ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1423 กู้หนิงผิงออกจากบ้าน
บทที่ 1423 กู้หนิงผิงออกจากบ้าน
“หนิงผิงชอบอวี้ซูและไม่เคยเปลี่ยนใจเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานะของเขาจะต่ำต้อย แต่ความรู้สึกของเขาก็ประเมินค่าไม่ได้ นอกจากนี้เขามีความคิดและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเราไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้เขาพัฒนาไปในทางที่ดี ไม่มีใครมีสิทธิ์หยุดเขาจากการไล่ตามความรัก ถ้าเขาพ่ายแพ้ เขาก็จะไม่เสียใจหลังจากการพยายามอย่างเต็มที่ ถ้าเขาชนะ เราทุกคนจะยินดีกับเขา”
หลังจากที่กู้ฟางสี่ได้ยินเรื่องนี้ นางก็กลับไปคิดเรื่องนี้เป็นเวลานาน และในที่สุดก็คิดออก
“เจ้าพูดถูก ตอนนี้หนิงผิงกำลังพยายามอย่างหนัก สักวันหนึ่งเขาอาจจะดีขึ้นมากกว่านี้ เราต้องสนับสนุนเขา เมื่อถึงเวลาความปรารถนาของเขาเป็นจริงและมีพร้อมทุกอย่างแล้ว นั่นคือสิ่งที่เรามีความสุขกับมัน”
เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่เข้าใจความคิดของนางแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขเช่นกัน
นี่เป็นทางเลือกของกู้หนิงผิง ไม่มีใครสามารถแทนที่เขาและเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาได้ เว้นแต่เขาจะเปลี่ยนแปลงมันเอง
ถ้ารักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าแม้แต่จะพยายามมากพอ ความรักครั้งนี้ก็เล็กน้อยเกินไป
เพราะกลัวว่ามันจะมืดเกินไปและไม่สะดวกสำหรับถานอวี้ซู พวกเขาจึงกินข้าวเย็นก่อนเวลา
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว กู้หนิงผิงก็ตักน้ำแกงให้ถานอวี้ซูและกู้เสี่ยวหวานอย่างสุภาพ และเอาแต่ยิ้มตลอดเวลาเหมือนเป็นการขอโทษ
เมื่อเห็นเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกขบขัน ดังนั้นนางจึงแกล้งหยอกเขาเป็นครั้งคราวตลอดมื้อเย็น แม้ว่าอาหารมื้อนี้ฉินเย่จือจะไม่ได้อยู่กินด้วย แต่นางก็กินข้าวอย่างมีความสุข
กู้ฟางสี่รู้ว่ากู้หนิงผิงตกหลุมรักจวิ้นจู่ และนางมักจะดูแลพวกเขาทั้งสองในระหว่างมื้ออาหาร เมื่อเห็นความใกล้ชิดของทั้งสองคน นางก็รับรู้ได้ว่ากู้หนิงผิงจะไม่มีวันยอมแพ้ต่อความรักครั้งนี้
หลังอาหารเย็น กู้หนิงผิงส่งถานอวี้ซูกลับไปที่บ้านเป็นการส่วนตัว เมื่อเขากลับมา เขาก็ดูตื่นเต้นมากที่ได้เห็นกู้เสี่ยวหวาน
“ท่านพี่ ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดท่านยังไม่นอนอีก”
“ทำไมตัวเจ้าถึงมีแต่เหงื่อเช่นนี้เล่า” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในคืนนี้อากาศหนาวเย็นและเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาก็เปียกไปหมด ถ้าเขาเป็นหวัดจากลมขึ้นมาจะลำบากเอาได้
กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความกังวล
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้หนิงผิงก็พูดด้วยความลำบากใจ “ท่านพี่ ข้าสบายดี แต่หลังจากส่งอวี้ซูกลับไป ข้าไปฝึกฝนอย่างหนักแล้วจึงกลับมา”
จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อมองไปที่น้องชายที่โตแล้ว นางก็พอใจมากเช่นกัน “หนิงผิง เจ้าจะออกจากบ้านในอีกสองวัน พูดตามตรง…”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานพูดเช่นนี้ก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ข้าลังเลที่จะปล่อยให้เจ้าไปไกลเพียงลำพัง แต่…”
“ท่านพี่ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ นี่เป็นทางเลือกของข้า ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นทางเลือกเดียวของข้า”
กู้หนิงผิงเอ่ยอย่างหนักแน่น ดวงตาที่ในอดีตยังคงแสดงให้เห็นถึงความซุกซนเป็นธรรมชาติของเด็กผู้ชาย แต่ตอนนี้กลับหนักแน่นและมั่นคง
“หนิงผิง ในสนามรบมีอันตรายมากมาย เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ข้า หนิงอัน เสี่ยวอี้ ท่านอา พี่เย่จือ และอวี้ซู เราทุกคนหวังว่าเจ้าจะปลอดภัย และเราทุกคนจะรอให้เจ้ากลับมา” กู้เสี่ยวหวานพูดน้ำเสียงที่ยังสะอึกสะอื้น และในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
กู้หนิงผิงก้าวไปข้างหน้าและกอดพี่สาวที่เคยปกป้องเขาจากสายลมและสายฝนจนเขาโตขึ้น เขาเอ่ยอย่างทุกข์ระทม “ท่านพี่อย่าร้องไห้ไปเลย อย่าได้กังวล ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีอย่างแน่นอน และข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย ให้ข้าได้ปกป้องท่านพี่บ้าง หลายปีมานี้ท่านพี่ปกป้องข้ามาโดยตลอด ตอนนี้ข้าโตแล้ว ในอนาคตข้าจะปกป้องท่านเอง”
“เอาล่ะ ข้ากำลังรอการกลับมาอย่างมีชัยของเจ้า” กู้เสี่ยวหวานเช็ดน้ำตาและยิ้มทั้งน้ำตา “ข้ายังคงรอให้เจ้าแต่งงานกับภรรยาและมีลูก และจะรอดูหนิงผิงของข้ากลายเป็นผู้ชายชาตรีที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ”
“ท่านพี่ ข้าจะทำได้อย่างแน่นอน” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
เมื่อรู้ว่ากำลังจะจากไป วันเวลาแห่งการจากกันนั้นสั้นเป็นพิเศษ ถานอวี้ซูหวังว่าตัวเองจะได้อยู่ในสวนชิงตลอดทั้งวัน อยู่กับกู้หนิงผิง กินข้าวกับเขา ฝึกฝนกับเขา หัวเราะกับเขา และสร้างปัญหาไปกับเขา
เมื่อมีถานอวี้ซูอยู่เป็นเพื่อน กู้เสี่ยวหวานก็จดจ่ออยู่กับการช่วยกู้หนิงผิงเก็บของ
ในความเป็นจริง การไปเข้าร่วมกองทัพไม่มีของใดที่ต้องนำไปมาก มีเพียงจดหมายรับรองจากฉินเย่จือกับเสื้อผ้าอีกสองสามชุดสำหรับฤดูร้อนและฤดูหนาว เงิน และอาหารแห้ง
แต่กู้เสี่ยวหวานต้องการเตรียมตัวมากกว่านี้ หลังจากหลายปีผ่านไป ไม่มีใครรู้ว่ากู้หนิงผิงจะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเมื่อใด
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉินเย่จือเองก็ใช้เวลาอยู่ในสวนชิงเช่นกัน ครั้งสุดท้ายเขาให้หนังสือเกี่ยวกับการเดินทัพและการต่อสู้แก่กู้หนิงผิง หลังจากปล่อยให้เขาลองอ่านดู ในตอนเย็นตลอดสองวันที่ผ่านมาก็คอยอธิบายคำตอบให้กู้หนิงผิง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในพริบตาวันที่กู้หนิงผิงต้องออกเดินทางก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
ในตอนเช้า กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ และถานอวี้ชูก็มาถึงแต่เช้า เตรียมอาหารเช้าแสนอร่อย และหลังจากทานอาหารร่วมกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็ส่งกู้หนิงผิงออกจากเมืองหลวง
ตลอดระยะทาง ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า ไร้ซึ่งความโศกเศร้า
“ท่านพี่ เมื่อท่านไปถึงกองทัพ ท่านต้องเขียนจดหมายถึงข้าและบอกว่าที่นั่นมีอะไรสวยงามและน่าสนุกบ้าง” กู้เสี่ยวอี้จับมือกู้หนิงผิงและพูดไม่หยุด
กู้หนิงผิงพยักหน้าและพูดด้วยความรักใคร่ “อย่ากังวลไปเลย ข้าจะเขียนจดหมายถึงเจ้าเมื่อข้าไปถึง อยู่บ้านเจ้าต้องฟังท่านอาและท่านพี่ และอย่าปักผ้าจนดวงตาเหนื่อยล้า เจ้าเข้าใจหรือไม่? ดวงตาของน้องสาวข้างดงามยิ่งนัก หากมันเล็กลงคงดูไม่ดี เมื่อถึงเวลานั้นแล้วไม่มีผู้ชายมาสู่ขอจะทำอย่างไร”
กู้หนิงผิงพูดติดตลก กู้เสี่ยวอี้ได้ยินสิ่งนี้ก็แสร้งทำเป็นโกรธ กระทืบเท้าของนางและดุว่า “พี่อวี้ซู ดูสิ่งที่พี่หนิงผิงพูดสิ พวกท่านก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน ทำไมเขาถึงมาว่าข้าเช่นนี้”
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นโกรธเคือง ใบหน้าแดงก่ำของถานอวี้ซูมองไปที่กู้หนิงผิง ทั้งคู่ก็ก้มหน้าลงอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ ๆ เจ้าสองคนอย่าทะเลาะกันไปเลย” กู้ฟางสี่ออกมาเพื่อทำให้ทุกอย่างราบรื่นและพูดว่า “หนิงผิง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีและเขียนจดหมายถึงครอบครัวทุกครั้งที่ว่าง เพื่อส่งข่าวให้พวกเรารู้ว่าเจ้าปลอดภัยดี”