ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1452 จงใจขุดหลุม
บทที่ 1452 จงใจขุดหลุม
“อ๋อ แขกคนพิเศษหรือ” หลี่ฝานถามด้วยความอยากรู้
เป็นเวลาเดียวกับที่ชุยจู่มารายงานพอดี “คุณหนู เสี้ยนจู่อันผิงมาถึงแล้ว”
ในเวลาเดียวกับที่หลี่ฝานหันมาทางนี้พอดี สายตาของเขามองตรงไปที่กู้เสี่ยวหวาน ทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาและทำเป็นว่าไม่รู้จักกัน จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่น
“คุณหนูซู”
“เสี้ยนจู่อันผิง” ซูเฉี่ยนเยว่รีบมาต้อนรับข้างหน้า นางจับมือกู้เสี่ยวหวานแน่นพร้อมพูดอย่างขอโทษว่า “ว่าตามหลักแล้ว ข้าควรเป็นคนลงไปต้อนรับท่าน เพียงแต่ข้าค่อนข้างไม่สะดวก หากครั้งต่อไปจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ข้าจะเป็นคนไปต้อนรับแขกคนสำคัญที่ประตู”
กู้เสี้ยวหวานประตุกยิ้มมุมปาก “คุณหนูซูเกรงใจเกินไปแล้ว”
สายตาที่สังเกตได้ยากของซูเฉี่ยนเยว่จ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างตำหนิ ในตอนแรกที่พบนาง เห็นนางสวมชุดสีดำที่ดูสกปรก ในใจก็รู้สึกประหลาดใจ หากแต่มันก็หายวับไปในพริบตา
“มา ๆ รีบนั้งลงเถอะ วันนี้ข้ายังเชิญคุณหนูหวงมาด้วย ว่าตามจริงแล้วก็ควรจะรีบมา ชุยจู่ลงไปต้อนรับคุณหนูหวงเสีย”
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้านั่งตรงที่ที่ซูเฉี่ยนเยว่จัดไว้ให้ซึ่งเป็นที่นั่งที่แรกสำหรับแขกคนสำคัญ แม้ว่าคนที่มาจะมีเพียงสามคน แต่ที่นั่งที่ถูกจัดไว้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นที่ที่ทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดได้
“เสี้ยนจู่อันผิง ท่านมาที่เมืองหลวงครั้งแรกก็มาเป็นแขกของพวกเรา ตำแหน่งตรงนี้เดิมทีก็จัดไว้ให้ท่านนั่ง” ซูเฉี่ยนเยว่จูงมือกู้เสี่ยวหวานไปยังตำแหน่งนั้น
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า “คุณหนูซู วันนี้เจ้าเป็นเจ้าภาพ ที่นั่งแขกตรงนี้ควรเป็นของเจ้า”
“วันนี้ข้าเป็นเจ้าภาพ แต่เจ้าเป็นแขก จะให้เจ้าภาพนั่งอยู่ในที่นั่งของแขกได้อย่างไร มา ๆ เจ้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก เจ้านั่งเถอะ”
ซูเฉี่ยนเยว่รอไม่ไหว นางเข้าไปจับมือของกู้เสี่ยวหวานไว้ และจูงมือนางเดินไปที่ตำแหน่งบนสุดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
หลี่ฝานที่อยู่ข้าง ๆ เห็นซูเฉี่ยนเยว่มีน้ำใจเช่นนี้ จึงเกิดความสงสัยและเคลือบแคลงใจ
ซูเฉี่ยนเยว่คนนี้เป็นลูกสาวของเสมียน ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับหมิงตูจวิ้นจู่ ปกติไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา
เมื่อมาถึงร้านฝูจิ่นเพื่อทานหม้อไฟ มีเพียงหลี่ฝานเท่านั้นที่เห็นซูเฉี่ยนเยว่นั่งอยู่ด้านบนสุด นางเคยมีท่าทางเหมือนวันนี้เสียที่ไหนที่ร้อนใจอยากให้กู้เสี่ยวหวานไปนั่งที่ตำแหน่งบนสุด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่ฝานจึงแอบเพ่งมองไปที่นางพร้อมส่ายหัว
กู้เสี่ยวหวานเลี่ยงคำเชิญของอีกฝ่ายอย่างแนบเนียนและยืนอยู่ข้าง ๆ ซูเฉี่ยนเยว่ผู้นี้รีบร้อนให้นางนั่งลงเช่นนี้ หรือว่านางมีแผนการอะไรแอบแฝง
เมื่อนึกถึงว่าซูเฉี่ยนเยว่ยังเชิญใครก็ไม่รู้มาอีกคน สายตาของกู้เสี่ยวหวานก็ปฏิเสธอย่างไม่มีข้อกังขา “คุณหนูซู ตอนนี้ยังมีแขกอีกคนที่ยังไม่มา ถ้าอย่างนั้นรอให้แขกมาครบแล้วค่อยนั่งเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานถอยหลังไปสองก้าวเพื่อออกห่างจากตัวของซูเฉี่ยนเยว่ ดูเหมือนว่าซูเฉี่ยนเยว่จะยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ นางก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อคว้าแขนของกู้เสี่ยวหวานไว้ อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ ก้าวไปหยุดอยู่ข้างหน้าอย่างว่องไว เพื่อยืนอยู่ข้างหน้ากู้เสี่ยวหวาน ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างกู้เสี่ยวหวานและซูเฉี่ยนเยว่ เพื่อขวางทั้งสองเอาไว้
ใบหน้าของซูเฉี่ยนเยว่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่นางกลับไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมาแม้แต่น้อย ริมฝีปากจึงได้แต่คลี่ยิ้มอย่างจำใจ “ได้สิ งั้นรออีกหน่อยเถอะ”
จากนั้นก็ฉวยโอกาสนี้ ซูเฉี่ยนเยว่ชี้ไปที่หลี่ฝาน “เสี้ยนจู่ นี่คือเถ้าแก่หลี่เจ้าของร้านฝูจิ่น เมื่อครู่ข้าเพิ่งสั่งอาหารไป ท่านอยากลองดูอีกหน่อยไหม ดูว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหม”
กู้เสี่ยวหวานมองหลี่ฝาน ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้า “วันนี้มาเป็นแขกของคุณหนูซู จะให้ข้าทำเกินหน้าเกินตาได้อย่างไร ที่คุณหนูซูสั่งนั่นดีแล้ว”
ซูเฉี่ยนเยว่เห็นว่ากู้เสี้ยวหวานทำตัวห่างเหินอยู่ตลอด ใบหน้าแสดงความแข็งกระด้าง แต่เมื่อได้ยินชุยจู่เข้ามารายงานว่าหวงหรูซื่อมาถึงแล้ว สีหน้าของนางจึงกลับมาเป็นปกติ “พี่หวง”
วันนี้หวงหรูซื่อสวมชุดสีเหลืองนวล สว่างไสวราวกับดอกมะลิเหมันต์ในฤดูใบไม้ผลิ
ซูเฉี่ยนเยว่มองไปยังสองคนที่ยื่นอยู่ข้างกายนาง คนหนึ่งแต่งตัวเรียบง่าย แต่กลับทำให้คนต้องนับถือความสามารถในการเลือกเสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวาน ร่างที่สวมชุดสีดำทั้งตัวนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเครื่องประดับสีแดงขับให้ผิวของนางดูขาวใสยิ่งกว่าหิมะ
สำหรับหวงหรูซื่อ นางสวมชุดสีเหลืองนวล สดใสราวกับผีเสื้อเต้นรำ ริมฝีปากมีสีแดงสด ใบหน้าขาวราวกับหิมะ ผมสีดำขลับราวกับน้ำหมึก เครื่องแต่งกายที่ดูเลิศหรูอลังการเช่นนั้นราวกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่านางเป็นลูกสาวของท่านเสมียน
“ท่านพี่หวง ท่านมาแล้ว” ซูเฉี่ยนเยว่มองอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
หวงหรูซื่อเป็นลูกสาวคนโตของท่านเสมียน ฐานะของทั้งสองไม่ได้ต่างกันนัก แต่เมื่อซูเฉี่ยนเยว่อยู่ข้างหน้า หวงหรูซื่อก็ยังดูด้อยกว่าเล็กน้อย
หลังจากเห็นกู้เสี่ยวหวาน หวงหรูซื่อผู้นั้นจึงเชิดหน้าขึ้น ยกกระโปรงขึ้น และเดินไปยังที่นั่งด้านบนสุด
ซูเฉี่ยนเยว่รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจูงมือของหวงหรูซื่อ เพื่อเดินไปที่ตำแหน่งแรกด้านบน “ท่านพี่”
หวงหรูซื่อไม่แม้แต่จะคิดและนั่งลงทันที การกระทำที่เป็นไปตามธรรมชาติเช่นนี้
กู้เสี่ยวหวานเห็นพวกนางสองคนไม่มีความเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ จึงยิ้มเยาะในใจ
ซูเฉี่ยนเยว่ผู้นี้ ทันทีที่มาก็ขุดหลุมให้ตัวเองกระโดดลงไป
ถ้าเมื่อครู่นางรับคำเชิญของซูเฉี่ยนเยว่ก็ยากที่จะปฏิเสธ และนั่งตรงตำแหน่งนั้นอย่างไม่ทันระวัง หวงหรูซื่อผู้นั้นมาเห็นว่าเดิมทีตำแหน่งที่นั่งที่ควรจะเป็นของตนถูกคนอื่นนั่งแล้ว ตามนิสัยของหวงหรูซื่อแล้ว นางจะต้องไม่พอใจมากแน่ ๆ
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานนิ่งเรียบอยู่ตลอด หลังจากเห็นหวงหรูซื่อนั่งลงแล้ว ใบหน้าของนางก็ไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย
ซูเฉี่ยนเยว่แอบชำเลืองมองกู้เสี้ยวหวาน เมื่อเห็นหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อยก็รู้สึกประหลาดใจ
ใบหน้าของซูเฉี่ยนเยว่แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
“เสี้ยนจู่อันผิง เชิญนั่งเจ้าค่ะ” นางชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ไม่ไกลจากหวงหรูซื่อ และพูดอย่างขอโทษเล็กน้อย
กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจสายตาที่แสดงความขอโทษของซูเฉี่ยนเยว่ แต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น หลังจากทักทายหวงหรูซื่อเสร็จ จึงหาที่นั่งสำหรับตนเองแล้วนั่งลง
วันนี้มีแค่พวกเราสามคน ซูเฉียนเยว่จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี้ยนจู่อันผิง เช่นนั้นท่านไปนั่งข้าง ๆ คุณหนูหวงเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มพลางนั่งลงบนที่นั่งที่เว้นห่างจากหวงหรูซื่อหนึ่งที่
เดิมทีหวงหรูซื่อก็ไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ข้างนาง เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนั่งห่างออกไป ในใจก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย