ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1429 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
บทที่ 1429 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองถานอวี้ซูก็เห็นนางมีสีหน้าไม่พอใจ คิดดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้คงไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นจึงแสดงท่าทีว่าพวกเราควรไปก่อน ถานอวี้ซูไม่ต้องการเผชิญหน้ากับหมิงตูจวิ้นจู่ จึงพยักหน้าและหันหลังเดินจากไป
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากศาลา “ผู้ใดอยู่ข้างนอก”
ในตอนนี้เห็นเพียงองค์รักษ์สองคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนกำลังยืนถือดาบมาอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน ดาบในมือชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานและขวางทางพวกนางเอาไว้
แต่อาจั่วและอาโม่ก้าวออกมาด้วยความเร็ว ดาบในมือถูกชักออกมาจากฝักและคอยป้องกันอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน อาจั่วและอาโม่เผชิญหน้ากับดาบขององค์รักษ์สองคนนั้น
“ช่างกล้ายิ่งนัก ใครที่แอบฟังพวกข้าคุยกัน”
มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากทางศาลา ตามมาด้วยเสียงสตรีที่สิ้นหวัง ชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมาจากศาลาในชุดที่งดงาม
กู้เสี่ยวหวานหันไปก็เห็นว่าชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมผ้าแพรสีดำโดยมีลวดลายใบไม้ บริเวณเอวห้อยด้วยจี้หยกและถือพัดที่ทำจากงาช้าง คอเสื้อและปลายแขนปักด้วยลวดลายใบไผ่ที่สง่างามด้วยด้ายสีขาว และบนศีรษะมีปิ่นปักผมหยกที่ส่องแสงเปล่งประกาย
แม้จะยืนอยู่ตรงนั้น แต่ยังรูปงามและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทำให้รู้สึกถึงความสูงส่ง
ผิวสีแทน ลูกตาสีดำขลับ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเฉียบคมลุ่มลึก สร้างแรงกดดันให้ผู้คนได้โดยไม่รู้ตัว
ทว่าใบหน้าของชายผู้นี้เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ไม่เหลือใบหน้าบึ้งตึงอย่างเมื่อครู่ รอยยิ้มที่มุมปากทำให้เขาดูเหมือนเด็กมากทีเดียวเชียว
สีหน้าเปลี่ยนไวมากจนทำให้กู้เสี่ยวหวานคิดว่านางดูผิดไป
ใบหน้าประดุจหยกงาม ดวงตาเปล่งประกายประดุจดวงดาว หากไม่ใช่เพราะรอยยิ้มที่มุมปาก คงเป็นชายหนุ่มที่รูปงามเป็นแน่
และมองดูจวิ้นจู่ที่งามหยาดเยิ้มที่ยืนอยู่ข้างเขาอีกครั้ง เห็นหญิงผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีเขียวมรกตปักลายดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ ดอกไม้สีชมพูงดงดาม และกระโปรงปักลายใบไม้สีเขียว บนศีรษะปักปิ่นหยกระย้าที่ประดับด้วยไข่มุก ลักษณะคล้ายดอกพุดตาน มือถูกพันด้วยเชือกที่ถูกเคลือบด้วยสีที่แวววาว ผิวเนียนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดวงตางดงาม ริมฝีปากสีแดง และใบหน้าที่งดงามเข้ารูป
แม้ว่าระหว่างคิ้วจะดูบอบบาง แต่ความยโสโอหังทำให้คิ้วและดวงตาของนางดูเจ้าเล่ห์และแข็งกร้าว ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่น่าเข้าหา
เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของคนผู้นี้แล้ว กู้เสี่ยวหวานคิดออกคำเดียวว่า หรูหรา
แค่มาถวายเครื่องหอมที่วัด แต่กลับสวมเสื้อผ้าที่งดงามมากจนทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมอง
แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่หญิงสองคนที่สวมผ้าคลุมเอาไว้ นางจึงพูดจาอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครกันที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว กล้าแอบฟังจวิ้นจู่”
วันนี้กู้เสี่ยวหวานแต่งตัวงดงามและสุภาพ สวมชุดสีขาวนวลที่ปักด้วยดอกพุดซ้อนสีชมพูอ่อน มัดผมเป็นมวยและปักด้วยปิ่นไม้ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม
ไม่ได้แต่งหน้า แต่ผิวขาวราวกับหยกงาม
ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนมีจิตวิญญาณอันสูงส่ง
ซูจือเยว่เห็นผู้หญิงคนนี้สวมผ้าคลุมหน้าบาง ๆ ทำให้เห็นโฉมหน้านางไม่ชัด แต่กลับเห็นลูกตาสีดำบริสุทธิ์ได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่ซูจือเยว่รู้สึกว่าลักษณะของบุคคลนี้มันคุ้นตา แต่จำไม่ได้ว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน
เห็นแค่ถานอวี้ซูถอดผ้าคลุมออก และใบหน้าของคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมก็ปรากฏต่อหน้าเขาสองคน
เมื่อซูจือเยว่เห็น ก็รีบก้มหัวและประสานมือ “ฮู้กั๋วจวิ้นจู่”
จวิ้นจู่ที่อยู่กับซูจือเยว่ทำสีหน้าเยาะเย้ย มุมปากยิ้มเยาะและพูดจาเหน็บแนม “ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้เป็นฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ฮู้กั๋วจวิ้นจู่เคยชินกับการแอบฟังคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่ใช่โอ้อวดว่าไม่ได้มีนิสัยเหล่านั้นไม่ใช่หรือ แต่วันนี้ฮู้กั๋วจวิ้นจู่กลับทำเช่นนั้นเสียแล้ว”
เมื่อเผชิญกับการยั่วยุของบุคคลนั้น ถานอวี้ซูไม่ได้ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยเลย “ลักลอบแอบฟังหมิงตูจวิ้นจู่หรือ? ที่นี่คือวัดกว่างหยวน จะมีเรื่องสามหาวเช่นนั้นได้อย่างไร หรือว่าในใจหมิงตูจวิ้นจู่มีเรื่องเช่นนั้นอยู่ ถึงเห็นอะไรก็เป็นเรื่องต่ำ ๆ ไปหมด”
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางที่มีหน้าตางดงามตรงหน้ากลับมีวาจาเราะร้ายเช่นนี้ แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ไม่น่าคบหาด้วย
ถานอวี้ซูพูดจาดฉะฉาน และไม่แม้แต่จะสนใจหมิงตูจวิ้นจู่ที่อยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นทั้งสองเผชิญหน้ากัน คิดดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคงจะไม่ค่อยดีนัก
หมิงตูจวิ้นจู่ถูกถานอวี้ซูพูดเหน็บเช่นนี้ ใบหน้าขาว ๆ ก็ขึ้นสีแดงด้วยความโกรธ สายตากวาดไปทั่วผ่านชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย “พวกเจ้าถูกข้าจับได้แล้วว่าแอบฟังที่ข้ากับพี่จือเยว่คุยกัน แต่ก็ยังจะทำตัวกำเริบเสิบสานใช้อำนาจ ถานอวี้ซู เจ้าอย่าคิดว่าเป็นฮู้กั๋วจวิ้นจู่ที่โปรดปรานของไทเฮาแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ แอบฟังผู้อื่นคุยกันไม่ใช่สิ่งที่คนดี ๆ หรือสุภาพบุรุษเขาทำกัน”
ใบหน้าถานอวี้ซูเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาไม่มีความอ่อนแอเลยสักนิด “จวิ้นจู่เป็นหญิงสาว ไม่ได้เป็นบุรุษ”
“นี่เจ้า!” หมิงตูจวิ้นจู่รู้สึกเสียหน้า ดวงตากลมโตจ้องมองถานอวี้ซูอย่างเกลียดชัง
ดวงตาคู่นั้นเหมือนกำลังจะลุกเป็นไฟ นางเอาแต่จ้องมองด้วยความโกรธ และทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ประหลาดใจกับการเปลี่ยนสีหน้าที่เร็วเช่นนี้ ความโกรธบนใบหน้าจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเขินอายและอ่อนแอ อีกทั้งยังมีความรู้สึกที่คับแค้นใจ “พี่จือเยว่ พี่ดูพวกนางสิ แอบฟังพวกเราคุยกันไม่พอ ยังทำให้ข้าอับอายขายหน้าอีก”
สีหน้าของจือเยว่รู้สึกอึดอัดใจ แต่มันก็หายไปทันที และเขาก็หันไปปลอบใจหมิงตูจวิ้นจู่ “จวิ้นจู่ ได้ยินว่าวิวทิวทัศน์ในศาลาแปดเหลี่ยมวัดกว่างหยวนสวยงามมาก คิดดูแล้วฮู้กั๋วจวิ้นจู่ก็คงมาชมวิวทิวทัศน์ นอกจากนี้พวกนางไม่รู้ว่าข้าและจวิ้นจู่ก็มาที่วัดกว่างหยวนด้วย คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ไม่ทันระวังมาเจอกันเท่านั้นเอง”
ชายผู้นี้ยังรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่พบว่าชายคนนั้นกำลังมองนางด้วยดวงตาสีดำที่ลึกล้ำ กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและก้มศีรษะลง
สายตาที่กำลังมองอย่างสังเกตของชายผู้นั้นที่อยู่ข้างหมิงตูจวิ้นจู่ไม่เคยพลาด แต่เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่มองผู้หญิงที่ใส่ผ้าคลุมหน้าอย่างสนใจ สายตาก็สัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยม