ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1490 เขากำลังตามหาคน
บทที่ 1490 เขากำลังตามหาคน
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการไปที่บ้านตระกูลเสิ่น นางไม่ต้องการมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา วันนี้จึงตั้งใจจะส่งของขวัญนี้ที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
นางเป็นเพียงเสี้ยนจู่อันผิงระดับห้า นอกเหนือจากสถานะนี้แล้ว นางก็เป็นเพียงหญิงสาวที่มาจากจากชนบท
ถานอวี้ซูกล่าวว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเป็นร้านขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แม้ว่าจะไม่มีใครเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่ก็ร่ำรวยและมีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง
คุณชายเลี่ยวตอบรับแล้วออกไปทันที เมื่อออกไปถึงหน้าประตูจึงชะเง้อคอมอง
“ฉางกุ้ยกลับมาหรือยัง”
“ยังขอรับ” ลูกจ้างคนหนึ่งในร้านตอบ
คุณชายเลี่ยวเดินวนไปวนมาด้วยความกังวล และเกรงหญิงสาวข้างในกำลังจะกลับไป แต่ฉางกุ้ยยังไม่กลับมา
ถ้าฉางกุ้ยกลับมาไม่ทันแม่นางท่านนี้จะทำอย่างไร
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา คุณชายเลี่ยวก็รู้ว่าเขาต้องกลับเข้าไปแล้วในเวลานี้ ในตอนนั้นเองที่ฉางกุ้ยวิ่งเข้ามาด้วยอาการเหนื่อยหอบ “อาจารย์เลี่ยว อาจารย์เลี่ยว”
“ได้เรื่องอย่างไรบ้าง” เมื่อเห็นฉางกุ้ยกลับมาคนเดียว คุณชายเลี่ยวก็สงสัยเล็กน้อย นายน้อยไม่ได้บอกว่าเขาต้องการพบแม่นางคนนั้นหรอกหรือ เหตุใดเขาถึงไม่มาเล่า “เจ้าไม่เจอนายน้อยงั้นหรือ?”
ฉางกุ้ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่ขอรับ ข้าพบแล้ว”
“แล้วทำไมนายน้อยังไม่มาอีกล่ะ”
คุณชายเลี่ยวขมวดคิ้วแน่น
“นายน้อยกล่าวว่า เขามีเรื่องบางอย่างต้องทำ ให้ท่านรับรองแขกไปก่อน”
“เจ้าบอกนายน้อยว่าอย่างไร”
“ข้าแค่พูดว่าผู้หญิงที่ซื้อผ้าสีเทาจากร้านเราครั้งนั้นมาที่นี่”
ฉางกุ้ยไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานมาเพื่อขอบคุณ เขาบอกเพียงว่านางเป็นผู้หญิงที่มาซื้อผ้าในครั้งที่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณชายเลี่ยวก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และกำลังจะเปิดม่านเพื่อเข้าไปข้างใน แต่ก็พบว่ากู้เสี่ยวหวานออกมาจากด้านในแล้ว
กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งที่คุณชายเลี่ยวและฉางกุ้ยคุยกันแล้ว เมื่อเห็นว่าคุณชายเลี่ยวกำลังจะไปหานายน้อยเสิ่น กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มและพูดว่า “คุณชายเลี่ยว หากนายน้อยของท่านไม่ว่าง ดังนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบโดยไม่รอให้คุณชายเลี่ยวพูดอะไรอีก นางก็โค้งคำนับและจากไปด้วยรอยยิ้ม
“ช้าก่อน แม่นาง แม่นาง” ท่านลุงเลี่ยวยื่นมือออกไป อยากจะรั้งกู้เสี่ยวหวานไว้ แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าเป็นการจะรั้งนางเอาไว้ได้เป็นเรื่องยาก เขาจึงได้แต่ผายมือออกไปแล้วส่งกู้เสี่ยวหวานออกไปที่ประตูด้วยตัวเอง
เมื่อเขามาถึงประตู เขามองไปที่รถม้าที่จอดอยู่ที่ประตู ท่านลุงเลี่ยวมองสำรวจเพราะอยากจะดูว่ารถม้าถูกทำเครื่องหมายตระกูลไว้หรือไม่ แต่หลังจากมองไปรอบ ๆ รถม้าก็เป็นเพียงรถม้าธรรมดา
เมื่อเห็นว่าคุณชายเลี่ยวกำลังดูรถม้าของตัวเองอย่างละเอียด กู้เสี่ยวหวานก็มองการแสดงออกของเขาอย่างสงบ
“คุณชายเลี่ยวมาส่งข้าเท่านี้ก็พอแล้ว” กู้เสี่ยวหวานก้าวขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นเห็นคุณชายเลี่ยวเดินตามหลังมาก็เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องในวันนี้รบกวนคุณชายเลี่ยวมากแล้ว”
คุณชายเลี่ยวส่ายหน้าด้วยความละอาย “ไม่เป็นอะไร ข้าขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้แม่นางรออยู่ตั้งนาน”
กู้เสี่ยวหวานทำเพียงแค่ยิ้มจาง ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นนางปิดม่านและรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไป
เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนตัวออกไป คุณชายเลี่ยวก็รีบพูดว่า “ฉางกุ้ย ตามรถม้าข้างหน้าไป ระวังอย่าให้คลาดสายตาและดูว่าเป็นรถม้าของตระกูลไหน”
ฉางกุ้ยรับคำสั่งและตามรถม้าไปอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากอยู่ในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน อาโม่จึงขับรถม้าได้ไม่เร็ว และฉางกุ้ยเองก็มีศิลปะการต่อสู้เล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงอยู่ห่างจากรถม้าไม่ไกล
หลังจากเดินตามไปได้เพียงครึ่งถนน อาโม่ก็ตระหนักว่าเขากำลังถูกติดตาม
หลังจากรายงานต่อคุณหนูในรถม้าแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงเกิดอาการไม่พอใจเล็กน้อย “ไปต่อ สลัดเขาให้หลุดก่อนถึงบ้าน”
อาโม่พยักหน้ารับทราบ
ฉางกุ้ยคนนั้นตามเขาไปอีกครึ่งทาง ในที่สุดรถม้าก็หายไป
หลังจากค้นหาเป็นเวลานาน เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของรถม้าคันนั้น ฉางกุ้ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
ที่นั่น คุณชายเลี่ยวกำลังรอข้อความของฉางกุ้ย และมันทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก “คุณชายเลี่ยว ข้าพลัดหลงกับพวกเขา”
“พลัดหลงหรือ” คุณชายเลี่ยวไม่อยากจะเชื่อ “พลัดหลงได้อย่างไร รถม้าขนาดใหญ่ไม่ใช่คนตัวเล็ก ๆ คนเดียว”
“รถม้าก็หายไปแล้ว” ฉางกุ้ยพูดอย่างหมดหนทาง “ข้าตามไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นและดูเหมือนว่าพวกเขารู้ว่ามีคนตามมา พวกเขาจึงสลัดข้าหลุด”
ตามไปได้เพียงครึ่งทางแล้วหายไป
ผู้หญิงคนนั้นดูไม่เหมือนคนที่มีทักษะศิลปะการต่อสู้
อาจเป็นสองคนที่อยู่ข้างนาง?
สาวใช้คนหนึ่งและคนขับรถม้า
คุณชายเลี่ยวตกใจ
แม้ว่าฉางกุ้ยจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เขาก็อยู่เคียงข้างนายน้อยเสมอ เขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงเพื่อเอาไว้ดูแลร้านและแก้ปัญหาฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ฉางกุ้ยไม่สามารถติดตามพวกเขาได้เลย ดังนั้นเขาจึงอธิบายได้เพียงว่าคนสองคนที่อยู่รอบตัวนางไม่ธรรมดาแน่นอน
การที่มีคนที่มีศิลปะการป้องกันตัวสูงอยู่รอบตัวก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา แต่ผู้หญิงคนนั้นมาจากตระกูลไหนกัน?
นอกจากนี้ นางกล่าวว่าเนื่องจากนางไม่ได้มาจากเมืองหลวง รถชม้าก็น่าจะออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
แม้แต่ในเมืองหลวงก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เมื่อหญิงสาวออกจากเมืองหลวงไป หากนายน้อยต้องการพบนางอีก มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
“นายน้อยอยู่ที่ไหน” ท่านลุงเลี่ยวยังไม่ยอมแพ้
“นายน้อยและฉางเซิงอยู่ข้างนอก” ฉางกุ้ยวิ่งไปที่บ้านตระกูลเสิ่น แต่ได้รับแจ้งว่านายน้อยออกไปแล้ว จากนั้นจึงบอกให้เขาดูแลแขก
“ออกไปทำอะไรข้างนอก”
“ข้าไม่รู้ว่านายน้อยกำลังทำอะไร แต่เหมือนนายน้อยกำลังตามหาใครสักคน” ฉางกุ้ยกล่าว
“กำลังตามหาใครอยู่…” คุณชายเลี่ยวขมวดคิ้ว “หาใครกัน”
“ข้าไม่รู้” หลังจากที่ฉางกุ้ยลงไป คุณชายเลี่ยวครุ่นคิดอยู่นาน แต่เขาไม่รู้ว่านายน้อยหมายถึงอะไร
เป็นไปได้ไหมว่านายน้อยไม่ต้องการเจอผู้หญิงคนนั้นอีกต่อไป?
แต่เขารู้หรือไม่ว่าผู้หญิงที่เขาช่วยไว้เมื่อวานคือคนที่เขาอยากเจอ?
นายน้อยกำลังตามหาใครกัน
เฮ้อ…
คำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ทำให้คุณชายเลี่ยวปวดใจ
เมื่อคิดว่าเขายังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก ท่านลุงเลี่ยวก็ถอนหายใจและวางแผนที่จะเอาสิ่งเหล่านี้ออกจากความคิดไปก่อน
หลังจากที่อาโม่สลัดคนที่อยู่ข้างหลังหลุดไปแล้ว เมื่อเขาแน่ใจว่าไม่มีใครติดตามมา ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่สวนชิง