ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1453 ทำให้ขายหน้า
บทที่ 1453 ทำให้ขายหน้า
แต่ว่าก็เกิดความไม่พอใจขึ้นในทันที “เสี้ยนจู่อันผิง ร่างกายของข้ามีหนามงอกออกมาหรืออย่างไร เหตุใดเจ้าถึงนั่งห่างจากข้าเช่นนั้น”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มพลางมองหวงหรูซื่อที่มีหนามบนร่างกายเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอธิบายว่า “ไม่ใช่หรอก วันนี้คุณหนูหวงแต่งตัวหรูหราเช่นนี้ ข้าแค่กลัวว่าข้าจะไม่ระวังเผลอทำน้ำแกงกระเด็นไปโดนตัวคุณหนูหวงเข้า เช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว”
“เหอะ” หวงหรูซื่อส่งเสียงฮึดฮัดเสียงเย็น มองดูกู้เสี่ยวหวานที่แต่งตัววันนี้อย่างเรียบง่ายด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นหญิงสาวมาจากชนบท ไม่รู้ว่ามารยาทที่กินหม้อไฟนั้นจะมีสักหน่อยไหม”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เย็นเยือกลงเล็กน้อย ในเวลานี้ เด็กรับใช้ได้เคาะประตู ในถือหม้อน้ำแกงของวันนี้เข้ามาพอดี
“คุณหนูหวง ข้าได้สั่งน้ำแกงเห็ดที่เจ้าชอบเอาไว้ด้วย เจ้าดูสิ” ซูเฉี่ยนเยว่ยิ้มพลางสั่งให้นำหม้อซุปเห็ดไปวางไว้ตรงหน้าหวงหรูซื่อและมีเด็กรับใช้จุดเตาถ่านให้
ซูเฉี่ยนเยว่ได้สั่งน้ำแกงไก่และน้ำแกงผักไว้อีกอย่างละหนึ่ง ซึ่งก็วางเอาไว้ตรงหน้าของกู้เสี่ยวหวาน
รอจนเด็กรับใช้ออกไปแล้ว ซูเฉี่ยนเยว่ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าในร้านฝูจิ่นนี้ น้ำแกงผักเป็นน้ำแกงที่ขายดีที่สุดของที่นี่ ว่ากันว่าในนี่มีของดีมากมาย โสมเอย เขากวางเอย แล้วก็อื่น ๆ อีก ใช้เวลาเคี่ยวนานมากกว่าจะเคี่ยวจนได้ที่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่ชอบอะไร จึงตั้งใจสั่งน้ำแกงผักเป็นพิเศษซึ่งไม่มีข้อผิดพลาดมากที่สุดไว้”
กู้เสี่ยวหวานมองดูน้ำแกงผักที่อยู่ตรงหน้าจึงยิ้มและพูดด้วยท่าทางดี ๆ
นี่มันหมายความว่าอย่างไรที่ซูเฉี่ยนเยว่เชิญตัวเองมากินหม้อไฟในวันนี้
พวกนางทั้งสองคน คนหนึ่งสั่งน้ำแกงเห็ด คนหนึ่งสั่งน้ำแกงไก่ ซึ่งเป็นน้ำแกงที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่
แต่สั่งน้ำแกงผักไว้ให้นาง สูตรในน้ำแกงผักนี้ก็ปรุงโดยกู้เสี่ยวหวานเอง
ส่วนผสมข้างในนั้นนางรู้ดีอย่างแจ่มแจ้ง ก็แค่ผัก หัวไชเท้า เห็ดหอม เห็ดหูหนู และวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมายที่ผสมกัน มันเป็นแค่น้ำแกงผักที่ใช้ผักเคี่ยวเท่านั้น ตอนนั้นที่ทำน้ำแกงนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าบางคนที่ฐานะไม่ได้ดีมาก
หากสั่งน้ำแกงเห็ดก็มีราคาหม้อละหนึ่งร้อยเหรียญ งั้นน้ำแกงผักนี้ก็ราคาแค่หม้อละยี่สิบเหรียญแล้ว
น้ำแกงผักเป็นน้ำแกงที่ถูกที่สุดในร้านฝูจิ่นแล้ว
แต่ซูเฉี่ยนเยว่ต้องการโกหกตัวเองว่าน้ำแกงนี้เป็นน้ำแกงที่ดีที่สุด ในนี้ยังใช้โสมและเขากวางด้วย
ใช้ส่วนผสมพวกนี้งั้นหรือ?
ทำไมหลี่ฝานจึงเปลี่ยนสูตรโดยที่นางไม่รู้เรื่องเลย
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ฟังคำพูดของซูเฉี่ยนเยว่แล้วก็หัวเราะเยาะในใจ หลี่ฝานไม่มีทางที่จะเปลี่ยนส่วนผสมได้ เช่นนั้นก็เป็นซูเฉี่ยนเยว่ที่กำลังโกหกนางแล้ว
เมื่อหวงหรูซื่อได้ยินซูเฉี่ยนเยว่พูดว่าน้ำแกงผักนี้เป็นน้ำแกงที่ดีที่สุดของร้านฝูจิ่นที่ใช้โสมและเขากวางเคี่ยวออกมาก็ปิดปากหัวเราะ
จากนั้นเหมือนกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเกิดความสงสัยจึงยิ้มพลางพูดว่า “เสี้ยนจู่ นี่เป็นของดีนะ ถ้าหากกินเสร็จแล้วก็จะต้องดื่มน้ำแกงเข้าไปด้วย ในนี้เคี่ยวจากโสมและเขากวาง มีแต่ของดีที่เจ้าคงไม่เคยได้กินมาก่อน”
ซูเฉี่ยนเยว่เองก็ยิ้มแล้วสนับสนุน “ใช่แล้ว น้ำแกงนี้มีสารอาหารบำรุงร่างกายมาก อีกเดี๋ยวต้องดื่มให้หมดนะ”
ในที่สุด ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจแล้วว่าสองคนนี้เรียกตัวเองมาทานข้าวนั้นหมายถึงอะไร
ตอนแรกพวกนางทั้งสองคงจะเดาได้ว่าตัวเองไม่เคยกินหม้อไฟมาก่อนและไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะต้องกินอย่างไร จึงจงใจพาตัวเองมาทำให้อับอายขายหน้า
สองคนนี้กำลังคิดร้ายต่อนางจริง ๆ
ในเมื่อพวกนางอยากเล่นงานตัวเอง เช่นนั้นก็จะเล่นกับพวกนางให้ดี ๆ แล้วกัน
เพียงประโยคเดียวรอยยิ้มบนใบหน้าของหวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่ก็แข็งทื่อ หรือว่าตัวเองนั้นยังจะต้องดื่มด้วยอีก กู้เสี่ยวหวานนั้นถึงจะดื่มตาม
หลังจากที่หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่สบตาก็ได้แลกเปลี่ยนสายตากัน ในเวลานี้เด็กรับใช้ก็ถือวัตถุดิบเข้ามาอีกครั้ง
หลังจากที่วางทุกอย่างไว้บนโต๊ะหมดแล้ว เด็กรับใช้ก็ก้มหน้าลงแล้วบอกว่า อาหารครบแล้ว โปรดเพลิดเพลินกับการทานอาหาร แล้วจึงถอยกลับไปอย่างระมัดระวัง
อาหารถูกยกมาไว้บนโต๊ะแล้ว หม้อไฟเองก็เริ่มเดือดแล้ว
หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่ค่อย ๆ เปิดฝาหม้อใบเล็ก กู้เสี่ยวหวานเองก็แสร้งทำเป็นว่านางได้มากินหม้อไฟเป็นครั้งแรกด้วยท่าทางที่ไม่เข้าใจ เลียนแบบพวกนางที่เปิดฝาหม้อ
จากนั้นก็เลียนแบบท่าทางของพวกนางอีกที่เอาวัตถุดิบตรงหน้ามาใส่ในหม้อ
กู้เสี่ยวหวานทำเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งกินหม้อไฟเป็นครั้งแรก ด้วยท่าทางที่เงอะงะของกู้เสี่ยวหวาน ทำให้หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่มีความสุขในใจ
เมื่อเห็นหวงหรูซื่อเพิ่งเอาเนื้อแกะจุ่มลงไปในน้ำแล้วตักขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานเห็นบนเนื้อแกะนั้นยังมีเลือดสีแดงติดอยู่ จากนั้นก็ได้ยินหวงหรูซื่อพูดว่า “เสี้ยนจู่ เจ้าลองชิมเร็วเข้า นี่เป็นอาหารแนะนำของร้านจิ่นฝู หม้อไฟเนื้อแกะ รีบชิมเร็ว”
กู้เสี่ยวหวานมองเนื้อแกะชิ้นนั้นที่ยังมีเลือดติดอยู่ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “ของสิ่งนี้แค่จุ่มลงไปก็กินได้แล้วหรือ”
“อื้อ! กินได้แล้ว เจ้ารีบชิมเร็วเข้า อร่อยมากใช่ไหม เฉี่ยนเยว่” หวงหรูซื่อมองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ
ซูเฉี่ยนเยว่พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยคาดหวัง “ใช่แล้ว เสี้ยนจู่อันผิง เจ้ารีบชิมดู อย่าให้ความหวังดีของคุณหนูหวงต้องผิดหวังแล้ว”
ความหวังดี
อาจั่วที่อยู่ด้านหลังเห็นการกระทำของหวงหรูซื่อก็ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความกังวลเล็กน้อย
กู้เสี่ยวหวานเห็นเนื้อแกะในจานมีเลือดก็ไม่ได้ใช้ตะเกียบไปคีบ แต่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อแกะใหม่อีกสองชิ้น หลังจากต้มใส่ในหม้อน้ำแกงผักแล้วก็ตักขึ้นมา ชิ้นหนึ่งถูกคีบขึ้นมาแล้ววางไว้ในจานของหวงหรูซื่อ อีกชิ้นคีบขึ้นมาแล้ววางไว้ในจานของซูเฉี่ยนเยว่
“คุณหนูหวง คุณหนูซู จะให้เสี่ยวหวานขยับตะเกียบก่อนท่านทั้งสองคนได้อย่างไรกัน นี่เพิ่งลวกเนื้อลงไปเมื่อครู่นี้ ท่านทั้งสองลองชิมดูก่อนสิว่าเสี่ยวหวานลวกได้ดีหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานมีรอยยิ้มบนใบหน้าด้วยท่าทางจริงใจ
หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่มองเนื้อแกะที่ยังมีติดเลือดอยู่ในจาน จะกินก็ไม่ได้ จะไม่กินก็ไม่ได้
กินหรือ เนื้อแกะที่ติดเลือดนี่จะเอาเข้าปากแล้วกินเข้าไปได้อย่างไร
ไม่กินหรือ เช่นนั้นที่หวงหรูซื่อเพิ่งจะคีบไว้ในจานของกู้เสี่ยวหวานก็เป็นเนื้อแกะที่ติดเลือดนี้ด้วย
ต้องให้เหตุผลที่จะไม่กินแล้ว
กู้เสี่ยวหวานมองซูเฉี่ยนเยว่และหวงหรูซื่ออย่างตั้งตารอคอยด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่นั้นขยับตะเกียบกินลงไปไม่ได้จริง ๆ สุดท้ายหวงหรูซื่อจึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เสี้ยนจู่อันผิงเกรงใจแล้วจริง ๆ เพียงแต่ข้าไม่ชอบกินเนื้อแกะ ข้าชอบกินอาหารจานผักรองท้องก่อน ไม่เช่นนั้นเนื้อแกะนี่ค่อยกินทีหลังเถอะ”