ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1486 ศึกหน้าประตูพระราชวัง
บทที่ 1486 ศึกหน้าประตูพระราชวัง
ทันใดนั้น เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนที่อยู่นอกห้องตื่นขึ้น เมื่อเห็นว่ามีคนตอบกลับไปแล้ว อีกคนก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่ท้องฟ้าเหนือศีรษะ
พระจันทร์ลอยอยู่สูง ดวงดาวมากมาย
ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เหตุใดนายท่านถึงอยากอาบน้ำ เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำแล้วเข้านอนไปไม่ใช่หรือ? ทุกคนได้แต่เดาในใจแต่ไม่มีใครกล้าถามออกมา คนที่ควรเตรียมได้เตรียมการตามการแบ่งงานกันไว้แล้ว
ผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าระวังก็ถืออาวุธครบมือ ยืนตัวตรง เฝ้าดูทุกอย่างในลานอย่างระแวดระวัง
คืนนั้น…ฉินเย่จือแช่ตัวในอ่างและไม่ได้นอนทั้งคืน
น้ำอุ่นได้เย็นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และตอนนี้ร่างกายของเขาก็ห่อหุ้มไปด้วยน้ำเย็นเฉียบ แต่มันไม่สามารถดับความปรารถนาอันแรงกล้าในใจของเขาได้ เขาไม่กล้าหลับตาลงแม้แต่น้อย ทันทีที่เขาหลับตาลง ลูกแมวตัวน้อยนั้นบุกมาในความคิดและทำให้จิตใจอันสงบนิ่งแตกกระเจิงอีกครั้ง
หมดหนทาง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนอนแบบนั้นไปตลอดทั้งคืน ผมสีดำเปียกโชกปกคลุมไปตามร่างกายของเขา ทำให้ร่างเพรียวบางและสูงโปร่งของเขาดูคลุมเครือ
ดวงตาเรียวยาวมีเสน่ห์ ขนตาหนาเป็นแพ ภายใต้การสะท้อนของไข่มุกราตรีจึงเห็นเงาทอดลงมา เขาจ้องมองไปที่หลังคาสีเข้มเหนือหัวโดยไม่กะพริบตา และนอนอยู่แบบนั้น
ในที่สุดเมื่อเขาผล็อยหลับไปก็มีเสียงเคาะประตูจากอาโย่วดังขึ้นข้างนอก “ท่านอ๋อง ใกล้ถึงยามเหม่า*[1] แล้ว”
ฉินเย่จือลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ลุกขึ้นจากอ่างน้ำอย่างรวดเร็ว เขาเช็ดน้ำบนร่างกาย สวมชุดชั้นในแล้วตะโกนเสียงดัง “เข้ามา”
คนที่อยู่นอกห้องรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจัดการอ่างไม้สำหรับอาบน้ำให้เรียบน้อย ส่วนอีกคนเดินตรงไปที่ด้านข้างของฉินเย่จือ ถอดเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนแท่นออก แล้วช่วยสวมใส่มันให้ฉินเย่จือ
หลังจากล้างตัวแล้ว ฉินเย่จือก็เปิดประตูออกแล้วก้าวไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีความสับสนเหมือนเมื่อก่อน และความคับข้องใจที่อยากได้ขนมเหมือนเด็ก
ชุดของราชสำนักสีดำเข้มปักลายมังกรแปดเล็บสีทองบริเวณชายเสื้อ ข้อมือซ้ายขวาปักลวดลายเมฆและสายฟ้าสลับซับซ้อน รองเท้าสีทองเข้ม มือขวาไพล่หลังและเดินออกจากห้องอย่างสง่างาม
เมื่อองครักษ์ข้างนอกเห็นเขาเดินผ่านไป ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามองอีกฝ่าย
ใบหน้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งหมื่นปีทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ และดวงตาเรียวยาวที่สง่างามทำให้ผู้คนหวาดกลัว ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม ไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่น
นี่คือตำนานของต้าชิง ชายผู้ทะเยอทะยาน
นักรบหน้าหยกซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ที่มีอำนาจทั้งหมดและไม่แยแสต่อสิ่งใด
ขณะเดินขึ้นบันไดก็มีลมแรงพัดกระโชกมา และพัดลวดลายมังกรแปดกรงเล็บสีทองที่ปักอยู่ที่ชายเสื้อปลิวไปพร้อมกับแขนเสื้อ เขี้ยวและกรงเล็บทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากผ่านไปแล้ว ผู้ที่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้านหลังของฉินเย่จือและรู้สึกเพียงว่าด้านหลังของฉินเย่จือนั้นสง่างามราวกับเทพเซียนจากสวรรค์ ทั้งสง่างามและสูงส่ง
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่เคียงข้างเจ้านายมากี่ปีก็มีไม่กี่คนที่กล้าที่จะมองตรงไปที่เขา ดวงตาเรียวยาวของเจ้านายนั้นเหมือนน้ำแข็งซึ่งทำให้ผู้ที่มองเขาจมดิ่งลงไปทันที
เมื่อมาถึงประตูพระราชวัง บรรดาคนที่ต้องรอขึ้นศาลหลวงรออยู่นอกประตูวัง เมื่อรถม้าปรากฏก็เห็นไข่มุกราตรีลูกใหญ่สองลูกแขวนอยู่บนรถม้าทั้งสองด้านส่องสว่างให้หนทางข้างหน้า
แสงที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา และมีคนตะโกนว่า “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาแล้ว!”
หลังจากนั้น ก็มีรถม้าอีกคันวิ่งมาจากอีกฝ่าย และผ่านหน้าผู้คนไป “หมิงอ๋องมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียง ประชาชนทั้งหมดหลีกทางทันทีอย่างรวดเร็ว และเห็นรถม้าสองคัน ด้านซ้ายและด้านขวามาถึงประตูวังพร้อมกัน รถม้าทางซ้ายต้องการไปถึงเป็นคันแรกจึงแล่นนำหน้ารถม้าทางขวาไป
ฉินเย่จือกำลังหลับตาพักผ่อน เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนและต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่
ทันใดนั้น ขณะที่รถม้าของหมิงอ๋องแทรกมา รถม้าของฉินเย่จือก็ขยับไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงจนรถม้าสั่นสะเทือน
ฉินเย่จือรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของรถม้า และทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นเผยให้เห็นแววตาเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น”
อาโย่วรีบเอนตัวไปและพูดเบา ๆ ผ่านม่าน “ท่านอ๋อง รถม้าของหมิงอ๋องเพิ่งเพิ่งแทรกเข้ามา”
เมื่อฉินเย่จือได้ยินสิ่งนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นมุมปากของชายหนุ่ม
อาโย่วรอเป็นเวลานานโดยก็ไม่ได้ยินคำตอบของเจ้านาย ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงขับรถม้าไปที่ประตูพระราชวังอีกครั้ง
ทหารยามที่เฝ้าประตูพระราชวังเห็นรถม้าสองคันตามมาติด ๆ กัน จากนั้นจึงเห็นว่ารถม้าที่อยู่ข้างหน้าเป็นรถม้าของหมิงอ๋อง ทหารยามกำลังจะเปิดประตู แต่ถูกหัวหน้าทหารตะโกนหยุดไว้ “เจ้าไม่มีตาหรือ เจ้าไม่เห็นรถม้าของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ข้างหลังหรือไร”
“แต่รถม้าของหมิงอ๋องมาถึงแล้ว” ทหารยามพูดอย่างประหม่าและทำอะไรไม่ถูก
หมิงอ๋องคนนี้คือท่านอ๋องและเป็นท่านลุงของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
หัวหน้าทหารยามตบศีรษะของเขาและพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลย ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คือท่านอ๋องที่หนุนหลังฮ่องเต้มาตลอด เจ้าบอกไม่ได้หรอกว่าใครสำคัญกว่ากัน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดประตูวัง และเมื่อรถของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงแล้วให้เปิดประตูทั้งสองด้านพร้อมกัน”
รถม้าของหมิงอ๋องหยุดอยู่ที่ทางเข้าของพระราชวัง โดยอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก
อาโย่วขับรถม้าและท่ามกลางการสรรเสริญและความอยากรู้อยากเห็นของขุนนางที่จะยืดคอเพื่อดูภายในม่านรถ แต่ม่านรถไม่ขยับแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีลมแรงก็ตาม และไม่สามารถมองเห็นข้างในได้
หมดหนทาง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ จากนั้นก็เห็นทหารตะโกนขึ้น “เปิดประตู!”
เห็นได้ชัดว่ารถม้าของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้มาถึงประตูพระราชวังแล้ว และแม้ว่ารถม้าของหมิงอ๋องจะมาถึงประตูพระราชวังก่อน แต่เขาก็ต้องรออยู่ที่ประตูพระราชวังให้รถม้าของฉินเย่จือมาถึง จากนั้นประตูพระราชวังจึงจะเปิด
รถม้าสองคันเข้าประตูพระราชวังพร้อมกัน และขุนนางของทั้งสองฝั่งก็เดินตามหลังรถม้าไปไม่ห่าง
หมิงอ๋องนั่งอยู่บนรถม้าด้วยความโกรธและหักแหวนหยกขาวออกเป็นสองซีก ใบหน้าที่สุภาพและเป็นมิตรของเขาตอนนี้มีสีหน้าโกรธเคือง เขามองไปที่รถม้าด้านข้างผ่านม่านและปรารถนาให้ไฟเผาผลาญรถม้าให้สิ้นซาก
แม้ว่าฉินเย่จือจะหลับตา แต่ด้วยการฝึกศิลปะการต่อสู้มาหลายปี เขาสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายที่มองมาจากรถด้านข้าง
*[1] ช่วงเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า