ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1466 สกปรก
บทที่ 1466 สกปรก
ฟางเพ่ยหยาวิ่งไปหาฟางเจิ้งสิง หลังจากที่ฟางเจิ้งสิงมาเยี่ยมก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไร และยังบอกว่าให้ท่านแม่พักฟื้นอาการป่วยให้ดี ตัวเองมีธุระต้องจัดการเยอะ และยังให้หลิวซื่อนั้นส่งคนมาดูแลท่านแม่ให้ดี ฟางเพ่ยหยามีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาหลิวซื่อ
หลิวซื่อคิดอะไรในใจนั้น แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว นางจะมีจิตใจดีดูแลท่านแม่ให้ดีได้ขนาดนั้นเชียวหรือ
ไม่ผิดคาดจากที่คิดไว้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านแม่ก็เริ่มอาเจียนเป็นเลือด ร่างกายยิ่งผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ แม้แต่ข้าวสักคำก็กินไม่ลงแล้ว ฟางเพ่ยหยาร้องไห้อยู่ในเรือนทุกวัน นางร้องไห้อยากจะออกไปหาหมอใหม่ แต่ว่าหลิวซื่อนั้นไม่อนุญาต และยังบอกว่าฟางเพ่ยหยานั้นไม่รับรู้ถึงเจตนาที่ดี นางใช้ยาที่ดีที่สุดและแพงที่สุดแล้ว หากรักษาไม่หาย เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงก็ไม่มีใครรักษาให้หายได้แล้ว
เช่นนี้หลูเหวินซินและฟางเพ่ยหยาจึงถูกกักบริเวณอยู่ในลานเรือน ไม่สามารถไปไหนได้
ฟางเพ่ยหยาก็ลืมการนัดหมายหลังจากเจ็ดวันกับกู้เสี่ยวหวานไปนานแล้ว และในช่วงนี้นางต้องดูแลมารดา ดังนั้นจึงไม่ได้ฝึกฝนตามตารางอาหารและออกกำลังกายตามวิธีของกู้เสี่ยวหวานเลย เพื่อร่างกายของมารดาแล้ว นางจึงไม่มีเวลาและจิตใจที่จะมานึกถึงเรื่องร่างกายของตัวเอง
“ฮือ ๆ ท่านแม่” ในตอนนี้เมื่อเห็นหลูเหวินซินที่มีสภาพอย่างกับคนไม่เหมือนคน ผีไม่เหมือนผีเช่นนี้ ฟางเพ่ยหยาเองก็เศร้าเสียใจอย่างมาก ร้องไห้จนหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แทบอยากจะใช้เวลายี่สิบปีของตัวเองชดใช้ให้กับความเจ็บป่วยของมารดา
“ท่านแม่ ท่านจะต้องดีขึ้น ท่านจะต้องดีขึ้นนะ หากท่านไม่อยู่แล้ว ข้าก็ไม่มีญาติเหลืออยู่แล้ว ท่านแม่ ใครจะดูแลข้า ใครจะตามใจข้า ท่านยังต้องเห็นข้าออกเรือน เห็นข้าแต่งงานมีลูกนะ ฮือ ๆ ท่านแม่ ท่านต้องรีบหายไว ๆ” ฟางเพ่ยหยาร้องไห้ไปและพูดไปด้วยท่าทางที่โศกเศร้าเสียใจมาก เมื่อฮูหยินหลูเห็นเข้าก็โอบกอดฟางเพ่ยหยาไว้อ้อมแขนด้วยความปวดใจ “หลานสาวที่น่าสงสารของข้า ตระกูลหลูได้ทำความชั่วช้าอะไรไว้ เด็กที่ดี ๆ คนหนึ่งตอนนี้ถึงได้กลายเป็นคนไม่เหมือนคน ผีไม่เหมือนผีเช่นนี้”
ทั้งสามคนร้องไห้อย่างโศกเศร้าเสียใจ จนคนใกล้ชิดที่อยู่ข้าง ๆ ก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย ในตอนนี้พอดีกับที่ท่านหมอคนนั้นนำยาต้มเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสามคนร้องไห้จนกลายเป็นเช่นนั้น ในใจของเขาเองก็รู้สึกเศร้าใจมากเช่นกัน
เขาเป็นหมอของตระกูลหลู เริ่มตั้งแต่รุ่นบิดาของเขาก็คอยดูแลรักษาคนในตระกูลหลูมาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนป่วย แต่ว่าคนของตระกูลหลูจะดีเลวอย่างไร หมอท่านนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นพวกนางสามคนร้องห่มร้องไห้ ท่านหมอนั้นก็ส่งสายตา แล้วก็มีคนสนิทของฮูหยินหลูที่อยู่ข้าง ๆ ไล่คนอื่น ๆ ออกไป ไม่นานภายในห้องก็เหลือเพียงคนสามชั่วอายุคน และแม่นมที่อยู่ข้าง ๆ ฮูหยินหลูเพียงเท่านั้น
“ฮูหยินหลู ยาเคี่ยวเสร็จแล้ว เอาให้ฮูหยินฟางดื่มก่อนเถอะ” แม่นมเอายาขึ้นไปป้อนให้ฮูหยินฟางดื่มด้วยตัวเอง
หลังจากที่หลูเหวินซินง่วงจนผล็อยหลับไปนั้น ฟางเพ่ยหยาจึงพาคนออกไปที่ห้องด้านนอก เมื่อเห็นสถานการณ์เมื่อครู่นั้น เกรงว่าท่านหมอจะต้องมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูด
“ฮูหยินหลู ท่านอย่าเพิ่งเศร้าเสียใจ ถ้าหากฮูหยินฟางกินยาตามใบสั่งยานี้ของข้าน้อย อาการป่วยนี้จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” หมอเฉิงกล่าว แม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่สี่สิบปีเศษ แต่ประสบการณ์ด้านการรักษาและการอ่านตำรารักษามาหลายปีนั้น ทำให้เขามั่นใจอย่างมากว่าฮูหยินฟางนั้นไม่ได้ป่วย แต่ว่าถูกวางยาพิษ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ถูกวางยาพิษ? เจ้าบอกว่าเหวินซินถูกวางยาพิษรึ!?” ฮูหยินหลูได้ฟังก็ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ผิด ถูกวางยาพิษ เพียงแต่ว่าพิษนี้ไม่ได้ใช้เวลาแค่วันหรือสองวัน เกรงว่าจะนานหลายวัน อย่างน้อย ๆ นั้นก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว ถ้าหากสามารถฟื้นตัวได้ดี พิษนี้ก็สามารถค่อย ๆ รักษาได้ ถ้าหากไม่สามารถฟื้นตัวได้ เกรงว่าพิษนี้ก็จะแพร่กระจายยิ่งขึ้น อาการจะร้ายแรงจนไม่สามารถช่วยให้รอดชีวิตได้แล้ว” หมอเฉิงกล่าว
“ท่านบอกว่าท่านแม่ของข้าถูกวางยาพิษได้อย่างไรกัน ของที่ท่านแม่ของข้ากินในทุก ๆ วันจะถูกแม่นมใช้เข็มเงินทิ่ม โดยเฉพาะหลังจากที่หลิวซื่อเข้ามาในจวนแล้ว อาหารทั้งสามมื้อของท่านแม่ข้าก็ทำในเตาเล็ก ๆ ไม่ได้ผ่านมือของผู้อื่นเลย ความหมายของท่านคือ จะบอกว่าข้างกายท่านแม่ของข้ามีหนอนบ่อนไส้รึ?” ฟางเพ่ยหยาเองก็มีสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อมองผ่านม่านผืนใหญ่ดูมารดาที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างในนั้นแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าแผ่นหลังนั้นเย็นเยียบ
เมื่อนึกถึงคนไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายมารดา ทั้งหมดล้วนได้รับการสั่งสอนจากมารดาและอยู่ข้างกายมารดามาหลายสิบปีแล้ว ถ้าหากว่าเป็นการวางยาพิษโดยหนึ่งในพวกเขาจริง ๆ เช่นนั้นหลิวซื่อเองก็น่ากลัวมากเกินไปแล้ว
“ฮูหยินหลู ข้าน้อยผู้นี้ก็ไม่กล้าจะตัดสิน เพียงแต่อย่าประมาทไว้ใจคนเกินไป อาการของฮูหยินฟางในตอนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนจริง ๆ ในทุก ๆ วันเข็มเงินอาจไม่สามารถตรวจวัดปริมาณยาพิษที่เล็กน้อยเช่นนี้ได้ หรือบางทีพิษชนิดนี้อาจไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นยาบำรุงชนิดหนึ่งที่กินทุกวันทีละนิดก็ดูไม่ออก แต่เมื่อกินนานเกินไปก็จะสะสมอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน จากไม่ใช่พิษก็กลายเป็นพิษแล้ว” หมอเฉิงกล่าวและถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
อย่าเห็นเพียงว่าผู้ที่อยู่ในจวนนี้มีเสื้อผ้า อาหารเลิศรส และใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทว่าในทุกวันกลับพูดจาดีแต่ไม่มีความจริงใจ ไม่แน่ว่าในสิ่งที่เจ้ากินนั้นอาจจะมีผู้อื่นวางยาพิษเพราะอยากให้เจ้าตายก็ได้
เสื้อผ้าหรูหราและอาหารเลิศรสเช่นนี้ ยังเทียบไม่ได้กับอาหารง่าย ๆ แต่มีความสุข ชีวิตเช่นนี้มันเทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ
“ท่านยาย” ฟางเพ่ยหยาตกตะลึง หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ เช่นนั้นแล้วเป็นผู้ใดกัน
ฟางเพ่ยหยาไม่เคยเห็นกลอุบายเช่นนี้มาก่อน ทว่าในตอนนี้มันได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับมารดาของนาง แล้วยังเกี่ยวโยงไปถึงชีวิตของมารดาอีกด้วย
หลังจากความตระหนกตกใจบนใบหน้าของฮูหยินหลูผ่านไป นางก็ดูสงบลงมาก
จวนที่ใหญ่นั้นไม่เคยขาดเรื่องราวเช่นนี้ แม้ว่าฮูหยินหลูจะไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง
ทว่าในเวลานี้การจับว่าผู้ใดเป็นผู้ลงมือนั้นเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การรีบฟื้นฟูร่างกายของบุตรสาวให้ดีก่อน
“ท่านหมอเฉิง อาการของบุตรสาวข้าต้องไหว้วานท่านแล้ว หวังว่าหมอเฉิงจะเก็บความลับนี้ไว้ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นจนกว่าความจริงของบุตรสาวข้าจะถูกเปิดเผย” ฮูหยินหลูกำชับหมอเฉิง จากนั้นหมอเฉิงพยักหน้าตอบรับ “ฮูหยินหลู ท่านวางใจได้ ข้าน้อยไม่รู้อะไรเลย ฮูหยินฟางนั้นป่วยเป็นไข้หนาวสั่น ข้าน้อยมาเพื่อเขียนใบสั่งยาให้ฮูหยินฟางเพียงเท่านั้น”
ฮูหยินหลูพยักหน้า แม่นมที่อยู่ข้าง ๆ ก็ส่งถุงเงินหนัก ๆ ให้เขา เมื่อหมอเฉิงรับถุงเงินไว้แล้วก็กล่าวขอบคุณ