ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1421 รักครั้งแรกของหญิงสาว
บทที่ 1421 รักครั้งแรกของหญิงสาว
เขาตื่นเต้นจนใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ มองถานอวี้ซูด้วยดวงตาเบิกกว้างแล้วยื่นมือออกมากบีบคลึงมือเล็ก ๆ ของถานอวี้ซูอย่างนุ่มนวล พร้อมกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “รอข้ากลับมา ไม่นานหรอก”
จากนั้นจึงหันกลับไปหากู้เสี่ยวหวาน “ท่านพี่ งั้นข้าไปก่อน”
หลังจากเอ่ยด้วยประโยคที่เรียบง่าย เขาก็หันกลับไปมองถานอวี้ซูอีกครั้ง จ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้ ก่อนทั้งสองละจากกันอย่างไม่เต็มใจ กู้เสี่ยวหวานเห็นจึงแสร้งพูดหยอกล้อ “ยังไม่ไปอีก หรือกลัวว่าข้าจะจับคนรักของเจ้ามากินหรืออย่างไร”
กู้หนิงผิงรีบส่ายหน้า “ท่านพี่ ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”
กู้หนิงผิงจ้องมองถานอวี้ซูปราดหนึ่ง มือจับมืออีกฝ่ายไว้ด้วยความลังเลไม่ยอมปล่อย จากนั้นจึงปล่อยมือของถานอวี้ซู เดินถอยหลังออกมาด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ถานอวี้ซูก็มองหนิงผิงด้วยความเอ็นดูเช่นเดียวกัน
กู้หนิงผิงก้าวเท้าหลังอย่างอ้อยอิ่ง มุมปากยังคงปรากฏรอยยิ้มพอใจให้เห็นเจือจาง ทั้งยังไม่ทันสังเกตว่าตนเองเดินมาถึงบริเวณประตูแล้ว ประตูบานนั้นถูกปิดสนิท กู้หนิงเอาแต่มองไปทางด้านนั้นและเดินถอยหลังต่อไปเรื่อย ๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับประตู เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เมื่อหันกลับเตรียมเดินออกไปนอกห้อง แต่ลืมว่าประตูถูกปิดเอาไว้จึงทำให้หน้าผากชนเข้ากับประตูอีกครั้ง
กู้หนิงผิงยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด…
“พี่หนิงผิง!” ถานอวี้ซูเห็นเช่นนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
กู้หนิงผิงจึงหันกลับไปหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าไม่เจ็บ”
เด็กหนุ่มดึงประตูให้เปิดออก หากแต่สายตายังมองไปที่ถานอวี้ซู มุมปากยังปรากฏรอยยิ้ม ใครจะไปคิดว่าธรณีประตูจะสูงปานนั้น และด้วยความไม่ทันระวังจึงสะดุดเข้ากับธรณีประตู แต่ยังดีที่มีทักษะอยู่บ้าง จึงทำให้ร่างกายเซไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อยและสามารถกลับมายืนได้ดังปกติ
เหตุการณ์ที่น่าตกใจเมื่อครู่ทำให้ถานอวี้ซูปิดปากด้วยความตกใจ และมองกู้หนิงผิงด้วยความเป็นห่วง
กู้หนิงผิงกุลีกุจอลุกขึ้นยืน โดยไม่ลืมที่จะหันกลับมาปลอบใจถานอวี้ซู “ข้าไม่เป็นไร ข้าจะรีบกลับมา”
พูดจบก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังจะก้าวออกจากลานบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ยังคงไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองถานอวี้ซู
ถานอวี้ซูยืนเฝ้าอยู่บริเวณข้างประตูตลอด สายตามองตามกู้หนิงผิงที่กำลังจากไป กระทั่งเขาไปถึงระเบียงทางเดินจนลับสายตาไป
สายตาว้าวุ่นใจเช่นนั้น แม้แต่กู้เสี่ยวหวานก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ทำไมดูอาลัยอาวรณ์เช่นนั้น ประเดี๋ยวเดียวเขาก็กลับมาแล้ว”
พลันใดนั้นก็คิดถึงตัวเองและฉินเย่จือในตอนที่แสดงความรู้สึกต่อกัน เกรงว่าพวกตนก็มีท่าทางเช่นนี้ เพราะนางก็อยากจะอยู่ข้าง ๆ เขาทุกช่วงเวลา
ครั้นนึกถึงถ้อยคำบอกรักที่ฉินเย่จือบอกกับตนเองเมื่อคืนวานแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็อดหน้าแดงไม่ได้ จึงรีบก้มหน้างุด ยกถ้วยชาขึ้นดื่มเพื่อปกปิดใบหน้า
ถานอวี้ซูเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เอาแต่ลุกขึ้นไปมองด้านนอกตลอดเวลา จนกู้เสี่ยวหวานไม่ล้อเลียนนางอีกต่อไป และเอาแต่มองอีกฝ่ายด้วยความอิ่มเอมใจ
ดื่มชาไปได้เพียงหนึ่งถ้วย กู้หนิงผิงก็กลับมาอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานรีบสั่งให้คนชงชารอน้องชายนานแล้ว ตอนกู้หนิงผิงกลับมา ชายังไม่ทันหายร้อย เขาก็ยกถ้วยชากระดกพรวดลงคอไปเสียหมด
เมื่อเช็ดปากจนสะอาดแล้วจึงนั่งลงข้าง ๆ ถานอวี้ซู มองดูนางด้วยรอยยิ้มโง่เขลา
“อวี้ซู เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร เดิมทีข้าคิดว่าวันนี้จะไปหาเจ้าด้วยตนเอง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อาการป่วยของเจ้าเพิ่งจะหายดี แต่ปล่อยให้ตนเองโดนลมหนาวอีกแล้ว” กู้หนิงผิงนั่งยิ้มราวกับคนโง่อยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้และพูดออกมาด้วยความกังวล
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองถานอวี้ซูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขากลัวว่านางจะรู้สึกไม่สบาย
ถานอวี้ซูหัวเราะ “ข้าไม่เป็นไร ข้าหายดีแล้ว ท่านดูข้าสิ ข้าสบายดีจะตาย”
ถานอวี้ซูยิ้มตอบกลับ เดิมทีนางก็เพิ่งจะหายดี แต่หมอก็ยังต้องการให้นางพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ทว่านางรอไม่ได้แล้ว พี่หนิงผิงจะต้องไปแล้ว นางต้องการมาพบและพูดคุยกับพี่หนิงผิงให้มากกว่านี้
กู้หนิงผิงฟังแล้วยังรู้สึกไม่สบายใจ มองไปยังถ้วยชาที่อยู่ข้างหน้านางพลางคิ้วขมวด “อาการป่วยของเจ้ายังไม่ค่อยดีนัก ยังดื่มชาไม่ได้ ข้าจะไปเปลี่ยนเป็นน้ำร้อนมาให้”
พูดจบจึงยื่นมือไปหยิบถ้วยชามา
คราวนี้กู้เสี่ยวหวานทนดูไม่ได้อีกต่อไป คู่รักคู่นี้หวานกันมาครึ่งค่อนวันแล้ว นางจะทำตัวเป็นอากาศไม่ได้อีกต่อไป จึงพูดตำหนิว่า “หนิงผิง เจ้าไม่ไว้ใจพี่สาวของเจ้าหรือ ข้าชงชาให้นางดื่มที่ไหนกัน ตัวเจ้าดูข้างในให้ดี ๆ ก่อนเถอะ ในถ้วยนั้นก็แค่น้ำร้อน”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าร่างกายของถานอวี้ซูเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่ได้ชงชาให้ถานอวี้ซู เพียงแต่ใส่โสมฝานลงในน้ำร้อนเท่านั้น
พี่สาวของตนทำเช่นนี้ด้วยความรอบคอบ กู้หนิงผิงจึงรู้สึกผิดขึ้นมา “ท่านพี่ ข้า…”
ถานอวี้ซูหน้าแดง “ท่านพี่ ท่านอย่าโทษพี่หนิงผิงเลย เขาก็แค่เป็นห่วงข้า”
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเฮอะ ๆ พลางหยอกล้อ “ข้าจะว่าคนป่วยได้อย่างไรล่ะ น้องชายของข้าคนนี้โตแล้ว เอาล่ะ ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าสองคนแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ”
รอจนกระทั่งพี่สาวของตนเดินลับสายออกไป ปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาร่วมกัน เช่นนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น
อาจั่วติดตามอยู่ไม่ห่างกายกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นคุณหนูของตนเองมีความสุขเช่นนี้ก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย “เป็นครั้งแรกที่อาจั่วเห็นนายน้อยมีอาการเช่นนี้ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้มาก่อนเลย”
“นั่นย่อมไม่ใช่ ในใจมีคนที่ชอบแล้ว คนเราใช้เวลาไม่นานก็เติบโตแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานหันกลับไปมอง มองดูแค่ครู่เดียวจึงรีบปิดประตูลงพลางหัวเราะเสียงดัง “ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าห้องนี้คือห้องของข้า แต่กลับต้องออกมาเสียเอง”
อาจั่วก็หัวเราะ “นั่นเป็นเพราะคุณหนูเต็มใจออกมาเองต่างหากล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาท่านไปเดินเล่นที่สวนดีหรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า แต่เดินไปได้เพียงสองก้าวก็หันกลับมาพูดว่า “บอกให้โค่วตันช่วยบอกกับท่านอาหน่อยว่า ตอนเย็นจวิ้นจู่จะมากินข้าวที่บ้านเรา ร่างกายของนางเพิ่งจะหายดี มื้อเย็นควรมีอาหารเบา ๆ”
อาจั่วเข้าใจความหมายที่กู้เสี่ยวหวานบอก จึงตอบรับคำสั่งแล้วเรียกโค่วตันมา และทั้งสามเดินไปคุยไป
ในระหว่างทาง สวนชิงนั้นสร้างได้ดูสวยและมีชีวิตชีวา คิดถึงปีนั้นตอนที่พ่อของฉินเย่จือต้องการที่จะสร้างสวนนี้ คาดว่าเขาคงใช้ความคิดอย่างหนัก
“โค่วตัน… เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวในตอนที่พี่เย่จือเป็นเด็กบ้างไหม เจ้าเป็นคนของตะกูลฉิน พ่อแม่ของเจ้ารับใช้ตระกูลฉินมาตลอด เจ้าคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวในวัยเด็กของพี่เย่จือมาบ้างใช่หรือไม่”
โค่วตันหัวเราะพลางตอบว่า “ตอนข้าน้อยยังเด็ก แต่ก็เคยได้ยินท่านพ่อท่านแม่พูดถึงอยู่บ้าง แต่กลับเป็นเรื่องที่นายน้อยชอบก่อเรื่อง”