ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1400 ยังไม่ได้แต่งงาน
บทที่ 1400 ยังไม่ได้แต่งงาน
อาอวี้ยืนขึ้นและพูดว่า “เสี้ยนจู่นี่คือหนังสือขอเข้าพบจากจวิ้นจู่ของข้า”
กู้เสี่ยวหวานรับมันไว้ และก่อนที่นางจะมีเวลาดูก็นึกถึงสิ่งหนึ่ง “ท่านไม่ได้พบอาจั่วคนของข้าหรือ ข้าขอให้นางไปที่บ้านของท่านแม่ทัพตั้งแต่เช้าตรู่”
“อะไรนะ ข้าไม่ได้พบนางนะ หรือว่าอาจจะสวนทางกัน” อาอวี้กระซิบที่หูของกู้เสี่ยวหวาน “เสี้ยนจู่ คุณหนูของข้ารออยู่ด้านนอก”
“อะไรนะ?” กู้เสี่ยวหวานตกใจ “อวี้ซูมาที่นี่หรือ”
“เมื่อคืนนี้คุณหนูของข้านอนไม่หลับ พอเช้าตรู่นางก็รีบออกมาโดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า” เสียงของอาอวี้ขมขื่น “เมื่อคืนคุณหนูร้องไห้และมีคำถามมากมาย ถามกลับไปกลับมา แต่มีเพียงคำถามเดียวซึ่งคำถามนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่ตอบได้ ข้าไม่รู้ว่าคนรับใช้สามารถถามคำถามกับเสี้ยนจู่ในนามของคุณหนูก่อนได้หรือไม่”
อาอวี้ดูเคารพและพูดอย่างคาดหวัง
“ถามว่าอะไรหรือ” เมื่อนางได้ยินว่าถานอวี้ซูไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็กระตุกบีบรัดเช่นกัน
อาอวี้เป็นคนแรกที่ถามกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้ “สาวใช้ผู้นี้รู้ว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะถามเสี้ยนจู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อข้าคิดว่าคุณหนูของข้ามีท่าทีที่ว้าวุ่นใจ สาวใช้ผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นข้าจึงขอเสียมารยาทถามเสี้ยนจู่ว่า น้องชายของท่านแต่งงานแล้วหรือยัง”
หลังจากพูดจบ ดวงตาคู่หนึ่งก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างคาดหวัง
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานสั่นสะท้าน “แล้วจวิ้นจู่ของเจ้าแต่งงานหรือยัง”
กู้เสี่ยวหวานไม่ตอบคำถามของอาอวี้ แต่ยังมองไปที่อาอวี้และถามคำถามที่นางคิดมาทั้งคืน
นี่คือสิ่งที่นางสนใจ และเป็นสิ่งที่กู้หนิงผิงและถานอวี้ซูใส่ใจเช่นกัน
“ยังเจ้าค่ะ…”
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเป็นประกายเล็กน้อย และนางก็ตอบว่า “ยังเช่นกัน…”
แม้ว่าจะเป็นเพียงคำง่าย ๆ สองคำ แต่ทั้งสองคนก็รู้ความหมายของคำเหล่านี้แล้ว
แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่ทั้งคู่ต่างก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน นั่นเป็นสิ่งที่ดี
“เสี้ยนจู่ คุณหนูตัวน้อยของข้ากำลังรออยู่ที่ประตู คุณหนูตัวน้อยของข้าคิดถึงเรื่องนี้ทั้งคืน และบอกว่านางต้องการพบเสี้ยนจู่อันผิงโดยเร็วที่สุด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางอยากจะถามเสี้ยนจู่” อาอวี้และกู้เสี่ยวหวานยิ้มให้กันและเดินออกไปข้างนอก คำสองคำที่พวกนางพูดกันเมื่อครู่ดูเหมือนจะทำให้ภูเขาที่หนักอึ้งอยู่ในใจของพวกนางนั้นหายไปในทันที และมันก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก
เมื่อทั้งสองมาถึงประตูของสวนชิง กู้เสี่ยวหวานก็เห็นรถม้าจอดอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นร่างของกู้เสี่ยวหวานเดินออกมาข้างนอก ม่านของรถม้าก็ถูกเปิดออกทันที
หญิงที่มีเสน่ห์ในชุดยาวที่สวยงามออกมาจากข้างในและเดินออกจากรถม้า
คนขับรถม้าเห็นดังนั้น เขาก็รีบนำเก้าอี้ต่ำมาวางเพื่อให้ถานอวี้ซูได้ก้าวลงไป แต่ใครจะรู้ว่าหัวใจของถานอวี้ซูจะตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้ นางเลยรีบกระโดดลงมาจากรถม้าทันที
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นเช่นนั้นก็พลันตกใจ “อวี้ซู ระวังด้วย!”
นางรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและคว้าถานอวี้ซูเอาไว้
ใบหน้าของถานอวี้ซูดูไม่ค่อยสดใส อาจเป็นเพราะนางไม่ได้นอนมาทั้งคืน ท่าทางจึงดูอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่นางก็ฝืนยิ้มให้กับกู้เสี่ยวหวาน “ท่านพี่เสี่ยวหวาน อวี้ซูขออภัยที่มาหาท่านโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า”
“น้องสาวคนนี้ เจ้ามาหาข้า ข้าก็ดีใจจนพูดไม่ออกแล้ว ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร” กู้เสี่ยวหวานดึงถานอวี้ซูเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อได้ยินว่าถานอวี้ซูยังไม่กินข้าว นางก็พูดว่า “อวี้ซู ข้าก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนกัน ทำไมเราไม่คุยกันระหว่างกินข้าวเช้าล่ะ”
ถานอวี้ซูพยักหน้าตอบรับเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ตกลง พี่เสี่ยวหวาน”
หรืออันที่จริงที่ท่านพี่เสี่ยวหวานยังไม่ได้กินอาหารเช้า เป็นเพราะนางมาเยี่ยมแต่เช้า นางมีความรู้สึกผิดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษจริง ๆ ข้ามาเช้าเกินไปจนท่านไม่ทันได้มีเวลากินอาหารเช้าด้วยซ้ำ” ถานอวี้ซูพูดอย่างรู้สึกผิด
กู้เสี่ยวหวานจับมือถานอวี้ซู พร้อมกับลูบมือของนางแล้วพูดอย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไร ถือว่าวันนี้เป็นวันดีที่ข้าได้มีโอกาสกินอาหารเช้ากับน้องสาวของข้า เรามาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขเถอะ”
ถานอวี้ซูพยักหน้าและตามกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในบ้าน
สวนชิงมีคนไม่มากนัก นางไม่ได้พบใครเลยระหว่างทาง
หัวใจของถานอวี้ซูพองโตขึ้นตั้งแต่ที่นางเข้ามาในสวนชิง และตอนนี้หัวใจของนางมันค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลงอีกครั้ง นางรู้สึกสูญเสีย
ทั้งสองไม่ได้พูดตลอดทางที่เดินเข้ามา และในไม่ช้าก็มาถึงข้างในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน
ตอนนี้โค่วตันกลับมาก่อนกำหนดและแจ้งกู้ฟางสี่ว่าคุณหนูและจวิ้นจู่กำลังเดินกลับเข้ามาเพื่อทานอาหาร อาหารบนโต๊ะจึงถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด อาหารทุกจานถูกอุ่นร้อนและพร้อมทาน
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าถานอวี้ซูมีเรื่องจะพูดกับนาง นางจึงบอกให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน ขณะนี้จึงมีแค่กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูที่อยู่กันตามลำพังสองคนในห้อง
ถานอวี้ซูไม่รู้เรื่องบทสนทนาระหว่างอาอวี้และกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าซึมของนาง กู้เสี่ยวหวานจึงอ้างว่า “อวี้ซู เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องด้านในสักครู่”
ถานอวี้ซูพยักหน้าเบา ๆ “เชิญท่านพี่เสี่ยวหวานตามสบาย”
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานขยิบตาให้อาอวี้ นางก็เข้าไปด้านในห้อง
จงใจรอให้อาอวี้ทำข้อตกลงกับถานอวี้ซูก่อน จากนั้นจึงเดินออกมาจากด้านใน แน่นอนว่าใบหน้าของถานอวี้ซูดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยสีแดง สีหน้าของนางไม่เหมือนกับตอนที่นางมาที่นี่ในตอนแรก แตกต่างราวกับเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาจากด้านใน ถานอวี้ซูก็ยืนขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคยและมีร่องรอยแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าของนาง “พี่เสี่ยวหวาน ข้าหิวแล้ว เรารีบไปกินข้าวกันเถอะ”
ถานอวี้ซูเป็นคนตรงไปตรงมาและแสดงอารมณ์ทั้งหมดออกมาบนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน นางอยู่ในตระกูลถานซึ่งเป็นตระกูลของท่านแม่ทัพใหญ่
ถานเย่สิงมีนิสัยที่ใจกว้างและตรงไปตรงมา เขามักจะพูดจาอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ซึ่งทำให้ถานอวี้ซูติดนิสัยนี้มาจากเขาเช่นกัน
ครั้นเห็นนางมีความสุข เดาว่าอาอวี้คงบอกนางหมดแล้ว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน นางยินดีกับถานอวี้ซู พวกนางกินโจ๊กรังนกและเกี๊ยวนึ่งไปหลายชิ้น กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าท้องของนางอิ่มแล้ว นางจึงวางตะเกียบลง