ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1531 มีปากเสียง
บทที่ 1531 มีปากเสียง
…………….
บทที่ 1531 มีปากเสียง
หลังจากที่ซูจือเยว่เดินออกไปพ้นประตูสวน ซูหมิ่นได้แต่มองตามแผ่นหลังของเขาไป ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่หันกลับมาแม้แต่น้อยจึงทำให้นางรู้สึกไม่พอใจราวกับประกายไฟกำลังลุกโชนในดวงตา มันแผดเผาและร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
กู้เสี่ยวหวานนะกู้เสี่ยวหวาน นังคนบ้านนอกไร้ยางอายคนนี้ เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า!
เมื่อใกล้ถึงเวลา งานเลี้ยงก็เริ่มแล้ว
ถานอวี้ซูดึงให้กู้เสี่ยวหวานแล้วเดินเข้าไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง เป็นลานที่ค่อนข้างใหญ่ของบ้านตระกูลซู ด้านในนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่ม ทนต่อแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วง เงาต้นไม้เป็นจุด ๆ ตกกระทบโต๊ะตัวเตี้ยที่วางอยู่ใต้ต้นไม้ กู้เสี่ยวหวานเดินตามถานอวี้ซูไปยังที่ของตัวเอง มองไปที่จอกสุราที่วางเรียงกันบนโต๊ะเตี้ย มองดูใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นไม้เป็นบางครั้งคราว ยังคงคิดกับตัวเองว่า เดี๋ยวตอนที่นางดื่มของพวกนี้ เป็นไปได้ว่าคงจะมีแมลงตัวเล็ก ๆ ตกลงมาในจอกเหล้าพอดี
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่จอกเหล้าตรงหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย ถานอวี้ซูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ กันสองคน
หญิงสาวสองสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่ มีคนรับใช้ชายหญิงเดินไปมา บรรยากาศก็ยิ่งครึกครื้นมากขึ้น
“อุ๊ย นี่ไม่ใช่เสี้ยนจู่อันผิงที่มาจากบ้านนอกผู้หรอกหรือ งานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้ก็มาด้วยงั้นหรือ ใครเชิญนางมากัน” น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้นไม่ไกล และก็มีบางคนหัวเราะไปด้วยความขบขัน เสียงนั้นมีเสน่ห์และนุ่มนวล
กู้เสี่ยวหวานหันไปมองตามเสียงก็เห็นหวงหรูซื่อที่กำลังพูดอยู่ไม่ไกล
รอบตัวหวงหรูซื่อเต็มไปด้วยลูกคุณหนูผู้ร่ำรวย ต่างพากันเห็นด้วยกับหวงหรูซื่อที่พูดเยาะเย้ยกู้เสียวหวาน
เมื่อครู่พวกนางไม่ได้อยู่ที่สวน จึงไม่รู้ว่าในสวนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หวงหรูซื่อเดินนำหญิงสาวกลุ่มนั้นเข้าไปในสวนก็เห็นจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์ พูดคุยและหัวเราะอยู่กับสาวบ้านนอกที่หยาบคายผู้นั้นอย่างสนิทสนม
คนหนึ่งเป็นถึงจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์ เป็นคนที่ฮ่องเต้และไทเฮานั้นรักและเอ็นดู แต่กลับมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับสาวบ้านนอกหยาบคายเช่นนี้ ยิ่งคิด หวงหรูซื่อก็ยิ่งไม่พอใจ และยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็พูดออกมาโดยไม่ทันคิด
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้น หญิงสาวทีอยู่รอบ ๆ ก็มองมาที่กู้เสี่ยวหวานอย่างตกตะลึง
เดิมทีแล้วพวกนางได้ยินแค่ชื่อเสียงที่หวงหรูซื่อเป็นคนพูดให้ฟัง แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเสี้ยนจู่อันผิงว่าเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกที่หยาบคายและโง่เขลา แต่วันนี้ได้เห็นแล้ว
ผิวขาวราวกับหิมะ ไม่มีส่วนไหนที่ดูเหมือนสาวบ้านนอกเลยสักนิด ผมดำเงางาม คิ้วเรียวที่โค้งอย่างงดงาม ดวงตาสีเข้ม เปล่งประกายราวดวงดาวนับพัน
สวมชุดสีขาวนวล ชายกระโปรงสีแดงสด ยิ่งขับให้ผิวขาวดูโดดเด่น เพียงแค่นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็ดูโดดเด่น ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับปกคลุมไปด้วยแสงเจิดจ้าจากดวงอาทิตย์ ทำให้ใครต่อใครไม่กล้าดูหมิ่น
หากหญิงสาวคนนี้เป็นเพียงหญิงสาวบ้านนอกธรรมดา ๆ คุณหนูผู้ร่ำรวยที่อยู่ในงานนี้ก็คงไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคุณหนูแล้ว
“เป็นคุณหนูหวงนั่นเอง ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้น รูปร่างสูงเพรียว เอวบางคอดของนาง ท่วงท่าที่สง่างาม เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประงมเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก
“หืม ผู้ใดที่ไม่ได้เจอกันนานรึ?” หวงหรูซื่อพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “ข้ากับเจ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยกันเสียหน่อย”
เมื่อมองหญิงสาวที่หยิ่งยโสผู้นี้ และคิดว่าตอนนี้นางอายุเพียงสิบเก้าปี แต่ถูกทาบทามโดยชายคนหนึ่งที่สามารถเป็นพ่อของนางได้ เข้ามาสู่ขอนางถึงหน้าประตูบ้าน ให้นางแต่งงานในฐานะผู้สืบสกุล กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียใจกับแม่นางคนนี้จริง ๆ
หากนางไม่หาเรื่องใส่ตัวก็คงไม่ถูกสวรรค์ลงโทษ หวงหรูซื่อนางทำตัวนางเอง งั้นเขาก็ขอเป็นตัวช่วยให้แม่นางคนนี้แล้วกัน
“อ้าว แล้วทำไมเมื่อครู่คุณหนูหวงถึงทักทายข้าล่ะ แล้วยังแสร้งทำเป็นว่ารู้จักข้าดีนัก” กู้เสี่ยวหวานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ประกายในดวงตานั้น ทำให้คนเกิดความกลัว
“ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริง ๆ หญิงสาวที่มาจากบ้านนอก คาดไม่ถึงว่าจะทำให้จวิ้นจู่สับสน จวิ้นจู่เป็นคนที่จิตใจมีเมตตาและมีความรู้เช่นนี้ แต่กลับเป็นสหายกับคนอย่างเจ้าได้อย่างไร ไม่รู้ว่าใช้กลวิธีสกปรกอะไรกัน” หวงหรูซื่อพูดด้วยความไม่พอใจ
จวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ไทเฮาทรงเห็นอกเห็นใจที่นางสูญเสียพ่อแม่ ข้างกายมีเพียงท่านปู่ที่รู้เพียงเรื่องการรบ ดังนั้นนางจึงอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของไทเฮาราวกับลูกตัวเอง
ตระกูลถานนั้นสร้างชื่อเสียงทางการทหารให้ราชวงศ์ชิง แน่นอนว่าฮ่องเต้นั้นให้ความสำคัญ และแม้แต่จวิ้นจู่ผู้นี้ก็มีฐานะสูงศักดิ์เกินกว่าหญิงธรรมดาจะเทียบได้
คนเช่นนี้ เป็นปกติที่จะถูกเหล่าคุณหนูที่มาจากครอบครัวมั่งคั่งแย่งกันประจบสอพลอเพื่อที่จะได้เป็นคนโปรด แต่คนที่มีท่าทีแปลก ๆ คนนี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็ทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น นางไม่ชอบพวกคุณหนูเหล่านี้ แต่กลับมีความสัมพันธ์อันดีกับฟางเพ่ยหยาที่ทั้งอ้วนและขาดความรักผู้นั้น ทั้งรักทั้งปกป้องนาง ยิ่งทำให้คุณหนูเหล่าอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
แต่เมื่อเข้าใกล้ กลับถูกหญิงสาวประหลาดผู้นี้ไล่ออกไป ไม่ให้เข้าใกล้ ไม่ให้ขอร้อง เมื่อไม่นานมานี้ทุกคนต่างคิดว่าจวิ้นจู่เป็นสหายสนิทกับฟางเพ่ยหยาเพราะนางอัปลักษณ์ การมีเพื่อนอัปลักษณ์อยู่ข้างกายนั้นทำให้ความงามของนางดูโดดเด่นขึ้น จึงทำให้คนที่อยากจะประจบสอพลอนั้นผิดหวัง
แต่ว่าวันนี้ที่เห็นกลับไม่เหมือนอย่างที่พวกนางคิดไว้ก่อนหน้า จวิ้นจู่ผู้นี้มีเพื่อนสนิทที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีเพื่อนหน้าตาสะอาดสะอ้าน ช่างเป็นสหายสนิทที่ดูโดดเด่น จริง ๆ แล้วจวิ้นจู่ผู้นี้ไม่ใช่คนที่ต้องการให้ใครมาสนับสนุน
“หวงหรูซื่อ เจ้ากล้าหาญมาก เจ้ากำลังหาว่าจวิ้นจู่หูหนวกตาบอดรึ?” ถานอวี้ซูพลันพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
หวงหรูซื่อแกล้งทำเป็นก่นด่าท่านพี่ว่าเป็นคนไม่ดี เพราะคิดว่านางไม่เข้าใจงั้นหรือ
เมื่อหวงหรูซื่อได้ยินก็เกิดอาการตื่นตระหนกทันที แววตาเปลี่ยนไปเป็นลุกลี้ลุกลน เกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่านางกำลังยกยอความเมตตาของจวิ้นจู่ที่ยอมพูดคุยกับหญิงสาวบ้านนอกฐานะต่ำต้อยเช่นนี้
จวิ้นจู่คิดได้อย่างไรว่าตนจะหัวเราะเยาะนาง
หวงหรูซื่อชำเลืองมองถานอวี้ซู นางก็เห็นถานอวี้ซูทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าโกรธเคืองเช่นนั้นทำให้นางตกใจจนแข้งขาอ่อนแรงและคุกเข่าลง “จวิ้นจู่ จวิ้นจู่ หรูซื่อ…หรูซื่อไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”
…………….