ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1388 พบกับหลี่ฝาน
บทที่ 1388 พบกับหลี่ฝาน
กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในรถม้าโดยมีอาจั่วคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายไม่ห่าง กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้เองก็อยู่ภายในรถม้าเช่นกัน สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่เปิดม่านแล้วมองเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไร
พวกเขาผ่านด่านตรวจเข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดาย
กู้เสี่ยวหวานเปิดม่านกันมองกลับไปทางประตูเมือง เห็นเจ้าหน้าที่และทหารเวรยืนถืออาวุธครบมืออยู่บนกำแพงสูงตระหง่าน
ที่แห่งนี้คือเมืองหลวง สภาพแวดล้อมแตกต่างจากเมืองรุ่ยเสียน เมืองหลิวเจีย รวมถึงหมู่บ้านอู๋ซีโดยสิ้นเชิง
ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านสัญจรผ่านไปมา ทุกคนแต่งกายสวยสดงดงาม แม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็สวมเสื้อที่ดีกว่าผู้คนในเมืองหลิวเจีย
“ว้าว…!” กู้เสี่ยวอี้เปิดม่านมองออกไปข้างนอกอย่างตื้นเต้น ฝูงชนที่เดินพลุกพล่าน บ้านเรือนที่งดงาม และสิ่งแปลกตามากมายล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา “ท่านพี่เจ้าคะ เมืองหลวงรุ่งเรืองยิ่งนัก ดูนั่นสิ นั่นคืออะไรกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
กู้เสี่ยวหวานมองตามสายตาของน้องสาว แล้วก็ต้องรู้สึกว่าสิ่งนั้นแปลกตายิ่งนัก นางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันคือสิ่งใด จึงได้แต่มองดูด้วยความสงสัยเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น อาจั่วจึงรีบอธิบายด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนั้นถูกส่งต่อมาจากหนานหลิง”
เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินสิ่งนี้ก็หันขวับไปมองอาจั่วด้วยความชื่นชม “พี่อาจั่ว ท่านบอกว่าสิ่งนี้ส่งมาจากหนานหลิง ท่านเคยไปที่หลานหลิงงั้นหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะไปมองอาจั่ว
หัวใจของอาจั่วเต้นระสำระส่าย หากแต่ใบหน้ายังรักษาท่าทีนิ่งสงบ และเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“ท่านก็ล้อเล่นไปได้ ข้าจะเคยไปหนานหลิงได้อย่างไร ข้าก็ได้ยินจากคนอื่นว่าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเมื่อตอนเดินทางไปแสวงหาเลี้ยงชีพ”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าหงึกหงักและหันกลับไปมองด้านนอกอีกครั้ง คราวนี้นางตัดสินใจโผล่หัวออกไปนอกรถ เมื่ออาจั่วเห็นเห็นเช่นนั้นเลยรีบดึงนางเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณหนู ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”
กู้เสี่ยวอี้ถูกดึงกลับเข้ามาและมองไปที่อาจั่วอย่างสงสัย “ทำไมล่ะท่านพี่ ทำไมถึงทำไม่ได้”
“ที่นี่คือเมืองหลวง การที่หญิงสาวโผล่หัวออกไปเช่นนั้นดูไม่เหมาะไม่ควร มิฉะนั้นผู้คนจะตำหนิว่าเราไม่ได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาท” อาจั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม
กู้เสี่ยวอี้ถอนหายใจ แม้ว่าจะยังรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเชื่อฟังสิ่งที่อาจั่วกล่าว จากนั้นนางก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดว่า “เมื่อเรามาถึงเมืองหลวงแล้ว เราต้องระมัดระวังในทุกคำพูดและการกระทำ และอย่าทำให้ผู้อื่นดูถูกเราได้”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวอี้ปิดม่านลงอย่างเชื่อฟัง ขยับกายนั่งนิ่งไม่ซุกซนอีกต่อไป
เนื่องจากบนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด รถม้าจึงวิ่งไปอย่างช้า ๆ เมื่อมาถึงร้านฝูจิ่นก็เห็นหลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่อยืนอยู่ที่หน้าประตู ชะโงกหน้ารอคอยรถม้าที่จะหยุดลงตรงหน้า เมื่อกู้หนิงผิงเปิดม่านและโผล่หัวออกมาเรียกเขา หลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่อก็เดินไปที่รถม้าอย่างตื่นเต้น “หนิงผิง ข้าขอกับดวงจันทร์และดวงดาวทุกวันว่าให้เจ้านั้นกลับมา”
เมื่อหลี่ฝานรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะมาที่เมืองหลวง เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปพบพวกเขาที่ประตูเมือง แต่กู้เสี่ยวหวานคิดว่ามันโจ่งแจ้งเกินไป ท้ายที่สุดหลี่ฝานได้ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวงแล้วในตอนนี้ และเขาก็ได้ไปรับภรรยาและลูกมาอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานลงจากรถม้าก็เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหลังหลี่ฝานกำลังส่งยิ้มมาให้นาง “พี่เสี่ยวหวาน พี่เสี่ยวอี้ ในที่สุดพวกท่านก็มา”
“เมี่ยวเมี่ยว” กู้เสี่ยวหวานปรี่เข้าไปจับมือของเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันหลายปี เจ้าโตขึ้นมากเลยทีเดียว”
หลี่เมี่ยวเมี่ยวเป็นเด็กหญิงสดใสร่างเริง เด็กหญิงใช้มือวัดส่วนสูงระหว่างตนและกู้เสี่ยวหวาน “ข้ายังเตี้ยกว่าท่านพี่เล็กน้อย ข้าต้องกินมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้โตทันพี่เสี่ยวหวานของข้า”
หลี่ฝานหัวเราะแผ่วเบา “เสี่ยวหวาน เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนเด็ก ๆ เด็กคนนี้เลือกกินมาก นู่นก็กินไม่ได้ นี่ก็กินไม่ได้ แต่ตอนนั้นพอนึกถึงหม้อไฟ กลายเป็นว่านางชอบการจุ่มเนื้อลงในน้ำแล้วจิ้มน้ำจิ้มงาหรือถั่ว ตอนนี้เด็กคนนี้จึงชอบกินมากและไม่เลือกกินอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้นางคงกลายเป็นคนกินยากช่างเลือกไปเสียแล้ว”
“ท่านพ่อ ท่านดุข้าต่อหน้าพี่เสี่ยวหวานอีกแล้ว ฮึ่ม! พี่เสี่ยวหวาน พี่เสี่ยวอี้ อย่าไปสนใจท่านพ่อเลยนะ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
หลี่เมี่ยวเมี่ยวแสร้งทำเป็นโกรธ จับแขนของกู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้เดินเข้าไปข้างใน ทำให้หลี่ฝานหัวเราะอย่างมีความสุขพลางชี้ไปที่หลี่เมี่ยวเมี่ยวและพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้”
ฮูหยินหลี่ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้าและกล่าวว่า “ข้าขอโทษแทนลูกสาวคนนี้ด้วย นางถูกพ่อของนางตามใจตั้งแต่ยังเด็ก”
คำพูดของฮูหยินหลี่ทำให้ทุกคนหัวเราะครื้น จากนั้นฮูหยินหลี่ก็จับแขนของกู้ฟางสี่และเดินเข้าไปในร้านพลางพูดคุยกัน
เสี่ยวเซิ่งจื่อและกู้หนิงผิงก็เดินเข้าไปข้างในด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝานจงใจลดความเร็วลง ตามด้วยอาจั่วและอาโม่ และแอบถามว่า “นายท่านล่ะ”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของอาโม่สงบนิ่ง และฝีเท้าของเขาไม่ได้ช้าลงเลย “เดี๋ยวตามมา”
หลี่ฝานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นผู้คนมากมายทั้งใกล้และไกลกำลังมองมาทางนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรและเดินตามภรรยาเข้าไปในร้าน
ภายใต้การนำของหลี่เมี่ยวเมี่ยว กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงห้องพักด้านบน และหลังจากนั้นไม่นาน ลูกจ้างใส่ชุดเครื่องแบบเดินถือชาและขนมอบเข้ามา
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ทำความสะอาดมือและใบหน้าเรียบร้อยแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะอย่างพร้อมเพรียง
หลี่ฝานยกจอกชาขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหวาน เจ้าคงเดินทางมาเหนื่อย เช่นนั้นก็ดิ่มชาแทนเหล้าแล้วกัน มาดื่มอวยพรให้พวกเจ้าก่อนสักจอก”
แม้ว่าจะเดินทางมาหลายพันลี้ แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่รีบร้อนและยังมีเวลาพักระหว่างทาง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากเพียงนั้น
ฉินเย่จือเดินเข้ามาจากข้างนอก หลี่ฝานเห็นเขาเข้ามาก็รีบลุกขึ้นและไปทักทายฉินเย่จือ “นายน้อยฉินมาแล้ว!”
ฉินเย่จือพยักหน้าทักทายหลี่ฝาน “เถ้าแก่หลี่ ไม่เจอกันนานเลย”
หลี่ฝานยิ้มและเชิญฉินเย่จือนั่งลงข้างกู้เสี่ยวหวาน
“จัดการธุระเสร็จแล้วหรือ” กู้เสี่ยวหวานกระซิบเบา ๆ แล้วหยิบขนมชิ้นหนึ่งเตรียมวางลงบนจานของฉินเย่จือ แต่ฉินเย่จือก้มศีรษะลงแล้วรับมันเข้าปากโดยตรง
เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของหลี่ฝานก็สั่นสะท้าน
เมื่อใดกันที่นายท่านกับเสี่ยวหวานสนิทสนมกันขนาดนี้?