ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1391 ประตูฉุยฮวา
บทที่ 1391 ประตูฉุยฮวา
บ้านที่ฉินเย่จือมอบให้กู้เสี่ยวหวานมีลานบ้านขนาดใหญ่ มีทางเข้าเจ็ดทาง โดยบริเวณทางเข้าหลักมีสิงโตหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านไว้สองตัว เมื่อเข้าสู่ทางเข้าหลักจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่สองแถววางอยู่ในลานกว้าง มีใบบัวสีเขียวสดและดอกบัวหลากสีกำลังเบ่งบานอย่างงดงาม
ฉินเย่จือจับมือกู้เสี่ยวหวานแล้วเดินผ่านบริเวณอ่างบัว จากนั้นมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ผ่านประตูกว้างและเข้าไปในลานของทางเข้าที่สอง
ศาลา เสียงนก ดอกไม้บานส่งกลิ่นหอม และห้องที่อยู่ติดกันซึ่งดูโออ่ายิ่งนัก
ฮูหยินหลี่เดินตามหลังทั้งสองไปตลอดทาง และทุกครั้งจะส่งเสียงอุทานว่า “สวยจัง ข้าไม่เคยเห็นบ้านที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย ฟางสี่ เจ้าดูสิ ประตูฉุยฮวาทำขึ้นอย่างประณีตมาก”
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่นมองตามการชี้ของฮูหยินหลี่
ในส่วนลึกสุดของบ้านมีประตูที่แกะสลักขึ้นอย่างสวยงาม บานประตูมีลายเมฆมงคลและดอกไม้หลากสี มันสวยงามมาก
ฉินเย่จือดึงกู้เสี่ยวหวานให้เดินตามตนเองมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงทางด้านทิศเหนือของบ้านก็เจอประตูฉุยฮวา ดวงตาของฮูหยินหลี่เปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นมัน
“ประตูฉุยฮวาบานนี้ทำได้ดีจริง ๆ” ฮูหยินหลี่มองไปที่ประตูฉุยฮวาและอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแสดงความชื่นชม
กู้ฟางสี่ไม่รู้ว่าประตูฉุยฮวามีไว้เพื่ออะไร และแม้แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่เข้าใจดีนัก จากนั้นก็ได้ยินกู้ฟางสี่ถามขึ้น “พี่สะใภ้ ประตูฉุยฮวามีประโยชน์อย่างไร การสร้างประตูที่สวยงามเช่นนี้มีประโยชน์อันใดกัน”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเห็นว่าประตูนั้นดูแปลกตาจริง ๆ เสาไม่ได้ตั้งตรงกับพื้น แต่ห้อยอยู่ที่เสากลางที่สลักเป็นลวดลายกลีบบัวและเมฆมงคลที่งดงามมาก
“ประตูบานนี้ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก แต่เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้ ดูกลีบดอกไม้จำนวนมากบนบานประตูสิ” กู้เสี่ยวอี้ถามด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
“ประตูบานนี้ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น” ฮูหยินหลี่เห็นว่ากู้ฟางสี่และคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจก็ไม่ได้เยาะเย้ยแต่อย่างใด แต่กลับกัน นางอธิบายอย่างอดทน “ฟางสี่ เสี่ยวอี้ ประตูฉุยฮวามีความสำคัญมากสำหรับผู้หญิงอย่างเรา กล่าวว่าไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง*[1] ซึ่งหมายถึงประตูฉุยฮวานี้”
เป็นเช่นนี้นี่เอง
กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ เดิมทีประตูฉุยฮวามีความหมายเช่นนั้นเอง
“ประตูฉุยฮวานี้เปิดในเวลากลางวันและต้องปิดในเวลากลางคืน นี่เป็นประตูเดียวที่กั้นระหว่างบ้านชั้นในกับลานชั้นนอกที่ผู้หญิงอย่าเราอาศัยอยู่ จากลานชั้นนอกถึงบ้านชั้นในมีเพียงประตูเดียวที่สามารถผ่านไปได้” ฮูหยินหลี่พูดอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็พูดว่า “ชื่อเสียงของสตรีมีความสำคัญมาก ไม่ว่าเมื่อใดและที่ไหน คนนอกไม่ควรแตะต้องหรือเห็นโดยบังเอิญ”
ดังนั้น ในสมัยโบราณ ประตูฉุยฮวาจึงต้องซ่อมแซมให้ดี ยิ่งประตูฉุยฮวาดีเท่าไรก็ยิ่งช่วยให้ผู้หญิงในบ้านชั้นในปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับขุนนางเช่นกัน
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่สนใจมากนัก แต่นางก็ทำตามกฎ ตอนนี้นางได้หมั้นหมายกับฉินเย่จือแล้ว นางจะไม่ทำตัววุ่นวาย นอกจากนี้ ในอนาคตบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ต้องมีสาวรับใช้มากมาย ถ้ามีการออกแบบหรือวางแผนการจัดการให้ดีก็จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในอนาคต
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นประตูบานนี้ นางก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนจะต้องให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
‘สวนชิง’ ชื่อนี้ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิง เช่น ครอบครัวของเด็กผู้หญิงที่แซ่ชิง และไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับฉินเย่จืออย่างไร
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกวิตกเล็กน้อยเมื่อเห็นมือใหญ่อันอบอุ่นของฉินเย่จือที่กุมมือนางไม่ปล่อย เกิดความหึงหวงเล็กน้อยภายในใจ นางอยากจะสะบัดมือให้หลุดพ้นจากการกอบกุมของฉินเย่จือ แต่ใครจะรู้ว่าฉินเย่จือจะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของนางและกระชับมือให้แน่นขึ้น
กู้เสี่ยวหวานกำลังดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ แต่ฉินเย่จือกลับจับมันเอาไว้แน่น ในท้ายที่สุด ฉินเย่จือก็หันมามองกู้เสี่ยวหวาน และเห็นแมวตัวน้อยกำลังจ้องมองมาที่มือที่กอบกุมไว้และหน้าแดงก่ำ
“เป็นอะไรหรือ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เมื่อนึกถึงคำว่า ‘ชิง’ และไม่รู้ว่ามาจากชื่อผู้หญิงคนไหน กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกอึดอัดอยู่พักหนึ่ง แต่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะถามออกมาโดยตรง ดังนั้นนางจึงได้แต่พึมพำ “ท่านจับมือข้าแน่นเกินไป มันร้อนมาก เหงื่อออกเต็มไปหมดเลย”
กู้เสี่ยวหวานสามารถโกหกได้เท่านั้น ฉินเย่จือจึงปล่อยมือของนางทันที
เดิมทีฝ่ามือใหญ่ของฉินเย่จือกุมมือของกู้เสี่ยวหวานไว้ ทำให้รู้สึกสบายใจมาก แต่เมื่อนางพูดเพียงประโยคเดียวเช่นนี้ ฉินเย่จือก็ปล่อยมือเสียแล้ว
หัวใจของนางว่างเปล่าเหมือนฝ่ามือที่เพิ่งถูกปล่อยจากการกอบกุม
ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ไป นางก็เห็นฉินเย่จือดึงแขนของนางและคล้องมันไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทั้งสองคนได้คล้องแขนกันอีกครั้ง และเดินเคียงข้างกันไป
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงความหอมหวานในหัวใจ เมื่อคิดถึงข้อสงสัยของนางในตอนนี้ ก็รู้สึกกังวลอีกครั้ง
หลังจากใช้เวลาสำรวจอยู่ไม่นานและส่งครอบครัวของหลี่ฝานกลับไป กู้เสี่ยวหวานก็เดินตามฉินเย่จือไปที่ลานบ้านของตนเอง
เนื่องจากมีผู้หญิงสี่คน กู้ฟางสี่ กู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวอี้ และอาจั่วที่ติดตามมาในครั้งนี้ ทั้งสี่คนจึงอาศัยอยู่ในลานด้านใน
อาโม่และกู้หนิงผิงอาศัยอยู่ในลานด้านนอกที่ห่างออกไปไม่ไกล
“พี่เย่จือ เรามีกันไม่กี่คนที่นี่ บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เราไม่สามารถแยกกันอยู่ได้หรอก เราทุกคนอาศัยอยู่ในลานเดียวกันจะดีกว่า เราจะได้ดูแลกันได้” กู้เสี่ยวหวานไปที่ลานและดูสถานที่ ที่นี่มีหลายห้อง พวกเขาสามารถพักด้วยกันได้
กู้ฟางสี่ที่อยู่ด้านข้างพูดว่า “ใช่แล้วเสี่ยวฉิน บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ พวกเราควรอาศัยอยู่ในลานนี้ด้วยกัน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด ฉินเย่จือก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเศร้าใจและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กู้เสี่ยวหวานเดินตรงเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ฉินเย่จือยืนอยู่คนเดียว
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานเข้ามาในห้อง นางก็รู้สึกถึงแรงชนด้านหลัง ทันใดนั้น นางก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นและคุ้นเคย
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร นางแค่เอนตัวเงียบ ๆ ซบอกกว้างอย่างคุ้นเคย นางทำตัวดีผิดปกติ
“หวานเอ๋อร์ เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูด” นับตั้งแต่ที่กู้เสี่ยวหวานสะบัดมือออก ฉินเย่จือก็เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของแมวน้อยอยู่เสมอ
*[1] ประตูฉุยฮวา