ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 143 เทศกาลโคมไฟ
ตอนที่ 143 เทศกาลโคมไฟ
ตอนที่ 143 เทศกาลโคมไฟ
ในช่วงปีใหม่ กู้ซินเถาอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนเพราะบาดแผลบนหน้า นางรักสวยรักงามเป็นพิเศษจึงอับอายที่จะออกไปข้างนอก นอกจากนี้ซุนซื่อยังดูแลนางอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวว่าเมื่อออกไปข้างนอกจะมีอะไรบังเอิญไปโดนบาดแผลบนใบหน้าจนทำให้ติดเชื้อรุนแรงขึ้นอีก กู้ซินเถาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก
กู้ซินเถาอยู่ในเรือนตะวันตกที่ไม่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน นางเดินในลานบ้านกับซุนซื่อบ้างเป็นครั้งคราว มองไปที่เรือนหลังเก่าที่ใหญ่โตของตระกูลกู้ แล้วมองไปที่เรือนปีกตะวันตกที่โทรมเหมือนห้องเก็บฟืนที่ตนอาศัยอยู่ด้วยความโกรธและความขุ่นเคืองในใจ
“ท่านแม่ เราจะกลับเมืองตอนไหนเจ้าคะ!” กู้ซินเถาพูดอย่างไม่พอใจ
“ใกล้แล้ว ลูกรัก เจ้าคิดว่าแม่ไม่อยากกลับไปเร็วกว่านี้หรือ!” เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนไม่มีความสุข ซุนซื่อก็รีบปลอบนาง
“ท่านแม่เจ้าคะ เรือนหลังนี้ไม่มีแดดเลย มันน่าเบื่อที่จะต้องออกไปรับแสงแดดที่ลานหน้าบ้าน” กู้ซินเถาบ่น หลังจากคิดเรื่องนี้ นางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของซุนซื่อและพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ท่านแม่ พวกเรากลับเข้าเมืองไปแล้วซื้อบ้านกันเถอะ จะดีแค่ไหนถ้าเราได้อยู่ในเมือง!”
นางไม่อยากอยู่ในที่โทรม ๆ นี้เลย ทั้งชื้นทั้งโทรม หมู่บ้านนี้ไม่มีอะไรสนุกเลย พี่สาวน้องสาวทุกคนต่างอยู่ในเมืองกันหมด ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านนี้เป็นสาวบ้านนอกที่หยาบคาย เป็นเรื่องน่าละอายที่จะผูกมิตรกับพวกเขา
กู้ซินเถาเบื่อหน่ายมานาน และหัวใจของนางก็บินไปอยู่ในเมืองแล้ว
อยู่ที่นี่เหมือนไก่ไม่ออกไข่และสุนัขไม่ถ่ายมูล* ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน บ้านทั้งอับทั้งชื้น นางไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้สักวินาที แต่กู้ฉวนลู่ไม่ได้พูด กู้ซินเถาจึงไม่กล้าพูด
*การอธิบายสถานที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่านมีความหมายแฝงที่เสื่อมเสีย
กู้ฉวนลู่เป็นหัวหน้าของครอบครัวนี้
ซุนซื่อรู้ว่ากู้ซินเถาคิดอะไรอยู่ในใจ พูดตามตรงคือนางก็คิดเหมือนกับกู้ซินเถาทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ซุนซื่อก็เห็นด้วยกับสิ่งที่กู้ฉวนลู่พูดในครั้งที่แล้ว แต่ในปัจจุบันแผนการของทั้งคู่ไม่สามารถบอกกู้ซินเถาได้ และพวกเขาทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมกู้ซินเถาเท่านั้น
“ซินเถา พ่อของเจ้ามีบางสิ่งที่สำคัญมากที่ต้องทำเร็ว ๆ นี้ และแม่สัญญากับเจ้าว่าตราบใดที่เรื่องนี้เสร็จสิ้น แม่จะคุยกับพ่อและขอให้พ่อของเจ้าซื้อบ้านโดยเร็วที่สุด เช่นนี้ดีหรือไม่?”
“จริงหรือเจ้าคะ?” กู้ซินเถาถามกลับอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินว่าจะซื้อบ้านจริง ๆ
“แน่นอน แม่เคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไร” ซุนซื่อเกลี้ยกล่อมกู้ซินเถา
รอยแผลบนใบหน้าของกู้ซินเถาเกือบจะหายแล้ว และส่วนที่ตื้นขึ้นก็เริ่มหายดี คาดว่าอีกไม่นานก็จะหายสนิท
ในชั่วพริบตา เทศกาลโคมไฟก็ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้ผู้คนเรียกมันว่าเทศกาลซ่างหยวน หลังจากเทศกาลโคมไฟสิ้นสุดลง แสดงว่าปีนี้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว
ในวันนี้ผู้คนต้องกินถังหยวน เพลิดเพลินกับโคมไฟ เดาปริศนาโคมไฟ และพายเรือมังกร ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไรนัก
ในหมู่บ้านนี้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คาดหวังกิจกรรมใด ๆ การได้รับประทานอาหารที่ดีในเทศกาลโคมไฟก็ไม่เลว
ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานยุ่งมากตั้งแต่เช้าตรู่ กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทำถังหยวนได้ เพราะที่บ้านไม่มีงา น้ำตาล และอื่น ๆ หรือจะห่อเกี๊ยวและทำเกี๊ยวกิน
กู้เสี่ยวหวานสับเนื้อทั้งหมดแล้วส่งต่อเรื่องการบดเนื้อให้กู้หนิงผิง มือของกู้หนิงผิงนั้นแข็งแรง จนมีเสียงสับดังก้องไปทั้งบ้าน กู้เสี่ยวหวานหยิบแป้งออกมา นวดแป้งด้วยมือของนาง แล้วใช้ไม้นวดแป้งรีดแป้งให้เป็นแผ่นขนาดเท่ากัน
ถึงไม้นวดแป้งจะเป็นแค่ท่อนไม้ธรรมดา เมื่อทำความสะอาดและลอกเปลือกออกแล้วก็เหลือลำต้นข้างใน แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ยังใช้ได้ดี กู้หนิงอันกำลังจุดไฟอยู่หน้าเตา กู้เสี่ยวอี้กะพริบตาและมองดูกู้เสี่ยวหวานที่ยุ่งอยู่ด้วยดวงตาสีดำขนาดใหญ่ของเธอ
หม้อใบเล็กกำลังเดือดปุด ๆ และมีกลิ่นอบอวลที่ทำให้ผู้คนน้ำลายสอ
ในหม้อใบเล็กนั้นกำลังตุ๋นแม่ไก่แก่อยู่
เมื่อวานนี้ฉือโถวมาขอให้กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขาเพื่อร่วมเทศกาลโคมไฟ กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ปฏิเสธไป เทศกาลโคมไฟนี้หมายถึงการรวมตัว ฉะนั้นครอบครัวต้องนั่งทานข้าวด้วยกันถึงจะเรียกว่าการรวมตัว
เวลาไปเทศกาลโคมไฟที่บ้านคนอื่น นางรู้สึกเสมอว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างชัดเจน ท่านป้าจางและคนอื่น ๆ ก็ไม่ดื้อรั้นอีกต่อไป หลังจากกลับไป เขายังขอให้ฉือโถวเอาแม่ไก่แก่มาให้ด้วย
ฉือโถวบอกว่าแม่ไก่แก่มีอายุหลายปีและออกไข่ไม่ได้แล้ว เขาจึงนำมันมาให้พวกกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานมองไปที่แม่ไก่แก่ตัวใหญ่และปฏิเสธ แต่ฉือโถวก็ยังยืนยันที่จะให้
กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธไม่ได้จึงต้องยอมรับแม่ไก่แก่ แต่ในท้ายที่สุด เธอบังคับให้ฉือโถวนำมีดสองเล่มและกระดูกขนาดใหญ่สองสามชิ้นกลับไป
คืนนี้มีอาหารหลายอย่าง มีน้ำแกงแม่ไก่ หมูผัดซอสแดง ปลาผัดซอส ผัดหัวไชเท้า หน่อไม้ผัดผักดอง และเกี๊ยว เมื่อคิดถึงมัน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกพอใจมาก
นี่ดีกว่าตอนที่นางมาครั้งแรกสุด นางทำได้เพียงอาศัยข้าวฟ่างกวนที่ครอบครัวของท่านป้าจางเตรียมไว้ให้ถึงมีชีวิตรอด
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานยังไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ นางจึงมีการวางแผนสำหรับอนาคตของครอบครัวนี้ด้วย
แผ่นเกี๊ยวถูกรีดออกมาทีละชิ้น ไส้เกี๊ยวที่กู้หนิงผิงสับก็เสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงใส่เกลือลงไปแล้วเลียเพื่อชิมรสชาติ เมื่อพอใจแล้วก็เตรียมห่อ
ตอนนี้แผ่นเกี๊ยวและไส้เกี๊ยวพร้อมแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงเริ่มห่อเกี๊ยว
กู้หนิงผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้เกียจคร้าน เขาล้างมือและเข้ามาเพื่อห่อเกี๊ยว เขามีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว คราวนี้เขาจึงสามารถห่อเกี๊ยวได้ชำนาญขึ้น แผ่นเกี๊ยวที่รีดมีขนาดพอดีจึงมีความหนาเท่ากัน
กู้เสี่ยวอี้ก็ไม่ได้เกียจคร้านเช่นกัน เมื่อเห็นว่าพี่สาวกำลังเริ่มห่อเกี๊ยว นางก็ไปล้างมือ ยืนอยู่ข้างเตา และเริ่มห่อเกี๊ยวเช่นกัน
ทั้งสามคนห่อเกี๊ยวหลายสิบชิ้นในเวลาไม่นาน หลังจากทำเกี๊ยว น้ำแกงแม่ไก่แก่ในหม้อขนาดเล็กยังคงเดือดปุด ๆ และกู้เสี่ยวหวานจึงเริ่มเตรียมอาหารเย็น
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งสี่คนก็นั่งด้วยกันและรับประทานอาหารเย็นร่วมกันอย่างมีความสุข
เมื่อรอทุกอย่างพร้อม กู้เสี่ยวหวานก็นอนอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ พลางถอนหายใจ ปีแรกที่มาถึงโลกนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
นางหลับตาลง พรุ่งนี้จะต้องส่งกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงไปสำนักศึกษา ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปซื้อของเล็กน้อยในเมือง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นการฉลองเทศกาลโคมไฟที่เรียบง่ายอบอุ่นดีค่ะ ขอให้ชีวิตราบรื่นนะคะ
ไหหม่า(海馬)