ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1404 1405 ไม่มีใคร อวี้ซูล้มป่วย
บทที่ 1404 1405 ไม่มีใคร อวี้ซูล้มป่วย
บทที่ 1404 ไม่มีใคร
กู้เสี่ยวหวานผลักฉินเย่จือเบา ๆ แต่ถูกฉินเย่จือดึงและล้มลงในอ้อมแขนอีกครั้ง ซึ่งทำให้อาจั่วและโค่วตันที่อยู่ข้างหลังพวกเขาแอบยิ้ม
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานคิดว่าการดำเนินการของกู้หนิงผิงจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อกู้หนิงผิงกลับมาตอนพระอาทิตย์ตก ก็ดูเหมือนเขาจะมีท่าทางเหงา ๆ
“คุณหนู คุณหนู นายน้อยสามกลับมาแล้ว” อาจั่ววิ่งเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของอาจั่ว กู้เสี่ยวหวานก็แอบใจไม่ดี “หนิงผิงเป็นอย่างไรบ้าง”
“นายน้อยสามดื่มมากเกินไป โค่วไห่ช่วยพานายน้อยกลับมาที่บ้านแล้ว” อาจั่วกล่าวอย่างร้อนรน
“เขาเมา?” กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เขาไม่ได้ไปหาอวี้ซูหรือ? ทำไมเขาถึงไปดื่มได้”
กู้เสี่ยวหวานตามอาจั่วไปที่ลานบ้านของหนิงผิง ในขณะเดียวกันก็ฟังอาจั่วพูดถึงเรื่องของกู้หนิงผิงไปด้วย
ปรากฏว่ากู้หนิงผิงไม่ได้เข้าไปบ้านของท่านแม่ทัพเลย นับประสาอะไรกับการพบถานอวี้ซู
“ข้าได้ยินมาจากโค่วไห่ที่ไปกับนายน้อยสามว่า นายน้อยสามไม่ได้เข้าไปบ้านของท่านแม่ทัพใหญ่เลย เมื่อเขาไปถึงที่หน้าประตูบ้าน ประตูบ้านนั้นไม่เคยเปิดออกเลย แล้วก็ไม่มีคนมาแจ้งอะไรกับนายน้อยสามด้วย” อาจั่วกล่าว
“เหตุใดจึงไม่มีคนอยู่ที่บ้านของท่านแม่ทัพเลย” กู้เสี่ยวหวานยังคงเดินต่อไป และเมื่อนางได้ยินว่าไม่มีใครมาเปิดประตูบ้านท่านแม่ทัพ นางก็รู้สึกแปลกใจยิ่งกว่า “ไม่ใช่ว่าอวี้ซูอยู่ที่บ้านหรือ”
“ถ้าจวิ้นจู่อยู่ในบ้าน นางจะไม่มีทางปฏิเสธและออกมาเปิดประตูให้นายน้อยสามแน่นอน แต่วันนี้เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่บ้านหลังนั้นสักคน”
ในขณะที่พูด กู้เสี่ยวหวานก็ได้เดินมาถึงลานบ้านของกู้หนิงผิงแล้ว
นางได้กลิ่นของเหล้าคลุ้งอยู่ข้างใน และได้ยินเสียงกู้หนิงผิงพร่ำเพ้อหลังจากดื่มมากเกินไป
“อวี้ซู… อวี้ซู…”
เมื่อเปิดม่านและเข้าไปข้างใน ก็เห็นโค่วไห่ยืนอยู่ข้าง ๆ และมองไปที่กู้หนิงผิงอย่างเป็นกังวล
เมื่อโค่วไห่เห็นกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามา เขาก็รีบทำความเคารพ “คุณหนู”
“เกิดอะไรขึ้นกับหนิงผิง แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนที่พวกเจ้าไปที่บ้านของท่านแม่ทัพ” กู้เสี่ยวหวานนั่งอย่างกระวนกระวายที่ขอบเตียงและมองไปที่กู้หนิงผิงซึ่งเมาไม่รู้เรื่องและเอาแต่พร่ำเพ้ออย่างเป็นทุกข์
“นายน้อยพาข้าไปที่บ้านของท่านแม่ทัพ เดิมทีเขาต้องการเข้าไปในบ้านของท่านแม่ทัพเพื่อพบกับจวิ้นจู่ แต่หลังจากเคาะประตูอยู่นาน ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูและไม่มีใครออกมาต้อนรับหรือแจ้งข่าว” โค่วไห่พูดแล้วน้ำตาคลอ เขาพูดว่า “นายน้อยรออยู่ทั้งวัน แต่ก็ไม่มีใครออกมา”
เป็นไปไม่ได้ว่าบ้านท่านแม่ทัพจะไม่มีคนรับใช้ ถึงจะเช่นนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียก็ต้องมีคนคอยเฝ้าประตู แต่บ้านของท่านแม่ทัพไม่แม้แต่จะมีคนมาเปิดประตู
“นายน้อยคอยอยู่ทั้งวัน จากนั้นเขาก็เริ่มคิดอย่างบ้าคลั่ง โดยบอกว่าจวิ้นจู่โกรธเขาและตั้งใจที่จะหลบหน้าเขา ยิ่งนายน้อยคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งเศร้า เขาจึงวิ่งไปที่โรงเตี๊ยม เขาคร่ำครวญและดื่มเหล้าอย่างหนัก คนรับใช้อย่างข้าไม่สามารถห้ามปรามเขาได้” โค่วไห่รู้สึกเศร้าเมื่อมองไปที่นายน้อยของเขา
โค่วไห่ปาดน้ำตา “ในขณะที่นายน้อยกำลังดื่ม เขาก็เรียกชื่อจวิ้นจู่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นเขาเจ็บปวดเช่นนี้ คนรับใช้อย่างข้าก็เจ็บปวดไปด้วย”
“ไม่มีใครอยู่ที่บ้านของท่านแม่ทัพจริง ๆหรือ ทำไมไม่มีแม้แต่คนที่ออกมาเปิดประตู?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างสงสัย “มันต้องมีเหตุผล บ้านของท่านแม่ทัพใหญ่โตขนาดนั้น จำเป็นต้องมีคนอยู่เฝ้าประตู”
…….
บทที่ 1405 อวี้ซูล้มป่วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของท่านแม่ทัพ
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว และมองไปที่กู้หนิงผิงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง นางจึงเอ่ยกับโค่วไห่ “เจ้าคอยดูแลเขาให้ดี”
โค่วไห่พยักหน้ารับทราบ กู้เสี่ยวหวานเดินออกไปจากเรือนของกู้หนิงผิง ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น นางพูดกับอาจั่วว่า “อาจั่ว เจ้าไปที่บ้านของท่านแม่ทัพ แล้วสืบดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นั่นหรือไม่”
“คุณหนูกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจวิ้นจู่หรือ” อาจั่วถาม
“อื้ม ข้ามีความรู้สึกว่ากำลังเกิดเรื่องกับอวี้ซู ไม่เช่นนั้นนางคงไม่หลบหน้าหนิงผิง” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างกังวล “ข้าเกรงว่าเด็กคนนั้นจะทำอะไรโง่ ๆ”
อาจั่วรับคำสั่งของกู้เสี่ยวหวานแล้วออกไป และเมื่ออาจั่วนำข่าวกลับมารายงาน กู้เสี่ยวหวานก็ตกใจเช่นกัน “เจ้าบอกว่าอวี้ซูล้มป่วยอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้วคุณหนู ตอนสายวันนี้ ที่บ้านของท่านแม่ทัพนั้นกำลังยุ่งวุ่นวาย ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพสั่งห้ามไม่ให้ใครมาที่บ้านและห้ามไม่ให้คนเปิดประตูบ้าน”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรือ
“แล้วอวี้ซูเป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อคืนนี้คุณหนูอวี้ซูเป็นหวัดเนื่องจากเจออากาศที่หนาวเย็น ท่านแม่ทัพถานเป็นกังวลมาก และได้เชิญหมอจากวังหลวงมาตรวจวินิจฉัย ได้ยินมาว่าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง”
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินดังนั้น นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วนางก็ต้องถอนหายใจด้วยความกังวลอีกครั้ง
นางเป็นห่วงอวี้ซูที่กำลังล้มป่วย และเป็นห่วงน้องชายที่บ้านที่เอาแต่ดื่มเหล้าอย่างหนัก
มันน่ารำคาญมาก
ดูเหมือนว่ากู้หนิงผิงผู้นี้ควรถูกส่งไปที่ค่ายทหารโดยเร็วที่สุด และก่อนไป ทั้งสองคนควรคลายปมนี้อย่างรวดเร็ว
“อาจั่ว พรุ่งนี้เจ้าไปส่งหนังสือให้ข้า ข้าต้องการเข้าเยี่ยมอวี้ซู”
อย่างไรก็ตาม นางต้องพากู้หนิงผิงไปด้วย
ในวันที่สอง หลังจากที่อาจั่วไปส่งหนังสือแล้ว นางก็ได้หนังสือตอบรับจากถานอวี้ซูอย่างรวดเร็ว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในรถม้าเพื่อไปที่บ้านของท่านแม่ทัพ กู้หนิงผิงเองก็ยังคงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เมื่อวานนี้เขาไม่ได้เข้าไปในบ้านของท่านแม่ทัพ และเขาคิดเสมอว่าถานวอี้ซูไม่ต้องการเจอเขา แต่ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานกำลังพาเขาไปที่นั่น เขายังไม่หายจากความผิดหวังเมื่อวานนี้
“ท่านพี่ อวี้ซูนางไม่ต้องการเห็นหน้าข้า” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างเศร้าใจ
กู้หนิงผิงอยู่ในรถม้ากับกู้เสี่ยวหวานตามลำพัง หลังจากได้ยินคำพูดของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวหวานก็ดุด้วยความโกรธ “หนิงผิง เจ้าเอาแต่ตัดพ้อและไม่มีความกล้าที่จะไปพบกับถานอวี้ซู ที่อวี้ซูไม่อยากเห็นหน้าเจ้านั่นก็เป็นเพราะเจ้าทำร้ายจิตใจนางไม่ใช่หรือ”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานมองไปที่น้องชายคนนี้ที่ไม่มีความมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง นางก็รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมวันนี้ข้าถึงพาเจ้าไปที่บ้านของท่านแม่ทัพ” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างเป็นทุกข์
“ทำไมหรือท่านพี่?” กู้หนิงผิงมีท่าทีงงงวย
“อวี้ซูล้มป่วย นางป่วยตั้งแต่เมื่อวันก่อน ถ้าเจ้าไม่หลีกเลี่ยงการพบนาง นางจะซึมเศร้าและเป็นหวัดได้อย่างไร” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเศร้าใจ
“อวี้ซูเป็นอะไรไป”
กู้หนิงผิงเกือบกระโดดลงจากรถม้า “นางป่วยหรือ”
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อนางกลับไปที่บ้านนางก็ล้มป่วย ที่เจ้าไปที่บ้านของท่านแม่ทัพเมื่อวานนี้ เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพถานที่ได้สั่งไม่ให้ใครเปิดประตูและเข้าไปที่บ้าน”
อวี้ซูไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าเขา
กู้หนิงผิงเคาะศีรษะของตัวเองด้วยความหงุดหงิดและอยากจะร้องไห้