ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1460 ทำตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่
บทที่ 1460 ทำตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่
กู้เสี่ยวหวานได้จัดทำวิธีที่ต้องทำตามไว้ทั้งเจ็ดวัน จัดสูตรอาหารไว้แล้วทุกวัน โดยกำหนดว่าทุกวันตอนเช้า ทุกเที่ยงของวัน และทุกเย็นนั้นต้องทานอะไรบ้าง ของหวานหลังอาหาร น้ำชายามบ่ายสามารถทานอะไรได้บ้าง ทุกอย่างล้วนกำหนดไว้หมดทั้งสิ้น
เพราะว่าครั้งนี้เป็นการลดปริมาณอาหารของฟางเพ่ยหยาลงมาก ดังนั้นนี่จึงเป็นความท้าทายมากสำหรับฟางเพ่ยหยา ทุกวันต้องทานอาหารให้มากขึ้นสองสามมื้อ และทานให้น้อยลงในทุก ๆ มื้อ
ทานให้บ่อยขึ้น แต่ทานให้น้อยลง
นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานยังกำหนดปริมาณการทานอาหารในแต่ละมื้อเอาไว้ สำหรับฟางเพ่ยหยาที่มีปริมาณการทานอาหารที่เยอะแล้ว นี่ก็เท่ากับว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อย่างมากเลยทีเดียว
ฟางเพ่ยหยาขมวดคิ้วมองสูตรอาหารพวกนั้น กัดฟันพูดอย่างหนักแน่นว่า “ท่านพี่ ข้าจะต้องทานตามวิธีนี้อย่างแน่นอน จะไม่กินเกินสักคำเลยอย่างเด็ดขาด”
“อืม แต่ถ้าหากอยากผอม อาศัยแค่กินให้น้อยลงนั้นไม่ได้หรอก” กู้เสี่ยวหวานหยิบแผ่นกระดาษอีกแผ่นออกมาแล้วพูดว่า “นอกจากกินให้น้อยลงแล้ว วิธีที่เขียนในนี้ต้องให้ตัวเจ้าเองเคลื่อนไหวด้วย”
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การเดินเร็ว การบิดเอว การลุกนั่งหรืออื่น ๆ ล้วนทำให้ร่างกายของฟางเพ่ยหยานั้นเคลื่อนไหว
“ท่านพี่ บิดเอวอันนี้และยังมีการลุกนั่งนี้อีก มันทำอย่างไรหรือ” ฟางเพ่ยหยาถามอย่างกระตือรือร้น ถานอวี้ซูไม่มีคำพูดอะไร เงยหน้ามองของที่อยู่ในมือฟางเพ่ยหยา สีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส แล้วมองกู้เสี่ยวหวานอย่างชื่นชม
กู้เสี่ยวหวานสอนนางบิดเอวว่าทำอย่างไร ส่วนวิธีการลุกนั่งนั้น กู้เสี่ยวหวานได้ดึงเสี่ยวเยว่มาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างว่า เสี่ยวเยว่ต้องกดขาของฟางเพ่ยหยาอย่างไร การออกกำลังกายนี้ต้องพึ่งพากันสองคนถึงจะสามารถทำได้
“เสี่ยวเยว่ นอกจากเจ้าจะช่วยคุณหนูของเจ้ากดขาแล้ว เจ้ายังมีหน้าที่อื่น ๆ อีก การลดน้ำหนักนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก หากไม่มีความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ก็ไม่มีทางที่จะผอมลงได้ เพ่ยหยาอยากผอม จะอาศัยนางเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
“เสี้ยนจู่อันผิงต้องการให้ข้าทำอะไรเจ้าคะ ขอเพียงแค่คุณหนูของข้าสามารถผอมลงได้ ข้ายินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเจ้าค่ะ” เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินว่าคุณหนูต้องการลดน้ำหนักและตัวเองก็มีหน้าที่ที่สำคัญมาก จึงถามด้วยสีหน้าที่ร้อนใจ
กู้เสี่ยวหวานเห็นความจริงจังของนาง จึงยิ้มพลางพูดว่า “วางใจได้ มันไม่ได้ร้ายแรงมากขนาดนั้น เพียงแค่ต้องรบกวนเจ้าคอยดูแลคุณหนูเจ้าทุกวัน ควรทานอาหารให้น้อยที่สุด สูตรอาหารของข้านี้สามารถรับรองได้ว่าคุณหนูของเจ้าจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนในทุก ๆ วัน แต่จะลดปริมาณอาหารลงตามความเหมาะสม ถ้าหากคุณหนูของเจ้าหิว เจ้าต้องคอยจับตาดูนางเอาไว้ อย่าให้นางกินอะไรมั่วซั่ว ระวังพวกขนมหรือของอะไรพวกนี้เอาไว้ พอกินเข้าไปก็จะอ้วนง่าย”
หลังจากที่เสี่ยวเยว่ได้ฟังก็มองกู้เสี่ยวหวานแวบหนึ่ง และมองฟางเพ่ยหยาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เห็นคุณหนูของตัวเองพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “เสี่ยวเยว่ เจ้าต้องคอยจับตาดูข้าไว้ ไม่สามารถปล่อยข้าไปได้เพียงเพราะข้าหิว”
ในแววตาของฟางเพ่ยหยาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความคาดหวัง มีแม้กระทั่งความมั่นใจที่ถูกยับยั้งไว้
ทำไมต้องมีความมั่นใจ เสี่ยวเยว่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่เพื่อคุณหนูและฮูหยินแล้ว ครั้งนี้คุณหนูจะต้องผอมลงให้ได้
เสี่ยวเยว่กำมือแน่นและพยักหน้าอย่างแรง “ได้เจ้าค่ะเสี้ยนจู่อันผิง ท่านวางใจได้ ข้าจะต้องคอยดูแลคุณหนู ไม่ให้คุณหนูของข้าทานอะไรเพิ่มเด็ดขาด”
“ดีมาก นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีวิธีการออกกำลังกายนี้อีก ด้านบนข้าได้เขียนเวลาเอาไว้แล้ว ครึ่งชั่วยาม หนึ่งเค่อ ลุกนั่งต้องทำกี่ครั้ง ข้างบนนี้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือต้องคอยดูแลคุณหนูของเจ้าในทุก ๆ วัน จำนวนครั้งที่ข้ากำหนดไว้ข้างบน ไม่ว่ามันจะยากหรือเจ็บปวดมากแค่ไหนก็จะต้องทำต่อไป”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าต้องทำได้แน่”
“เสี่ยวเยว่ เจ้าไม่ต้องกลัวเพียงเพราะว่าข้านั้นเป็นคุณหนู จึงไม่กล้าที่จะพูดกับข้า ในช่วงนี้ถ้าหากว่าข้าทำไม่สำเร็จ เจ้าจะด่าจะลงโทษข้าอย่างไร ข้าก็ไม่ถือสาหรอก” ฟางเพ่ยหยาเองก็กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นตัวเองจะขี้เกียจ อีกทั้งเสี่ยวเยว่ก็ไม่กล้าที่จะพูดกับตัวเอง ดังนั้นฟางเพ่ยหยาจึงบอกนางล่วงหน้าเพื่อกันเอาไว้ก่อน ขอเพียงแค่มันเกี่ยวกับเรื่องที่นางลดน้ำหนัก ถ้านางทำไม่ได้ก็ต้องพูดออกมาให้ทันเวลา
“คุณหนู ท่านวางใจได้เจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านจะตีข้าหรือด่าข้า ถ้าหากคุณหนูทำไม่สำเร็จ ข้าจะต้องพูดออกมาแน่นอน พวกเรามาร่วมมือกันด้วยแผนการลดน้ำหนักของเสี้ยนจู่ ครั้งนี้จะต้องทำให้ท่านผอมลงให้ได้ ข้าเองก็เชื่อมั่นในตัวคุณหนูเช่นกันเจ้าค่ะ”
มีคนคอยควบคุมดูแลแล้ว สองนายบ่าวเองก็ได้ตัดสินใจแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงวางใจได้
พอมอบวิธีการออกกำลังกายให้กับฟางเพ่ยหยาแล้วจึงพูดต่อว่า “เพ่ยหยา เพราะว่าเจ้านั้นเพิ่งจะออกกำลังกาย จู่ ๆ ร่างกายก็ได้เคลื่อนไหวจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีการออกกำลังกายที่ข้าทำนี้จึงง่ายมาก รอหลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ร่างกายของเจ้าก็จะสามารถปรับตัวได้ เจ้าค่อยมาอีกรอบ ข้าจะเพิ่มจำนวนการออกกำลังกายเข้าไปอีก”
ฟางเพ่ยหยาเอาของมาใส่ไว้ในอ้อมแขนราวกับตัวเองถือสมบัติล้ำค่าเอาไว้อย่างหวงแหน และยังกดแรงลงไปเหมือนกับว่านี่เป็นสมบัติอย่างไรอย่างนั้น “พี่สาว ท่านวางใจได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะมาแน่นอน ครั้งนี้ข้าจะต้องผอมลงให้ได้”
ฟางเพ่ยหยาอยากผอมลงมาก นางอ้วนมาหลายปีแล้ว ถูกคนอื่นด่าทอว่าอ้วนมาหลายปีแล้ว ทุกคนบอกว่านางไม่สามารถออกเรือนแต่งงานกับใครได้ในอนาคต และยังบอกว่านางเป็นความอัปยศของตระกูลฟาง
บอกว่าการมีคนมาสู่ขอนางนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะหน้าตาและตำแหน่งขุนนางระดับสองของฟางเจิ้งสิง
ยังมีน้องสาวผู้เป็นลูกของอนุอีกสองคนที่รูปร่างงดงามเช่นเดียวกับหลิวซื่อ ไม่รู้ว่าพวกนางแอบหัวเราะเยาะตัวเองและมารดาไปกี่ครั้งแล้ว บอกว่าตัวเองนั้นทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่และไม่มีใครเอา จะต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
นางเองก็ต้องควบคุมการกินให้น้อยลง แต่ว่าผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวัน นางก็หิวจนทนไม่ได้แล้ว ต้องหันไปกินอีกคำใหญ่ ๆ จนน้ำหนักเพิ่มขึ้นและอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ
แต่จู่ ๆ ฟางเพ่ยหยาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย คิ้วขมวดอย่างไม่กล้าที่จะแน่ใจ นางเอ่ยถามกู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “ท่านพี่ ข้าจะลดน้ำหนักลงได้จริงหรือ”
นางอยากจะผอมมาก ถ้าหากว่ามันไม่ผอมลงล่ะ
ถ้าหากว่ามันยังเป็นเหมือนเดิมล่ะ
“วางใจได้ ขอเพียงเจ้ากินตามวิธีของข้าและไปออกกำลังกาย รับรองว่าเจ้าจะต้องผอมลง” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างมั่นใจและเฉียบขาดมาก
กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างจริงใจ ทำให้ฟางเพ่ยหยามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “เยี่ยมเลยท่านพี่ ครั้งนี้ข้าจะต้องผอมลงอย่างแน่นอน”
เมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะสวมชุดสวย ๆ ได้พอดีและภูมิใจในรูปร่างของตัวเอง ทำให้คนที่หัวเราะเยาะนางพวกนั้นต้องประหลาดใจ นางจะต้องพยายามทำให้ตัวเองกลายเป็นคนใหม่ ทำให้ท่านแม่เลิกกังวลกับตัวเอง ไม่ต้องล้างหน้าทุกวันด้วยหยดน้ำตาอีกต่อไป