ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1459 ช่วยเจ้าลดน้ำหนัก
บทที่ 1459 ช่วยเจ้าลดน้ำหนัก
เป็นเพราะความลำเอียงของฟางเจิ้งสิง สถานการณ์ของหลูเหวินซินในตระกูลฟางจึงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่บุตรสาวอย่างฟางเพ่ยหยาเองก็ด้วย ทั้งตระกูลฟางก็มีเพียงฟางเพ่ยหยาและหลูเหวินซินเพียงเท่านั้นที่แขวนชื่อเสียงไว้ว่าเป็นบุตรสาวและฮูหยินของตระกูลฟาง ที่เหลือนอกจากนั้นขอแค่เป็นเรื่องผลประโยชน์ต่าง ๆ ล้วนเป็นของหลิวซื่อสามคนแม่ลูกนั่น
ทุกวันและคืนที่ผ่านไป ความเจ็บปวดอันขมขื่นนี้ก็มีเพียงแต่หลูเหวินซินและฟางเพ่ยหยาเท่านั้นที่รับรู้
เสี่ยวเยว่ร้องไห้เสียใจ ฟางเพ่ยหยาเองก็เช่นเดียวกัน นางฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา
ในจวนไม่มีใครให้พึ่งพาได้เลยสักคน นางและมารดาเป็นเหมือนน้ำน้อยที่ย่อมแพ้ไฟ สถานการณ์ทางฝั่งท่านตาในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ยิ่งไม่อยู่ในสายตาของฟางเจิ้งสิง ไม่มีผู้ใดสามารถพูดแทนนางและมารดาได้เลยจริง ๆ
หลังจากถานอวี้ซูได้ฟังแล้วก็ยิ่งโกรธจนกระทืบเท้า “ฟางเจิ้งสิงผู้นี้นี่น่ารังเกียจมากจริง ๆ อาศัยตระกูลหลูไต่เต้าปีนขึ้นไปทีละขั้นจนมีตำแหน่งใหญ่โต แต่จิตใจนี้กลับยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เชิดหน้าเชิดตาอนุให้เกินหน้าเกินตาภรรยาเอก แท้จริงแล้วมีความสามารถอะไรกันถึงได้มาอยู่ในตำแหน่งขุนนางระดับสองนี้ได้”
กู้เสี่ยวหวานหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วส่งให้ฟางเพ่ยหยาพลางปลอบใจนาง “เพ่ยหยา เจ้าหยุดร้องไห้ก่อน หากมีปัญหา พวกเราก็มาแก้ไขด้วยกันเถอะ”
ฟางเพ่ยหยาหยุดร้องไห้และพยักหน้า ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาแล้วพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณท่านพี่ ข้าเพียงแค่รู้สึกอัดอั้นในใจ ตอนนี้พอได้พูดออกมาก็ดีมากขึ้นแล้ว”
“ดีขึ้นอะไรกัน เจ้าอ่อนแอมากเกินไปแล้ว” ถานอวี้ซูพูดด้วยท่าทางที่ไม่พอใจว่า “ลูกอนุตระกูลฟางสองคนนั้นต้องการจะปีนขึ้นไปขี้บนหัวของเจ้าแล้ว ยังมีหลิวซื่อผู้นั้นอีก คิดไม่ถึงว่าจะถูกยกให้เป็นภรรยารอง”
“ท่านพ่อพูดกับท่านแม่ข้าว่า ข้าโตแล้วหน้าตาไม่งดงาม ไม่เหมือนกับน้องสาวสองคนนั้นที่ดูดี อีกทั้งตระกูลฟางในตอนนี้ก็ไม่มีบุรุษสืบทอด อนาคตในจวนจะต้องพึ่งพาฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นแล้ว บอกว่าทั้งสองนั้นหน้าตางดงาม ถ้าหากยกหลิวซื่อให้เป็นภรรยารอง ในอนาคตฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นเองก็เป็นบุตรสาวสายตรงเช่นกัน ถ้าหากพวกนางเลือกลูกเขยจะต้องดีและไม่แย่แน่นอน” ฟางเพ่ยหยาพูดอย่างสะอึกสะอื้น
“พูดจาเหลวไหล” ถานอวี้ซูแค่นเสียงเย็น “เจ้าดูเจ้าสิ เจ้ามีตรงไหนที่ไม่ดีกันนอกจากอ้วนแค่นิดเดียว ไม่ว่าตรงไหนเจ้าก็ดูดี ทั้งอ่อนโยนและมีน้ำใจ เทียบกับจิ้งจอกสองคนนั้นแล้ว เจ้าเหมือนเป็นนายหญิงมากกว่าเสียอีก”
กู้เสี่ยวหวานมองฟางเพ่ยหยาก็เห็นว่านางนั้นอ้วนจริง ๆ
ร่างกายบวมไปทั้งตัว เนื้อบนตัวนั้นห้อยย้อยลงมาเหมือนกับห่วงยางว่ายน้ำ พอนั่งลงแล้วก็เป็นห่วง ๆ
“ยามปกติเจ้าชอบกินอะไร” จู่ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็ถาม ฟางเพ่ยหยานั้นเช็ดน้ำตา ร้องฮะ มองกู้เสี่ยวหวานอย่างงงวย “ท่านพี่ ท่านถามเช่นนี้ทำไมกัน”
“ข้าก็แค่ถามดู”
“ปกติข้าชอบกินอาหารคาว พวกอาหารคาวจะทานเยอะขึ้นหน่อย อย่างเช่นพวกไก่พวกเนื้ออะไรทำนองนี้”
“วิธีการทำล่ะ”
“ตุ๋น”
นางกินอาหารที่มีน้ำมันเยอะมาก ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะอ้วนเช่นนี้
“รูปร่างของฮูหยินฟางนั้นเป็นอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานถาม เนื่องจากบางคนนั้นอ้วนเพราะเป็นกรรมพันธุ์ ถ้าหากมารดาของฟางเพ่ยหยาเองนั้นก็อ้วนมากเช่นกัน กลัวว่าจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์แล้วล่ะ
“ดูดีมาก ท่านแม่ของข้าผอมมาก”
“ท่านพี่ ท่านถามเช่นนี้ทำไมกัน” ถามอวี้ซูเองก็รู้สึกสงสัยแล้ว จึงถามอย่างแปลกใจ
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะแล้วเหลือบมองถานอวี้ซูแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปทางฟางเพ่ยหยา “ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าผอมลงได้ เจ้าอยากจะลองดูสักหน่อยหรือไม่ แต่ว่าข้าจะต้องบอกเจ้าไว้ก่อนนะว่าขั้นตอนนี้จะยาวนานและยังยากลำบากมากด้วย”
“อะไรนะ” น้ำตาของฟางเพ่ยหยาที่ติดอยู่บนขนตายังไม่ทันจะเช็ดออกหมดก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยปากว่ามีวิธีที่จะทำให้ผอมลง นางจึงตกตะลึงมาก “ท่านพี่”
“ท่านพี่ ที่ท่านพูดนั้นจริงหรือ” ถานอวี้ซูได้ยินอย่างชัดเจน จึงวิ่งไปอยู่ด้านข้างกู้เสี่ยวหวานอย่างดีใจพลางจับข้อมือของกู้เสี่ยวหวานแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านบอกว่าเพ่ยหยาสามารถผอมลงได้หรือ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าพลางพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “แต่ว่าต้องทำตามวิธีของข้านะ แม้จะยากลำบากมาก แต่ว่านี่ก็เป็นวิธีเดียวแล้ว เจ้าเต็มใจหรือไม่”
“เต็มใจ ๆ ข้าเต็มใจแน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ข้าผอมลงเท่านั้น ไม่ว่าจะยากลำบากมากแค่ไหนข้าก็ทนได้” ฟางเพ่ยหยาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นและพูดอย่างดีใจ ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงเป็นเส้นตรงจนมองแทบไม่เห็นแล้ว เหลือเพียงแสงระยิบระยับเป็นประกายในลูกตาทั้งสองข้างเพียงเท่านั้น
“ดีมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะวางแผนลดน้ำหนักให้เจ้า ถ้าหากว่าเจ้าทำตามแผนที่ข้าทำขึ้นก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง” กู้เสี่ยวหวานกล่าว แม้จะไม่ค่อยแน่ใจว่าฟางเพ่ยหยาจะลดน้ำหนักลงได้มากเท่าไร แต่ว่าถ้าคิดตามน้ำหนักปัจจุบันของนางแล้ว ก็น่าจะลดลงได้ไม่น้อยเลย
“ได้เลยท่านพี่ ข้าเชื่อท่าน ข้าจะทำตามที่ท่านบอกมาทั้งหมด”
“คุณหนู ดีมากเลย ดีมากเลยเจ้าค่ะ ท่านสามารถผอมลงได้ ท่านสามารถผอมลงได้” เสี่ยวเยว่ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเสี้ยนจู่อันผิงสามารถทำให้ฟางเพ่ยหยาผอมลงได้ นางก็ส่งเสียงอย่างดีอกดีใจและคุกเข่าลง “ขอบคุณเสี้ยนจู่อันผิง ขอบคุณเสี้ยนจู่อันผิง ถ้าหากเสี้ยนจู่อันผิงสามารถทำให้คุณหนูของข้าเปลี่ยนไปได้ เสี่ยวเยว่ยินดีที่จะเป็นหมูเป็นหมาตอบแทนท่านในชาติหน้า”
เสียงโขกหัวนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ภายในห้อง แต่เสี่ยวเยว่นั้นกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มดีอกดีใจประดับไว้อยู่ตลอด
ฟางเพ่ยหยาเห็นเสี่ยวเยว่คุกเข่าโขกหัวเพื่อขอบคุณกู้เสี่ยวหวาน ในใจเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
อาจั่วที่อยู่ด้านข้างรีบก้าวเข้าไปประคองเสี่ยวเยว่ กู้เสี่ยวพยักหน้าเงียบ ๆ อยู่ในใจ เด็กรับใช้ข้างกายฟางเพ่ยหยาคนนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์จริง ๆ
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกลับไปก็ใช้เวลาไปกับการวางแผนกำหนดสูตรอาหารลดน้ำหนักและตารางการออกกำลังกาย
สิ่งที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักก็คือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
เช้าตรู่ในวันถัดมา เมื่อนัดฟางเพ่ยหยามาเอาวิธีที่เขียนไว้แล้ว กู้เสี่ยวหวานเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จ นางกำลังเดินเล่นย่อยอาหารอยู่ในลานบ้านพอดี ทางด้านฟางเพ่ยหยานั้นก็มาแล้ว ถานอวี้ซูก็อยากรู้วิธีของกู้เสี่ยวหวานจึงตามเข้ามาพร้อมกัน
จนกระทั่งเมื่อเห็นวิธีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายในมือของกู้เสี่ยวหวาน ทว่าฟางเพ่ยหยาไม่เข้าใจ ดูมาสักพักแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรกันแน่
“ท่านพี่ ต่อไปนี้ข้าจะทานได้แค่ของพวกนี้ทุกวันหรือ” ข้างในนี้แทบจะไม่มีอะไรตุ๋นเลย อย่างเช่นพวกไก่ตุ๋นเอย เนื้อตุ๋นเอยอะไรพวกนี้ แต่ว่านั่นเป็นอาหารโปรดของนางเลยนะ นี่แทบจะไม่มีเลย
“นี่คืออะไร ตอนเช้าให้กินไข่ต้ม โจ๊กข้าวขาว โจ๊กข้าวแดง และโจ๊กมันเทศ ตอนกลางวันให้กินน้ำแกงเนื้อนึ่ง ผัดเห็ด และน้ำแกงไก่ ตอนเย็นให้กินแค่มันเทศนึ่งและน้ำแกงผัก”