ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1451 คำเชิญ
บทที่ 1451 คำเชิญ
เฮ้อ! กู้เสี้ยวหวานถอนหายใจออกมา นอนพิงอยู่บนไหล่ของฉินเย่จือราวกับหมึกยักษ์ที่เกาะอยู่บนตัวของฉินเย่จือ พร้อมพูดอย่างจำใจ “ข้าไม่ต้องการการมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าแค่ต้องการอยู่อย่างเงียบ ๆ”
ไม่รู้ว่าวันนี้นางทำให้ขุ่นเคืองใจไปกี่คนแล้ว
อย่างน้อยที่สุด หมิงตูจวิ้นจู่ผู้นั้นต้องไม่พอใจแน่นอน เห็นนางเดินจากไปด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งก็รู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้คงทำให้นางโกรธเกลียดมากแค่ไหน
ทั้งยังมีหญิงสาวคนอื่น ๆ อีก เกรงว่าคงทำให้พวกนางโกรธเคืองไปไม่น้อย
กู้เสี่ยวหวานคร่ำครวญอยู่ในใจ ออกจากบ้านไปร่วมงานเลี้ยงครั้งแรกก็ทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจแล้ว
ดูแล้ว แน่นอนว่าคงไม่มีผลดีตามมาแน่
เมื่อนึกถึงการนองเลือดที่จะเกิดขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกหนาวสั่น
ไม่ใช่เพราะกลัวพวกนาง
แต่ที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่ชนบทที่ทุกคนไม่มีภูมิหลัง ไม่มีการแข่งชนชั้น ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง หากเกิดความไม่พอใจก็ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา
แต่คนเหล่านี้แตกต่างออกไป ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของหญิงสาวที่ภายนอกดูสวยและอ่อนโยนเหล่านี้ล้วนเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โตในเมืองหลวง เบื้องหลังที่แสดงถึงอำนาจ ความสัมพันธ์ และการฆ่าฟัน
สำหรับผู้ที่มีเงิน มีอำนาจ และมีเส้นสายเหล่านี้ ก็สามารถแทงข้างหลังกันได้ง่าย ๆ เพียงคำพูดที่ง่ายดาย
แม้กู้เสี่ยวหวานจะรู้ว่านางเป็นเพียงเสี้ยนจู่อันผิงขุนนางระดับห้า แต่ถ้าพวกขุนนางระดับสูงผู้อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นลอบปองร้ายนาง นั่นคือการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ที่นี่ยังมีพี่น้องที่นางรักที่สุด ไหนจะท่านอาของนาง และผู้ชายที่นางรักที่สุด
กู้เสี้ยวหวานใช้มือสองข้างกอดฉินเย่จือแน่น ดึงศีรษะออกมาจากไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของฉินเย่จือ และใช้ปลายจมูกแตะไปที่ปลายจมูกของเขาเบา ๆ
นี่คือการกระทำที่นางชอบ นางชอบกอดเขา และสัมผัสที่สันจมูกของเขา
ฉินเย่จือปล่อยให้นางทำแบบนั้น นัยน์ตาเข้าของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลอย่างไม่อาจปิดมิด เขาเพียงแค่มองไปที่กู้เสี่ยวหวานตาไม่กะพริบ เพราะกลัวว่าภาพตรงหน้าจะหายไป
“ต่อไปท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี วันนี้ข้าทำให้หลายคนไม่พอใจ เกรงว่าพวกนางคงไม่วางมือจากเรื่องนี้” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยเสียงอ่อนล้า
มิน่าล่ะ แมวน้อยตัวนี้กลับมา แต่บนใบหน้ากลับไม่มีรอยยิ้ม เดิมทีนางคงคิดว่าตนเองทำให้ผู้มีอำนาจเหล่านั้นไม่รู้สึกพอใจ และกลัวว่าพวกเขาจะมาแก้แค้นคนในครอบครัวของนาง
“หวานเอ๋อร์” เมื่อฉินเย่จือเห็นท่าทางกังวลใจของกู้เสี้ยวหวาน จึงอยากบอกกับนางว่าไม่ต้องกังวล แต่เมื่อจะเอ่ยปากกลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมา
ตอนนี้ภายนอกเขาเป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่ง เขาจะมีคุณสมบัติอะไรไปเกลี้ยกล่อมแมวน้อยไม่ให้วิตกกังวลได้อย่างไร
ตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณมา หากราษฎรไม่ฟ้องร้อง ขุนนางก็จะไม่ไต่สวน แต่ไหนแต่ไรมามีแต่ขุนนางรังแกประชาชน ประชาชนจะรังแกขุนนางได้อย่างไร
ฉินเย่จือทำได้เพียงกอดกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง กระชับอ้อมกอดให้มากขึ้นโดยไม่รู้ว่าจิตใจนั้นล่องลอยหายไปไหนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่กู้เสี้ยวหวานลุกขึ้น อาจั่วก็เข้ามาพร้อมอ่างล้างหน้า หลังจากกู้เสี่ยวหวานล้างหน้าหวีผมแล้ว นางนำอาหารเช้ามาให้และคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย แล้วจึงนำของบางอย่างออกมาจากเสื้อ “คุณหนู นี่คือเทียบเชิญที่ตระกูลซูให้คนมาส่งเมื่อเช้าตรู่”
ตระกูลซู
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว นึกถึงสาวน้อยน่ารักเมื่อวานที่ดูสนิทสนมกับซูหมิ่นผู้นั้น
อย่างที่คิด ทันทีที่เปิดเทียบเชิญก็เห็นคำว่า ซูเฉี่ยนเยว่
ต้องการเชิญนางไปรับประทานอาหารที่ร้านฝูจิ่นในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เทียบเชิญโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นโยนไว้ข้าง ๆ แล้วรับประทานอาหารต่อ
อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าหญิงสาวไม่พูดอะไร อีกทั้งใบหน้ายังเศร้าหมอง นางจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “คุณหนู ต้องการให้ข้าเลื่อนนัดหรือไม่”
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานทานเกี๊ยวชิ้นสุดท้ายหมดแล้ว จึงเช็ดปากอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องหรอก หากเราอยู่ในอาณาเขตของเรา นางจะกล้าทำอะไรข้าได้”
หากกู้เสี่ยวหวานเดาไม่ผิด ซูเฉี่ยนเยว่ผู้นั้นถึงกับเชิญนางไปทานอาหารที่ร้านฝูจิ่น แน่นอนว่าต้องมีความคิดอะไรอีกแน่
ร้านฝูจิ่นเป็นร้านสำหรับหม้อไฟ เป็นไปได้ว่านางต้องการเห็นกู้เสี่ยวหวานประหลาดใจ
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ๆ อาจไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป
อีกทั้งกู้เสี่ยวหวานและซูเฉี่ยนเยว่ผู้นั้นไม่ได้มีความสนิทสนมอะไรกัน ทำไมหลังจากการพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว ถึงได้เชิญนางไปรับประทานอาหาร
ความสัมพันธ์ของซูเฉี่ยนเยว่ผู้นี้กับหมิงตู้จวิ้นจู่ไม่ธรรมดา อีกทั้งพี่ชายของนางก็เป็นคนรักของหมิงตูจวิ้นจู่ เช่นนี้นางจะคิดอย่างไร
กู้เสี่ยวไม่ได้พูดอะไร มองไปที่คำเชิญอีกครั้งแล้วพูดว่า “ตอบกลับไปว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปตรงเวลาแน่นอน” อาจั่วรับคำสั่งทันที และเมื่อกำลังจะออกไปก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยว่า “ไปแจ้งจวิ้นจู่เรื่องนี้ด้วย”
ในวันที่สอง กู้เสี่ยวหวานแต่งตัวด้วยชุดธรรมดา
เพียงแค่การไปกินหม้อไฟ ด้านในคงเต็มไปด้วยควัน ถ้าสวมชุดที่ดูซับซ้อนคงไม่สะดวกสบายแน่ อีกทั้งผมก็ต้องหวีผมมวยขึ้น ไม่อย่างนั้นเมื่อเวลาก้มศีรษะลง ผมคงตกลงไปในหม้อน้ำแกง เช่นนั้นคงไม่ดีแน่
กู้เหสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าสีดำ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีแดง และรัดเอวด้วยผ้าคาดเอวสีแดง ทำให้ส่วนเว้าส่วนโค้งให้ดูน่าสนใจมากขึ้น
ผมของนางถูกหวีรวบไปทางด้านหลัง ผมดำเงางามถูกเกล้าเป็นมวยไว้บนศีรษะ ใช้ปิ่นปักผมลวดลายกล้วยไม้ยึดไว้ ผมที่เหลือถักเปียไว้ด้านในแล้วพันด้วยเชือกสีแดง
ดูเรียบง่าย แต่ดูดีและเหมาะสม
รถม้ามาถึงร้านฝูจิ่นด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่ลงจากรถม้าก็เห็นคนที่ดูเหมือนสาวใช้ยืนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นรถม้ากำลังมา จึงรีบออกมาข้างหน้าเพื่อดูและก็พบว่านี่คือรถม้าของเสี้ยนจู่
อาจั่วส่งเสียงออกมา พร้อมประคองกู้เสี่ยวหวานลงจากรถม้า
เมื่อสาวใช้ผู้น้อยเห็นกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัว และเห็นนางสวมชุดที่เรียบง่ายเช่นนี้ก็ตกใจยิ่งนัก
แต่อย่างไรเสีย นางก็เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน อีกทั้งนางเป็นคนรับใช้ส่วนตัวที่คอยติดตามซูเฉี่ยนเยว่ ชุยจู่ยืนรอต้อนรับอยู่ข้าง ๆ รถม้าด้วยรอยยิ้ม “เสี้ยนจู่อันผิง คุณหนูของข้ากำลังรอท่านอยู่ข้างใน”
กู้เสี่ยวหวานก้าวตามนางเข้าไปด้านใน ผ่านห้องโถงใหญ่ขึ้นไปยังชั้นสาม
เมื่อมาถึงห้องรับรองที่ปีกด้านข้างก็เห็นหลี่ฝานยืนทักทายอยู่ด้านใน
“คุณหนูซู ไม่ได้พบท่านนานแล้ว” ซูเฉียนเยว่เป็นแขกประจำของที่นี่ จึงแวะมาที่นี่บ่อย ๆ
ซูเฉี่ยนเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้าได้เชิญแขกคนสำคัญมา เลยแวะมาทักทายเถ้าแก่หลี่เสียก่อน โปรดอย่าทำให้แขกท่านนี้ของข้าตกใจ”