ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1386 ข้าเต็มใจที่จะทนทุกข์
บทที่ 1386 ข้าเต็มใจที่จะทนทุกข์
“ท่านพี่ ท่าน…” กู้หนิงผิงผงะมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและนิ่งงันอยู่เป็นเวลานาน
“ข้ารู้… แม้ว่าสิ่งที่ข้าพูดอาจทำร้ายเจ้า แต่เราไม่ได้เจออวี้ซูมาหลายปีแล้ว และไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับนางเลย ไม่ว่านางจะแต่งงานหรือไม่ แต่ทุกอย่างก็ล้วนเป็นไปได้” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างจริงจังและมองไปที่กู้หนิงผิงที่มีความกังวล
“ท่านพี่” สีหน้าของกู้หนิงผิงเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของเขาซีดลงจนไร้สีเลือด
ความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตาทำผู้คนที่พบเห็นทนไม่ได้
“หนิงผิง ข้ารู้ว่าเจ้าชอบอวี้ซู หลายปีมานี้เจ้าไม่เคยลืมนางเลย ข้ารู้เรื่องนี้ดี แต่ข้าอยากจะบอกเจ้าถึงความเป็นไปได้นี้เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บปวด” กู้เสี่ยวหวานคว้ามือของหนิงผิงมากอบกุมไว้และพูดอย่างทุกข์ใจ
ฝ่ามือของเขาเย็นเฉียบท่ามกลางฤดูร้อน เย็นลงเหมือนกับหัวใจของกู้เสี่ยวหวานที่เย็นลงเรื่อย ๆ
กู้เสี่ยวหวานโทษตัวเองที่ทำได้เพียงจับมือเขาไว้แน่น พยายามทำให้เขาอบอุ่นด้วยอุณหภูมิร่างกายของตนเอง
“ท่านพี่ ฮือ ฮือ ฮือ” กู้หนิงผิงพิงไหล่ของกู้เสี่ยวหวานและร้องไห้ออกมา “ท่านพี่ ถ้าอวี้ซูแต่งงานแล้วจริง ๆ ข้าจะอวยพรให้นาง ตราบใดที่นางมีความสุข ข้าก็จะมีความสุข และข้าจะอวยพรให้นางไปตลอดชีวิตที่เหลือของข้า ข้าขอให้นางอยู่รอดปลอดภัยและมีความสุข… มีความสุขไปตลอดชีวิต” กู้หนิงผิงกล่าวด้วยเสียงสะอื้น
กู้เสี่ยวหวานตบไหล่ของเขาและพูดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง “หนิงผิง เจ้าจะทำอย่างไรถ้าอวี้ซูยังไม่แต่งงาน”
ถูกต้องแล้ว ถ้าอวี้ซูไม่ได้แต่งงาน เขาจะคู่ควรกับจวิ้นจู่ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งได้อย่างไร?
กู้หนิงผิงรู้สึกรำคาญตนเองเป็นอย่างมาก ให้ถานอวี้ซูแต่งงานเสียยังดีเสียกว่า
“ท่านพี่ ข้าจะทำงานอย่างหนักและจะประสบความสำเร็จเพื่อที่ข้าจะได้คู่ควรกับอวี้ซู” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ไม่ว่าจะทนทุกข์ยากแค่ไหน เจ้าก็เต็มใจหรือ” กู้เสี่ยวหวานมองเขาอย่างแน่วแน่ และถามออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
“ข้าเต็มใจ” กู้หนิงผิงมองพี่สาวของเขาด้วยสายตามุ่งมั่น
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตอบรับ “ดี ข้าและอาจารย์ของเจ้าปรึกษากันแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าไปฝึกฝนในกองทัพ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจไปหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับอวี้ซู แต่เพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องปกป้องครอบครัว ปกป้องชาติ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จึงต้องขวนขวายเพื่อตนเองอยู่เสมอ”
“ท่านพี่ สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง” ไม่คาดคิดว่าหลังจากได้ยินสิ่งนี้ กู้หนิงผิงจะเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่ ข้าสามารถเข้าร่วมกองทัพได้จริงหรือ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า มองไปที่ท่าทางตื่นเต้นของกู้หนิงผิง และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่พี่เย่จือพูดกับนางในเวลานั้น นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สนใจน้องชายคนนี้จริง ๆ
เมื่อกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวหวานพูดคุยเสร็จแล้ว ฉินเย่จือก็เข้ามา
ประสาทการได้ยินของเขาดีเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทั้งสองคนโดยธรรมชาติ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนิงผิงกระวนกระวายเล็กน้อย ข้าไม่คิดว่าเป็นเพราะอวี้ซู ข้าคิดว่าหลังจากผ่านไปหลายปี เขาคงจะลืมนางไปนานแล้ว ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะจำนางได้” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจก่อนจะกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
ฉินเย่จือเลิกคิ้วพลางก้าวไปข้างหน้าและกอดกู้เสี่ยวหวานในอ้อมแขน ยกนางขึ้นบนตักและโอบแขนรอบเอวเพรียวบางของนางไว้ พลางกดหน้าผากเข้ากับศีรษะของกู้เสี่ยวหวาน ปลายจมูกของเขาสูดดมกลิ่นหอมชื่นใจ
“หนิงผิงกำลังหลงใหล” ฉินเย่จือกล่าว
“ก็แค่…” กู้เสี่ยวหวานพิงศีรษะกับไหล่ของเขา และพูดด้วยความกังวล “พี่เย่จือ ข้าแค่กลัวว่าเขาจะหลงเสน่ห์ เราไม่ได้ติดต่อกับนางมาหลายปีแล้ว ถ้านางหมั้นหรือแต่งงานแล้ว หนิงผิงจะเป็นอย่างไร?”
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้ว ฉินเย่จือก็ยิ้มกว้างโดยไม่แม้แต่จะมองหญิงสาว
…
ภายในวังหลวง เด็กสาวคนหนึ่งกำลังโต้เถียงกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และบอกว่าจะไม่แต่งงานเพราะว่านางยังเด็ก
เนื่องจากพ่อแม่ของถานอวี้ซูเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องต้าชิง จึงทำให้นางไร้พ่อขาดแม่ ยิ่งกว่านั้น ถานเย่สิงผู้ซึ่งต่อสู้ในสงครามนองเลือดมาตลอดชีวิตเป็นวีรบุรุษอันดับหนึ่งของต้าชิง ราชวงศ์จะปฏิบัติต่อถานอวี้ซูไม่ดีได้อย่างไร
ดังนั้นเพื่อที่จะหาครอบครัวที่ดีสำหรับนาง ไทเฮาใช้เวลากว่าครึ่งปีในการเลือกดูและจัดงานเลี้ยงนับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะได้ผู้ชายที่มีลักษณะนิสัย ภูมิหลังครอบครัว บุคลิกภาพ และรูปลักษณ์ที่เหนือกว่า
แต่เมื่อถานอวี้ซูได้ยินว่าตัวเองกำลังจะหมั้นหมายกับชายคนนั้น นางก็หันหน้าหนีทันที
นางไม่ต้องการแต่งงาน
องค์ไทเฮาก็ทำอะไรกับนางไม่ได้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็เช่นกัน นางยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ถ้านางไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องแต่งงาน
อย่างไรเสียนางก็อายุยังน้อย ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ
ค่อย ๆ ดูต่อไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นภายใต้การยุยงของนาง การแต่งงานของถานอวี้ซูจึงถูกระงับไว้ชั่วคราว
…
เมื่อได้ยินคำถามของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็เอาแต่ยิ้มและไม่พูดอะไร แต่สุดท้ายก็พูดว่า “เป็นไปได้จริง ๆ แต่นางยังเด็กอยู่ บางทีมีความเป็นไปได้สูงที่ยังไม่ได้แต่งงาน”
“อย่างนั้นหรือ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานพยายามที่ฝืนตัวจะออกจากอ้อมแขนของฉินเย่จือและถอนหายใจ “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากเห็น ท่านลองคิดดูสิ ถ้าอวี้ซูแต่งงาน หนิงผิงก็จะไม่มีโอกาส ถ้านายังไม่ได้แต่งงาน หนิงผิงก็ยังมีโอกาสอยู่บ้าง แต่สถานะของเขาและสถานะของถานอวี้ซูไม่คู่ควรกันเลย”
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบก็มุ่ยหน้าด้วยความกังวล
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็พูดว่า “นั่นคือเด็กที่ข้าสอน เขามีศิลปะการต่อสู้ชั้นหนึ่งและมีนิสัยดี ข้าคิดว่าเขาคู่ควรกับทุกคน”
ไม่ต้องพูดถึงการเป็นหลานสาวคนเดียวของขุนนางระดับสอง จวิ้นจู่หรือแม้แต่องค์หญิง เขาก็คู่ควร และสิ่งนี้ฉินเย่จือภาคภูมิใจมาก