ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1389 ถนนกว่างหลง
บทที่ 1389 ถนนกว่างหลง
เห็นได้ชัดเจนว่าเฉพาะคนที่รักกันเท่านั้นที่จะมีท่าทีสนิทสนมกันเช่นนี้ หลี่ฝานรู้ว่าฉินเย่จือปฏิบัติต่อกู้เสี่ยวหวานแตกต่างออกไป แต่…
นายท่านของตนเองสนิทกับหญิงสาวมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ยิ่งกว่านั้น นายท่านเป็นคนที่รักความสะอาด ไม่มีวันใช้สิ่งของร่วมกันผู้อื่นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลับกินขนมจากตะเกียบของกู้เสี่ยวหวาน
ปากของหลี่ฝานอ้ากว้างด้วยความประหลาดใจระคนตกใจ สายตามองไปที่ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเห็นความประหลาดใจของหลี่ฝาน อาโม่ซึ่งอยู่ด้านข้างรุดขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วและกระซิบบางอย่างกับหลี่ฝาน ครั้นได้ยินดังนั้นก็หันกลับไปมองอาโม่ด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อเห็นอาโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง และดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกหกตนเอง ชั่วพริบตา หลี่ฝานก็ฟื้นคืนจากความประหลาดใจ ดูเหมือนว่านายท่าน…
หมั้นหมายกับแม่นางกู้แล้วจริง ๆ
ความสุขที่แท้จริง
หลี่ฝานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความยินดี นายท่านมีจุดหมายในชีวิตของตนเองแล้ว มันเป็นสิ่งที่งดงามมากจริง ๆ
หญิงสาวที่ทั้งฉลาดและเก่งอย่างกู้เสี่ยวหวานนั้นหายาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่หลี่ฝานได้พบนาง ลางสังหรณ์ในตัวเขาบอกว่า ในอนาคตหญิงผู้นี้จะต้องประสบความสำเร็จ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทั้งสองที่พบเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดพวกเขาก็จะได้อยู่ด้วยกัน
หลี่ฝานยิ้มและบอกฮูหยินหลี่ในสิ่งที่ได้ยินมา ดังนั้นนางจึงหัวเราะและกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เสี่ยวหวาน เจ้ากับนายน้อยฉินหมั้นหมายกันแล้วหรือ?”
ฮูหยินหลี่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉินเย่จือ และหลี่ฝานเองก็ไม่เคยบอกความจริงข้อนี้กับนาง
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าด้วยความลำบากใจ และพูดด้วยความรู้สึกผิด “ในเวลานั้นมันเป็นเหตุฉุกเฉิน และไม่มีเวลาที่จะประกาศข่าวดีให้ท่านลุงหลี่และท่านป้าทราบ”
ฮูหยินหลี่จึงกล่าวอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป แต่เมื่อถึงเวลาแต่งงาน อย่าลืมบอกข้าและลุงหลี่ด้วย เพราะนี่คืองานมงคลของเจ้า”
เมื่อหลี่เมี่ยวเมี่ยวได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานหมั้นแล้ว ก็ได้แต่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “พี่เสี่ยวหวาน ท่านหมั้นกับพี่ฉินแล้ว!”
หลี่เมี่ยวเมี่ยวมีความสุขมาก “พี่เสี่ยวหวาน ท่านทั้งดูดีและมีความสามารถ ส่วนพี่ฉินก็ทั้งดูดีและมีความสามารถ ท่านทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์สร้าง”
ฮูหยินหลี่เองก็มีความสุขมากเช่นกัน แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความสุขของลูกสาว ก็ไม่วายตำหนิทั้งรอยยิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้านี่ไม่ไหวเอาเสียเลย เจ้าเด็กกว่าเสี่ยวหวาน เจ้าเพิ่งอายุแค่สิบปี แต่ดูสิ ตอนนี้เสี่ยวหวานหมั้นมายแล้ว แต่เจ้ายังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ดังนั้นเจ้าอย่าทำให้พ่อของเจ้ากับข้าเป็นห่วงเรื่องนี้เลย ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบแนะนำชายสักคนให้เจ้ารู้จัก เมื่อเจ้าแต่งงาน พวกข้าจะได้หมดห่วงสักที”
เมื่อหลี่เมี่ยวเมี่ยวได้ยินมารดาบอกว่าจะให้นางหมั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย ใบหน้าของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างรู้สึกเขินอาย หากแต่ก็กลับมาเป็นปกติด้วยความรวดเร็ว พลางคว้ามือของกู้เสี่ยวหวานมาจับไว้แน่น “พี่เสี่ยวหวาน ดูแม่ของข้าสิ นางกำลังจะไล่ข้าออกจากบ้านแล้ว”
“แม่ของเจ้าไม่ได้ไล่เจ้าออกจากบ้านหรอก แต่เมื่อหญิงสาวโตขึ้น อย่างไรเสียก็ต้องแต่งงาน” กู้ฟางสี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอา…” หลี่เมี่ยวเมี่ยวชะงักงัน ใบหน้าแดงก่ำด้วยควาเขินอาย จากนั้นเดินไปหาฮูหยินหลี่ด้วยความลำบากใจ และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนาง
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของหลี่เมี่ยวเมี่ยว ทุกคนก็หัวเราะออกมา
หลังจากได้การต้อนรับจากร้านฝูจิ่น หลี่ฝานจึงพาทุกคนออกจากร้านและส่งทุกคนขึ้นรถม้าไปยังบ้านที่ฉินเย่จือมอบให้กับกู้เสี่ยวหวาน
แต่ก่อนออกเดินทาง หลี่ฝานได้ลอบถามฉินเย่จือว่า “นายท่าน แน่ใจแล้วหรือว่าต้องการให้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนั้น ฮ่องเต้ทรงประทานบ้านให้กับเสี่ยวหวาน หากฮ่องเต้ทรงทราบว่าเสี่ยวหวานไม่ได้อยู่ในบ้านหลังเล็กหลังนั้นที่ทรงประทานให้ แต่กลับอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ท่านมอบให้ ฮ่องเต้จะไม่คิดว่าเสี่ยวหวานกำลังดูหมิ่นบ้านหลังนั้นใช่หรือไม่?” หลี่ฝานถามอย่างเป็นห่วง
บ้านที่ฉินเย่จือมอบให้กู้เสี่ยวหวานมีขนาดใหญ่กว่าและอยู่ในทำเลที่ดีกว่าบ้านที่ฮ่องเต้ประทานให้นาง มันอยู่บนถนนกว่างหลงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงและมีมูลค่ามาก
“เจ้าอย่าคิดมากไปเลย เรื่องคนของข้า ข้าจะจัดการด้วยตนเอง นางจะอาศัยอยู่ในบ้านที่ชายอื่นมอบให้ได้อย่างไร แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นฮ่องเต้นก็ตาม” ฉินเย่จือพูดอย่างแข็งกร้าว
หลังจากหลี่ฝานได้ยินสิ่งนี้ เขาจะค้านสิ่งใดได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้
ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานและครอบครัวจะมาถึงเมืองหลวง ภายในบ้านหลังจากนั้นถูกทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อยแล้ว ข้าวของมากมายที่พวกเขานำมาได้ถูกส่งถึงที่นั่นเป็นที่เรียบร้อย
ดังนั้นทุกคนจึงขึ้นไปนั่งบนรถ และตรงไปที่ถนนกว่างหลง
รถม้าวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไปหรือเร็วไป และเมื่อพวกเขามาถึงถนนกว่างหลง หลี่ฝานก็บอกกู้เสี่ยวหวานว่าพวกเรามาถึงถนนกว่างหลงแล้ว
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าคราวนี้ว่าตนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ฮ่องเต้ประทานให้ แต่จะอาศัยอยู่ในบ้านที่ฉินเย่จือมอบให้ตนเอง แม้ว่าจะรู้สึกว่านี่เป็นการไม่เคารพฮ่องเต้ แต่เมื่อคิดถึงคำที่ฉินเย่จือพูดว่านี่เป็นเพียงการปักหลักชั่วคราว และบอกว่าจะอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
บ้านหลังนี้อยู่ภายใต้ชื่อของกู้เสี่ยวหวาน นางมีทั้งโฉนดบ้านและโฉนดที่ดิน เมื่อได้ยินว่ามันตั้งอยู่บนถนนกว่างหลงที่เป็นถนนสายที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง กู้เสี่ยวหวานจึงเปิดม่านเล็กน้อยและมองไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง
นางมองเห็นถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและร้านค้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย ชายหญิงในชุดที่สดใสและงดงามเดินขวักไขว่ไปมาตามถนน บางครั้งก็มีเสียงโห่ร้องและเสียงตะโกนคึกคักจากลูกจ้างในร้าน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นกับความครึกครื้นด้านนอก ฮูหยินที่อยู่บนรถม้าคันเดียวกับกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นหญิงสาวมองออกไปข้างนอกอย่างอยากรู้อยากเห็นโดยไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหวาน ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง ตอนข้ามาที่นี่ครั้งแรก ข้าก็มีอาการไม่ต่างจากเจ้า ที่นี่ต่างจากที่ที่เราเคยอาศัยอยู่มาก เหอะ ๆ เจริญรุ่งเรืองเกินไปจริง ๆ”
ฮูหยินหลี่ยังเป็นสตรีที่คงความคุณธรรม ขยันขันแข็ง และประหยัดมัธยัสถ์ แม้ว่านางจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงกับหลี่ฝานมาหลายปีแล้ว การแต่งการของนางก็ยังธรรมดา ใบหน้าถูกแต่งเติมด้วยชาดเล็กน้อย บนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมธรรมดา ๆ และเรียบง่าย ดูเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย