ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1470 ยอมรับพี่สาว
บทที่ 1470 ยอมรับพี่สาว
หลายปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่หลังจากที่ตำแหน่งของฟางเจิ้งสิงก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ การไปมาหาสู่ระหว่างตระกูลหลูก็ยิ่งลดน้อยลง
แต่ว่าตระกูลหลูกลับให้ความสนใจเรื่องของตระกูลฟางมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องของบุตรสาวและหลานสาวของตัวเองนั้นก็ยิ่งให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
หลายปีที่ผ่านมานี้ หลูเหวินซินไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก กิจกรรมมากมายในแวดวงสตรีชั้นสูง นางก็เข้าร่วมน้อยมาก ตั้งแต่หลังจากที่ฟางเจิ้งสิงทำเรื่องเช่นนั้น นางก็ออกไปข้างนอกน้อยลงเรื่อย ๆ จนผู้คนแทบจะไม่ได้พบเจอนางเลย
ฟางเพ่ยหยาเองก็ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเพราะว่าอ้วน นอกจากคำด่ากระทบกระเทียบที่ไร้คุณธรรมจากปากคนบางคนแล้ว ก็แทบจะไม่เคยเห็นข่าวลืออื่น ๆ ที่ไม่ดีของฟางเพ่ยหยาเลย นางเป็นคนฉลาด รู้ความ ทั้งยังไร้เดียงสาและยังใจดี
ครั้นได้ยินท่านยายบอกว่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่มาหาตัวเอง ฟางเพ่ยหยาก็ตกใจ “แย่แล้ว ข้าลืมสัญญาที่นัดกับท่านพี่ไว้”
ตั้งแต่หลังจากที่ฟางเพ่ยหยากลับมาจากที่นั่น สุขภาพของท่านแม่ก็แย่ลงเรื่อย ๆ ฟางเพ่ยหยาจึงไม่มีเวลาและไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำตามวิธีที่กู้เสี่ยวหวานให้ไว้ และยังลืมสัญญานัดพบเจ็ดวันนั้นกับกู้เสี่ยวหวานไปเสียสนิท
เมื่อฮูหยินหลูได้ยินก็มีความแปลกใจเล็กน้อย “เพ่ยหยา ข้าจำได้ว่าอายุของฮู้กั๋วจวิ้นจู่นั้นน้อยกว่าเจ้า เหตุใดจึง…”
ฮูหยินหลูคิดว่าที่ฟางเพ่ยหยาพูดถึงนั้นคือถานอวี้ซู ทว่าก็ได้ยินฟางเพ่ยหยายิ้มพลางพูดว่า “ท่านยาย ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อวี้ซู”
“เช่นนั้นเป็นผู้ใด เป็นแม่นางจากตระกูลใดกัน” ครั้นฮูหยินหลูได้ยินว่าคนที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นไม่ใช่ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ก็รู้สึกประหลาดใจ
นางรู้เพียงแค่ว่าฟางเพ่ยหยานั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ไม่รู้ว่ายังมีผู้ใดบ้างที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพ่ยหยาและต้องเรียกคนผู้นั้นว่าพี่สาว แต่ถึงอย่างไรการที่เพ่ยหยามีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกคนเช่นนี้ นั่นก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน
“ท่านยาย แม่นางท่านนี้ท่านต้องไม่เคยพบมาก่อนแน่นอน” ฟางเพ่ยหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยินหลูพูดด้วยสีหน้าที่อยากรู้ “แท้จริงแล้วเป็นคุณหนูตระกูลใดกัน และยังเป็นแม่นางที่ยายไม่เคยเห็นมาก่อนอีก”
“ท่านยาย พี่สาวท่านนั้นท่านยังไม่เคยเห็นจริง ๆ ในปีนั้นต้าชิงเกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ ผู้คนทั่วทุกหนทุกแห่งต่างตกที่นั่งลำบาก มีเพียงเมืองรุ่ยเสียนเท่านั้นที่สงบสุข ต้องขอบคุณแม่นางท่านหนึ่งที่แนะนำให้ปลูกมันเทศ ต่อมาฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้งให้แม่นางท่านนั้นเป็นเสี้ยนจู่อันผิง”
“เจ้าหมายถึงกู้เสี่ยวหวาน… แม่นางที่มาจากครอบครัวยากจนในชนบทผู้นั้นหรือ” ฮูหยินหลูมีสีหน้าแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าพี่สาวคนนั้นของฟางเพ่ยหยาจะเป็นเสี้ยนจู่อันผิง และยังเป็นหญิงสาวที่มาจากชนบท
ฟางเพ่ยหยาเห็นฮูหยินหลูท่าทางไม่เชื่อ จึงพูดอย่างร้อนใจว่า “ท่านยาย ถึงแม้ว่าท่านพี่จะมาจากชนบท แต่ว่าพี่สาวนั้นมีอุปนิสัยที่สูงส่ง มีความรู้ความสามารถ เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบพี่สาวได้”
ฮูหยินหลูยังมีสีหน้าสงสัย “แต่ว่าเจ้าไปรู้จักนางได้อย่างไรกัน และยังยอมรับนางเป็นพี่สาวอีก เพ่ยหยา วาดคนวาดหนังวาดกระดูกยาก คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
ฮูหยินหลูไม่เคยเห็นกู้เสี่ยวหวานมาก่อน นางรู้แค่ว่ากู้เสี่ยวหวานมาจากพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ พอออกมาก็มาให้เพ่ยหยายอมรับนางเป็นพี่สาวแล้ว คนเช่นนี้กลัวว่าจะมีความคิดที่ไม่ดีแอบแฝงซ่อนเร้น
อยู่ในเมืองหลวงไม่มีที่พึ่งพิงก็ให้เพ่ยหยาซึ่งเป็นคนที่ไม่มีความคิดคนนี้รับนางเป็นพี่สาว เพื่อที่นางจะได้มีที่พึ่งในเมืองหลวง ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ๆ เกรงว่า…
ฮูหยินหลูนึกถึงตรงนี้ก็มองไปที่หลานสาวที่ไม่รู้จักคิดของตัวเอง ในใจรู้สึกถูกบีบรัด
ถ้าหากนั่นเป็นความคิดของเสี้ยนจู่อันผิงจริง ๆ ตัวเองนั้นก็จะไม่ปล่อยนางไป และยังต้องเตือนหลานสาวผู้นี้ของตัวเองที่ไม่ว่าเห็นผู้ใดก็คิดว่าเป็นคนดีไปเสียหมด สิ่งต่าง ๆ ในโลกนั้นซับซ้อน ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะพูดความในใจออกมาได้อย่างหมดเปลือก
เมื่อรู้ว่าท่านยายเข้าใจกู้เสี่ยวหวานผิดไปแล้ว ฟางเพ่ยหยาก็รีบร้อนอธิบายว่า “ท่านยาย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านพี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น ตอนแรกข้าไม่ได้รู้จักนาง แต่เป็นอวี้ซูที่รู้จัก และยังยอมรับเสี้ยนจู่อันผิงเป็นพี่สาว ข้าเป็นสหายกับอวี้ซู จึงยอมรับนางเป็นพี่สาวด้วย”
“อะไรนะ นางยังเป็นสหายกับฮู้กั๋วจวิ้นจู่ด้วยหรือ” คราวนี้สีหน้าของฮูหยินหลูก็เปลี่ยนเป็นตกใจแล้ว
แม้ว่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่จะไม่มีบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าไทเฮาก็เลี้ยงดูนางตั้งแต่เด็กจนโต ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่องค์หญิงที่มีสายเลือดของราชวงศ์ แต่ว่าไทเฮาก็ปฏิบัติต่อถานอวี้ซูเหมือนกับเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของตัวเอง
ในวังหลวงนั้นได้เห็นเล่ห์เหลี่ยมระหว่างสตรีกันจนเคยชินแล้ว ปฏิบัติฝึกฝนกันอย่างละเอียดรอบครอบ ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ที่สามารถมองทะลุจิตใจคนได้ในพริบตา คาดไม่ถึงว่าก็ยอมรับเสี้ยนจู่อันผิงเป็นพี่สาว
ทันใดนั้น ฮูหยินหลูก็เกิดความสนใจเกี่ยวกับเสี้ยนจู่อันผิงผู้นี้ขึ้นมา
แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรกันที่สามารถทำให้เพ่ยหยารู้สึกได้ว่าแม่นางผู้นี้มีอุปนิสัยสูงส่ง และยังเปรียบเทียบว่าในเมืองหลวงนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบกับแม่นางผู้นี้ได้
ยังมีคนเช่นฮู้กั๋วจวิ้นจู่ที่เป็นคนละเอียดประณีตจุกจิก คาดไม่ถึงว่าจะยอมรับแม่นางผู้นี้เป็นพี่สาวด้วย
น่าเหลือเชื่อมาก
ในตอนนี้ฮูหยินหลูเต็มไปด้วยความสนใจอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของเสี้ยนจู่อันผิงผู้นี้
“อืม นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านพี่เป็นพิเศษ แม้แต่แม่ทัพถานต้าเองก็ยังชอบนางมากเช่นกัน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฮูหยินหลูยิ่งประหลาดใจมากขึ้น แม้แต่ถานเย่สิงเองก็บอกว่าแม่นางผู้นี้เป็นคนดีเช่นกันหรือ
“อวี้ซูบอกมา และยังบอกว่าแม่ทัพถานต้านั้นชื่นชมนางด้วย” ฟางเพ่ยหยาพูดอย่างภูมิใจ
จากนั้นในงานเลี้ยงที่ซูหมิ่นได้จัดขึ้น กู้เสี่ยวหวานได้ประพันธ์บทกวีขึ้นมาอย่างกะทันหัน เล่าเรื่องที่พวกคุณหนูสูงศักดิ์เหล่านั้นพ่ายแพ้ยับเยินทั้งหมดออกมาอย่างไม่มีตกหล่น เมื่อฮูหยินหลูได้ฟัง สีหน้าก็ตกตะลึงมากจนไม่สามารถยกมือปิดปากได้
“แม่นางผู้นั้นมีความสามารถมากจริง ๆ” ทำให้คนเหลือเชื่อมาก
“ใช่แล้วท่านยาย ท่านไม่รู้ว่าภาพตอนนั้นที่พี่สาวประพันธ์บทกวีอย่างกะทันหัน ท่าทางที่ดูสุขุมเยือกเย็น จะมีคุณหนูจากตระกูลที่ร่ำรวยสักกี่คนที่สามารถเทียบได้ หากข้าพูดทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ เกรงว่าคงจะไม่มีคุณหนูคนไหนสามารถเทียบท่านพี่ได้เลยสักคนเดียว” สีหน้าของฟางเพ่ยหยานั้นดูภูมิใจ
เมื่อฮูหยินหลูได้ยินแล้วก็ยิ่งตกตะลึงจนพูดไม่ออก แต่วินาทีต่อมาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“แล้วเหตุใดเรื่องในงานเลี้ยงนั้นในเมืองหลวงจึงไม่มีข่าวแพร่ออกมาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งข้าเองก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่เสี้ยนจู่อันผิงมาถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน เหตุใดข้าจึงไม่รู้”
ความสงสัยของฮูหยินหลูก็เป็นความสงสัยของฟางเพ่ยหยาพอดี
นางเองก็รู้สึกฉงนใจเหมือนกัน เรื่องราวผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดจึงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆเลย
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ความโดดเด่นของพี่สาวในงานเลี้ยงนั้นจะต้องแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงในทันที
เหตุใดจึงไม่มีการตอบสนองอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว