ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 152 มีคนพบเห็น
บทที่ 152 มีคนพบเห็น
บทที่ 152 มีคนพบเห็น
ดวงตาของเหลียงเหยาซื่อแดงก่ำ มองกู้เสี่ยวหวานอย่างเจ็บปวดรวดร้าว หัวใจของนางราวกับถูกแทงด้วยมีดที่แหลมคม นางต้องการปลอบโยน แต่ก็รู้สึกว่าการปลอบใจในสถานการณ์นี้คงไม่ช่วยอะไร จึงทำได้เพียงปาดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ
ครอบครัวนี้ไม่มีอะไรในบ้านเลยนอกจากเตียงเพียงเตียงเดียว สิ่งของดี ๆ ในบ้านก็ไม่มีสักนิด แค่สถานการณ์ของเด็กพวกนี้ก็ดูน่าเป็นห่วงพอแล้ว ยังต้องมาแตกหักกับครอบครัวญาติพี่น้องอีก นี่มันมากเกินไปแล้ว! เหลียงเหยาซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานทั้งบวมเป่งและม่วงช้ำ แต่เฉาซื่อคนนั้นกลับสบายใจไร้กังวลเช่นนั้นได้อย่างไร
เป็นอย่างที่กล่าวกันไว้จริง ๆ คนดีมีทุกข์มาก แต่คนเลวกลับหยิ่งผยอง!
“พี่น้องทั้งหลาย สถานการณ์ในตอนนี้พวกเจ้าก็ได้เห็นแล้ว ข้าว่า… พวกเจ้าควรกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ” หลังจากท่านป้าจางพูดจบ นางก็ปาดน้ำตาแล้วพูดอย่างเศร้าใจ “อีกไม่นานเด็กน้อยผู้น่าสงสารเหล่านี้จะมีชีวิตที่ดี!”
เหลียงเหยาซื่อรีบพูด “ท่านไม่ต้องเสียใจ พวกเราจะกลับไปก่อน พักผ่อนสักครู่ แล้วสามีกับข้าจะออกไปตามหาอีกครั้ง ท่านกับเสี่ยวหวานก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน สาวน้อยคนนี้ไม่ได้นอนมาเกินหนึ่งวันแล้ว นางยังเป็นเด็กแปดขวบอยู่เลย จะทนอดนอนได้อย่างไร รบกวนท่านคอยดูแลนางหน่อยเถอะ!” หลังจากเหลียงเหยาซื่อพูดจบ นางก็เดินตามช่างไม้เหลียงกลับไป
ท่านป้าจางไปที่ห้องครัว ทำแป้งกวนและเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที เมื่อนางออกไป กู้เสี่ยวหวานกลับยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น เมื่อนางกลับมาแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ท่านป้าจางเป็นคนอ่อนไหวง่าย เมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะหยุดน้ำตาของตนได้ และมันก็ไหลบ่าออกมาราวกับทำนบพัง
ขณะถือชามแป้งกวนเข้ามา นางก็เดินมาข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างร้อนใจว่า “เสี่ยวหวาน ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา อย่ากลั้นเอาไว้! ฉือโถวออกไปตามหาเสี่ยวอี้แล้ว ไม่ต้องกังวลไป!”
ท่านป้าจางพูดปลอบใจ ขนาดค้นหากันมาทั้งวันทั้งคืนแล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไร หากฉือโถวออกไปค้นหาจะได้ผลอะไรบ้างไหม?
ท่านป้าจางเองแทบไม่อยากจะเชื่อตนเองเลย
“มาเถอะ เสี่ยวหวาน กินสักหน่อยเถอะ ไม่เช่นนั้นถ้าเจอเสี่ยวอี้แล้ว ร่างกายของเจ้าจะไม่ไหวเอานะ!” ท่านป้าจางหยิบช้อนแล้วป้อนให้กู้เสี่ยวหวานด้วยมือสั่นเทา แต่กู้เสี่ยวหวานก็ปิดปากของตนเองแน่น
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเร่งรีบมาจากข้างนอก “ท่านแม่ เสี่ยวหวาน ท่านแม่……”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าบุคคลที่วิ่งมาเป็นฉือโถว ดวงตาที่สิ้นหวังก็เป็นประกายเล็กน้อย นางรีบลุกขึ้นจากพื้น ท่านป้าจางวางชามในมือของตนเองลง และรีบพยุงกู้เสี่ยวหวาน เมื่อนางเดินไปที่ประตู นางก็เห็นฉือโถวพาคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
ชายคนนั้นอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี และพวกนางไม่รู้จักเขา
“ฉือโถว หาเสี่ยวอี้เจอแล้วหรือยัง? แล้วคนผู้นี้คือใคร” ท่านป้าจางคิดว่าฉือโถวได้พาเสี่ยวอี้กลับมา ทำให้เมื่อครู่นี้นางมีความสุขมาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหดหู่อีกครั้ง
“ท่านแม่ เสี่ยวหวาน อย่าเพิ่งใจร้อนไป ฟังเขาก่อน เขารู้ว่าเสี่ยวอี้อยู่ที่ไหน!” ตอนนี้ยังคงเป็นเดือนแรกของปี และอากาศหนาวเย็นถึงกระดูก แต่คาดว่าเป็นเพราะฉือโถวที่วิ่งไปวิ่งมาจึงมีเหงื่อ เขาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา
“ท่านรู้หรือไม่ว่าน้องสาวของข้าอยู่ที่ไหน?” ทันทีที่นางได้ยินว่ามีคนเห็นกู้เสี่ยวอี้เป็นครั้งสุดท้าย กู้เสี่ยวหวานก็จับมือคนผู้นั้นอย่างตื่นเต้นและถามอย่างรีบร้อน
“ข้าเป็นแค่คนขับเกวียน วันนั้นยังไม่เช้า และข้าก็กำลังจะรีบไปส่งของ ดังนั้นข้าจึงใช้ทางลัดจากหมู่บ้านของเจ้า ข้าเห็นเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากหมู่บ้าน” ชายหนุ่มเล่าต่อว่า “เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณสี่ขวบ เดินไปด้วยร้องไห้ไปด้วย ตะโกนอะไรสักอย่างว่าช่วยพี่สาวข้า ช่วยพี่สาวข้าด้วย!”
ดูเหมือนว่าจะถูกต้องแล้ว ทั้งอายุ ทั้งสิ่งที่เด็กหญิงตัวเล็กพูด ต้องเป็นกู้เสี่ยวอี้อย่างแน่นอน
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าในที่สุดตนก็ได้ยินข่าวคราวของกู้เสี่ยวอี้ นางจึงมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แม้แต่ดวงตาของนางก็เปล่งประกายออกมา
“ท่านรู้จักเด็กผู้ชายคนนั้นหรือไม่?” ท่านป้าจางถามอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านนี้มีเด็กผู้ชายเยอะมาก เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่
“ไม่รู้สิ ข้ามาจากหมู่บ้านอื่น แค่ผ่านมาเพื่อใช้ทางลัดของหมู่บ้านนี้เท่านั้น” ชายหนุ่มพูดอย่างเก้อเขิน “แต่เด็กคนนี้อายุประมาณสิบขวบ รูปร่างอ้วนท้วน พาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปที่หมู่บ้าน! และเด็กคนนั้นยังสวมสร้อยเงินขนาดใหญ่ที่คอด้วย!”
“คนผู้นั้นคือเหลียงต้าเปา!” ฉือโถวเอ่ยอย่างมั่นใจหลังจากได้ยินคำอธิบาย
“แน่ใจนะ?” ป้าจางถาม เหลียงต้าเปาเป็นหลานรักของหัวหน้าหมู่บ้าน ถ้าบังเอิญทำผิดต่อใครสักคน เขาจะหันหน้าหนีและทำเป็นไม่รู้จัก
“ท่านแม่ขอรับ ข้าแน่ใจ ข้ามักจะเห็นเหลียงต้าเปาในหมู่บ้าน และเขาก็สวมสร้อยเงินที่คอเป็นประจำ เขายังบอกด้วยว่าตัวเองเป็นราชาของเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน สร้อยคอเงินเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสถานะ และทุกคนควรเชื่อฟังเขา!” แม้จะไม่ได้ใกล้ชิดกับเหลียงต้าเปานัก แต่เด็กคนนั้นก็ซนจนยากที่จะรู้ว่าเขารู้อะไรบ้าง
ทันทีที่ฉือโถวพูดจบ กู้เสี่ยวหวานก็พุ่งออกไปราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยจากคันธนู
“เสี่ยวหวาน รอข้าด้วย!” ฉือโถวกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำอะไรบุ่มบ่าม และประสบกับความสูญเสียเมื่อนางไปถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจพ่อหนุ่มมากนะ!”
“ไม่เป็นไรขอรับท่านป้า เด็กคนนั้นหายไปหรือ?” ชายหนุ่มถามอย่างใจดี
“ใช่ หายไปตั้งแต่เมื่อวาน พี่สาวของนางจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ขอบใจนะ ข้าจะไปส่งเจ้า” ท่านป้าจางกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้น และกำลังจะส่งชายหนุ่มออกไป
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านป้า ข้าจะไปกับท่านและดูว่าใช่เด็กผู้ชายที่ข้าเห็นเมื่อวานตอนเช้าหรือไม่ ข้าจะได้ระบุตัวถูก!”
ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอบอุ่นมีน้ำใจ ท่านป้าจางได้ยินแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งและพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่างนั้นก็ดี พวกเราไปกันเถอะ!”
“ใช่ ไป ๆๆ!” ทั้งสองเดินไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านด้วยกัน
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกำลังกินอาหารเย็น ท่ามกลางผู้คนที่นั่งเป็นวงกลม เหลียงต้าเปากลับไม่ได้อยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานบวมแดง หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “สาวน้อยกู้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? บาดแผลบนใบหน้ามาจากไหนกัน?”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตอบคำถามของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง แต่เหลือบมองไปรอบ ๆ บ้านอย่างกระตือรือร้น เมื่อนางเห็นว่าไม่มีใครที่นางกำลังมองหา กู้เสี่ยวหวานก็รีบเข้าไปในห้องด้านหลัง
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเป็นเช่นนี้ ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบเข้ามาหยุดนาง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เฮ้ สาวน้อยกู้ เจ้าเป็นอะไรไป? ถ้าไม่มีอะไรแล้วมาที่บ้านของข้าทำไม!”
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีคนเจอตัวแล้ว เริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้วค่ะ ฮืออ ขอให้เสี่ยวอี้อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ
ไหหม่า(海馬)