ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1535 เล่นส่วนที่เหลือ
บทที่ 1535 เล่นส่วนที่เหลือ
…………….
บทที่ 1535 เล่นส่วนที่เหลือ
ความสามารถของตัวนางเอง ซูเฉี่ยนเยว่เองก็รู้อย่างกระจ่างแจ้งไม่ใช่รึ?
เหตุใดถึงต้องการดูอีกรอบล่ะ?
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “คุณหนูซู ข้าเป็นคนถ่อมตน ไม่รู้หนังสือ ไม่อาจร้องเพลงและเต้นรำได้ รู้จักแค่กลุ่มธัญพืชห้าอย่างสี่ฤดู เกรงว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวัง”
คนช่างพูดแบบนี้จะทำอะไรได้ ทำไมถึงแสร้งทำเป็นมีจิตใจสูงส่ง
บางคนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างดูถูกเหยียดหยาม แต่เมื่อคิดถึงฐานะของคนผู้นี้และสิ่งที่พวกเขาพูดในตอนนี้ ก็ไม่กล้าที่จะเลือกปฏิบัติ สีหน้าที่แสดงออกมาหลากหลายจนเกินกว่าจะรับไหว
กู้เสี่ยวหวานดูความคึกคักอย่างขบขัน และพยายามเอาตัวออกมาจากสถานการณ์นี้
“ไม่ใช่ว่าเสี้ยนจู่ทำไม่ได้ ข้างเกรงว่านางคงจะไม่กล้าเสียมากกว่า” ซูเฉี่ยนเยว่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและพูดเบา ๆ “ผู้หญิงเกือบทั้งหมดออกมาทำการแสดง แล้วเสี้ยนจู่ไม่คิดว่าตนเองต้องแสดงงั้นหรือ?”
ถานอวี้ซูเห็นซูเฉี่ยนเยว่มุ่งเป้าไปที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง กู้เสี่ยวหวานจึงคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย และบอกให้นางใจเย็น ๆ
“นางคือเสี้ยนจู่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากพี่ชายฮ่องเต้ ไม่เหมือนพวกเจ้า เราแค่โชคดีเกิดในตระกูลขุนนาง” ซูหมิ่นหัวเราะเบา ๆ คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้คนรู้สึกแทงใจดำ
ฮูหยินซูกับซูจือเยว่ออกไปรับรองแขกผู้ชาย จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ฮูหยินซูไม่อยู่ ซูเฉี่ยนเยว่ยิ่งไม่มีความละอายใจ
“จวิ้นจู่ไม่ใช่ตัวหลักเพื่อหลอกล่อให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นที่เฉียบแหลมออกมา เมื่อการแสดงของจวิ้นจู่จบลง เสี้ยนจู่จะต้องขึ้นทำการแสดง มิฉะนั้นจะทำให้จวิ้นจู่เสียหน้าได้” ซูหมิ่นเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจ พยายามบีบบังคับกู้เสี่ยวหวานทุกทาง
กู้เสี่ยวหวานหรี่ตามองไปที่รอยยิ้มเสแสร้งของซูหมิ่นและความเกลียดชังที่ฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ต้องการอะไร
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี สำหรับงานเลี้ยงในครั้งนี้ ข้าได้คิดการละเล่นใหม่ขึ้นมา เหตุใดทุกคนถึงไม่มาเล่นด้วยกันล่ะ” ซูเฉี่ยนเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม
ครั้นได้ยินว่ามีการละเล่นใหม่ ทุกคนก็ลืมเป้าหมายของซูหมิ่นไปชั่วขณะ และเริ่มมีความรู้สึกสนใจขึ้นมา
“ข้าคิดวิธีละเล่นใหม่ที่เรียกว่ากวีเจ็ดก้าวขึ้นมา หมายความว่า ถ้าใครคิดคำใดคำหนึ่งขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็จะคิดคำต่อไป ผู้ใดตอบได้มากที่สุด ผู้นั้นคือผู้ชนะ ท่านแม่ของข้าได้เตรียมของขวัญมากมาย หวังว่าทุกคนจะโชคดี” ซูเฉี่ยนเยว่ตื่นเต้น ทำให้ทุกคนแสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วม
กวีเจ็ดก้าวนี้ เหอะ ๆ
กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยันและพลางจิบชาอีกหนึ่งอึก รสชาติของมันทั้งขมและฝาด
จวนซูที่สง่างาม ชาสำหรับการต้อนรับคือชาเช่นนี้หรือ
ไม่อร่อยเสียจริง ๆ
ชาที่บ้านยังรสชาติดีกว่านี้เสียอีก
น่าเสียดายที่ปีนี้มีชาไม่มากนักและดื่มไปหมดแล้ว คราวหน้าถ้าพี่เย่จือกลับมาควรคุยเกี่ยวเรื่องนี้กับเขา และสั่งให้เขาซื้อชาเพิ่ม
ถึงจะดูธรรมดา แต่รสชาติดีเยี่ยม
ชนะใจนางอย่างขาดลอย
เมื่อนึกถึงใครบางคน ร่างทั้งร่างของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา เมื่อนึกถึงใครคนนั้น หัวใจก็หวานราวกับหมีกินน้ำผึ้ง
และทางด้านนั้น เริ่มมีคนทยอยตกรอบไปทีละคน จนกระทั่งตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และหมิงตูจวิ้นจู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซูหมิ่นดูเหมือนจะแต่งกวีออกมาโดยไม่ได้พูดด้วยซ้ำ การคิดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้บางคนปรบมือให้อย่างชื่นชม
น่าเบื่อจริง ๆ
ดูเหมือนว่าหมิงตูจวิ้นจู่จะเลือกคนที่เหลือให้เล่นด้วยเช่นกัน
บางคนมีความคิดที่อธิบายไม่ได้ ในบางครั้งก็ดูถูกกู้เสี่ยวหวานที่กำลังดื่มชาอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ได้
กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร และทำเพียงแค่มองไปยังขนมอบตรงหน้า
ชาไม่อร่อย ขนมนี้อาจจะมีรสชาติดีกว่าชา
หน้าตาเฉยเมยไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความสงบแบบนั้นทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา สาวบ้านนอกคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่
ความสามารถก็มี หน้าตาก็ดี แม้แต่ฐานะก็มีแล้ว
ความงามดังกล่าวไม่มีใครเทียบได้ เต็มไปด้วยความรู้ ไม่รู้ว่าจะมีลูกสาวตระกูลเศรษฐีกี่คนในเมืองหลวงที่จะถูกบีบออก
งานเลี้ยงในวันนี้ นางพยายามเอาตัวออกหาก ไม่ชอบจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นเฉยเมยกันแน่
ดวงตาบางคนจับจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานคล้ายมองสำรวจ ก่อนที่นางจะรู้ตัวก็เบนสายตาไปทางอื่นและส่งเสียงกระตุ้นหมิงตูจวิ้นจู่
“ข้าคิดออกมาหนึ่งคำ ไม่อย่างนั้นก็ใช้งานเลี้ยงวันนี้เป็นหัวข้อ หมิงตูจวิ้นจู่ เจ้านึกถึงบทกวีดี ๆ อะไรได้บ้าง” ทันใดนั้น หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
และเห็นซูหมิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทุกคนกำลังคิดหนัก หัวข้อนี้ไม่ง่ายเลยแต่น้อย
ซูหมิ่นดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างสบาย ๆ “การรวมตัวกันครั้งใหญ่ในห้องพิจารณาคดีถือเป็นการฉลองเทศกาล เทศกาลดื่มเหล้า ฮ่องเต้ประกาศให้ต่อสู้เพื่อความสำเร็จ ลานเต้นรำทำให้นึกถึงหิมะ หม้อเหล้าสีทอง ไม่ดื่มวันนี้จะสุขตอนไหน” จากบทกวีอี้ฉินเอ๋อร์ เกอจงเลี่ย ของจูดุนหรู
คิดได้รวดเร็วและลึกซึ้งแบบนั้นทำให้ทุกคนปรบมือ
“หมิงตูจวิ้นจู่เก่งกาจจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะงดงามเท่านั้น แต่ยังเชี่ยวชาญในบทกวีอีกด้วย เก่งกาจมาก”
“ใช่ ใช่แล้ว หมิงตูจวิ้นจู่เก่งกาจมาก”
เสียงปรบมือท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นทำให้ไม่สังเกตเห็นฮูหยินซูและซูจือเยว่ที่เดินเข้ามาแล้ว
และซูหมิ่นกลับพูดคำตอบออกมาขณะที่ซูจือเยว่ก้าวเข้าประตูลานบ้านมา จุดประสงค์คือเพื่อให้ซูจือเยว่ประหลาดใจ
ฮูหยินซูก็เหมือนกัน นางได้เห็นความคึกคักนี้ ในใจก็มีความสุข เห็นหมิงตูจวิ้นจู่มีความรู้และความสามารถเช่นนี้ ในใจก็มีความสุข ไม่ง่ายที่จือเยว่จะคิดการเล่นนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความกระตือรือร้นของทุกคนที่มาร่วมงาน ในที่สุดผู้ที่ได้ที่หนึ่งก็คือหมิงตูจวิ้นจู่
ซูเฉี่ยนเยว่เห็นท่านแม่และพี่ชายมาแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ ท่านพี่ มาเร็วเข้า กวีเจ็ดก้าวนี้พี่หมิ่นชนะแล้ว ท่านแม่ รีบนำของขวัญชิ้นใหญ่ออกมามอบให้พี่หมิ่นเร็วเข้า”
…………….