ขณะสาปแช่งก็ทุบตีหญิงคนนั้นไม่หยุด “เจ้าตัวเหม็น ข้าจะตีเจ้าให้ตาย อย่าเอาความโชคร้ายนี้มาทิ้งไว้ที่ข้า”
ผู้เฒ่าเฉิงยังคงสาปแช่งไม่หยุด จากนั้นก็มีอีกเสียงสะอื้นดังขึ้น “ข้าขอร้อง อย่าตีลูกสาวข้าเลย อย่าตีลูกสาวข้า ข้าหิวเกินไป ดังนั้นข้าจึงขอให้นางหาอะไรให้กิน ข้ายังไม่ได้กินเลย ข้ายังไม่ได้กินเลย ข้าคืนให้ท่าน ข้าคืนให้ท่าน”
กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเสียงนี้ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก
เมื่อมองตามเสียงนั้นก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เฒ่าเฉิง ในมือถือแป้งทอดเอาไว้พลางยกขึ้นเหนือหัว และมอบให้ผู้เฒ่าเฉิงอย่างน่าสมเพช
เวลาผ่านไปไม่นาน หงซื่อกลับดูแก่ลงกว่าเดิมยิ่งนัก ผมเริ่มมีสีขาวแทรกแซม ร่างกายสกปรกมอมแมมเนื่องจากไม่ได้อาบน้ำมานาน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดูเหมือนขอทาน
“บัดซบ ไสหัวออกไป!” ผู้เฒ่าเฉิงสะบัดมือผลักหงซื่อจนล้มลงกระแทกพื้น ผู้เฒ่าเฉิงคว้าตัว อวิ๋นเอ๋อร์ที่แน่นิ่งราวกับตายไปแล้วขึ้นมา นางไม่พูดอะไรสักคำ ร่างกายเซไปเซมาตามการเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าเฉิงไปโดยไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย
บางทีผู้เฒ่าเฉิงอาจเหนื่อยจากการออกแรงมากจึงหยุดเดินและโยนจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ลงกับพื้น ดึงขอบกางเกงขึ้นพลางเช็ดเหงื่ออย่างหยาบคาย และตะโกนขึ้น “ข้าเหนื่อยมากแล้ว เจ้าพวกตัวเหม็น พวกเจ้ารีบกลับไปทำอาหารเสีย ข้าอยากดื่มเหล้า” จากนั้นเขาก็ก้าวข้ามจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหัวเราะทักทายกับผู้พบเห็น
ชาวบ้านเหล่านั้นชี้ไปที่หงซื่อกับจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และเยาะเย้ยกับความโชคร้ายของผู้อื่น มีเพียงหงซื่อเท่านั้นที่โอบแขนรอบตัวจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่ถูกทุบตีและร้องไห้อย่างอ่อนแรง “อวิ๋นเอ๋อร์ อวิ๋นเอ๋อร์ ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า! จ้าวสวิ่นเจ้าใจร้ายมาก อวิ๋นเอ๋อร์เป็นเนื้อเลือดของเจ้า แม้ว่านางจะกระทำผิด เจ้าก็ไม่ควรปล่อยให้นางแต่งงานกับอันธพาลแบบนี้”
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วพลางปิดม่านลง จากนั้นเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
ทุกคนภายในรถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกอย่างชัดเจน กู้หนิงผิงจึงตะคอกอย่างเย็นชา “สมควรแล้ว”
ป้าจางถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ มันเป็นความผิดของนางเอง ข้าไม่รู้ว่านางเข้าไปยุ่งกับพี่ชายตัวเองได้อย่างไร หึ! พวกคนเลวต่างมีหนทางของตัวเอง ลองนึกถึงสองพี่น้องนั่นที่เกือบทำลายเสี่ยวหวานสิ แค่คิดข้าก็โกรธจนแทบบ้า พวกเขาสมควรโดนแล้ว มาดูกันว่าพวกเขาจะยังทำร้ายผู้คนได้อีกหรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้ม และนางไม่ได้รู้สึกเห็นใจสองพี่น้องกระกูลจ้าวเลยแม้แต่น้อย
ผู้อื่นไม่รุกรานข้า ข้าไม่รุกรานผู้อื่น จ้าวจื่อเจี๋ยต้องการทำลายชื่อเสียงของนางในตอนนั้น ดังนั้นนางจึงตอบแทนเขาด้วยวิธีเดียวกัน
อาจั่วเองก็อารมณ์ดีผิดปกติเมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายคุณหนูในอดีตกลายมามีสภาพนี้
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่ไกลแค่ไหนก็ยังต้องจากกัน
ด้านนอกศาลา กู้เสี่ยวหวานจับมือฟ่านหลิงแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ จากนี้ไปข้ารบกวนให้ท่านดูแลสวนกู้ด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านจิ่นฝู ท่าน พี่ฉือโถว และท่านพี่อวี้ต้องทำงานหนักแล้ว”
ฟ่านหลิงกลั้นน้ำตาที่กำลังจะหลั่งรินออกมา พลางลูบมือกู้เสี่ยวหวานเบา ๆ “เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เจ้าช่วยท่านพ่อและน้องชายของข้ามามาก ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ เรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเจ้ายังพูดแบบนี้อีก ข้าจะร้องไห้แล้วนะ”
หลังจากพูดจบ ฟ่านหลิงก็หันหลังและใช้มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
“พี่สะใภ้ ข้าพูดความจริง ท่านลุงสุขภาพไม่ดีต้องการคนมาดูแล ท่านป้าก็ยุ่งตลอดเวลา นางชอบดูแลเรื่องเล็กใหญ่ภายในบ้าน พี่ฉือโถวอยู่ในเมืองคอยดูแลของร้านจิ่นฝู ทุกอย่างในครอบครัวจะตกอยู่ที่ท่านและท่านป้า ข้าเกรงว่าท่านจะเหนื่อยเกินไป ถ้าเหนื่อยก็ซื้อสาวใช้ที่ไว้ใจได้มาดูแล ข้าคุยกับท่านป้าแล้ว ในอนาคตถ้าท่านมีลูก ครอบครัวจะยิ่งวุ่นวาย พวกท่านอยู่บ้านก็ดูแลตัวเองและดูแลร่างกายให้ดีเพื่อรอข้ากลับมา”