ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1544 เป็นของล้ำค่าที่มาจากที่ใด
บทที่ 1544 เป็นของล้ำค่าที่มาจากที่ใด
…………….
บทที่ 1544 เป็นของล้ำค่าที่มาจากที่ใด
“ใครก็ได้เรียกสาวใช้ทุกคนที่อยู่ในลานบ้านวันนี้มาให้หมด วันนี้จะต้องมีคำอธิบายให้เสี้ยนจู่อันผิง” ซูเผยอันตะโกนอย่างโกรธเคือง
“ท่านพ่อ ตอนนี้ยังอยู่ที่งานเลี้ยง หากท่านยังตามหาคนด้วยความเอิกเกริกเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย” ซูเฉี่ยนเยว่ทำหน้ามุ่ยจนแดงก่ำและพูดอย่างร้อนรน
กู้เสี่ยวหวานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ
หากจะตามหานางในภายหลัง เกรงว่าสาวใช้คนนั้นคงถูกส่งตัวออกไปนานแล้ว สาวใช้ตัวเล็ก ๆ เช่นนี้จะไปตามหาได้ที่ไหน
ไม่มีการเผชิญหน้า เมื่อถึงเวลานั้น ซูเฉี่ยนเยว่และซูหมิ่นจะสู้กันเอง เหอะ ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่
“ท่านพ่อ ท่านกับท่านแม่ไปอยู่กับแขกเถอะ เดี๋ยวจือเยว่จะพาคนไปตามหาสาวใช้คนนั้นเพื่อคืนความยุติธรรมให้เสี้ยนจู่อันผิงเอง”
ก่อนหน้านี้ซูจือเยว่สังเกตเห็นความผิดปกติของสาวใช้คนนั้น และยังตั้งใจมองอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง หากไปตามหาในตอนนี้จะต้องจำรูปร่างหน้าตาของนางได้แน่นอน
“ดีเลย เวลาไม่เคยรอใคร เจ้ารีบไปเถอะ” ซูเผยอันรู้เพียงว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่จวนของเขา และจะต้องจับตัวการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้ได้
ซูจือเยว่มองไปที่กู้เสี่ยวหวาน จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็อธิบายลักษณะท่าทางของสาวใช้คนนั้นให้เขาฟัง เมื่อครู่มองสาวใช้คนนั้นอยู่หลายรอบ ดังนั้นจึงจำจุดเด่นที่เปลี่ยนได้ยากที่สุดของสาวใช้คนนั้นไว้
เมื่อซูจือเยว่เห็นนางสังเกตอย่างรอบคอบก็แอบชื่นชมนางในใจ
ตอนที่ตามซูจือเยว่ไป สีหน้าของซูเฉี่ยวเยว่แดงขึ้นเรื่อย ๆ นางก้มหน้าลงและกระซิบข้างหูชุ่ยจู๋ไม่กี่คำ และเมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที
กู้เสี่ยวหวานเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา และมั่นใจนานแล้วว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซูเฉี่ยนเยว่แน่นอน
คนที่ต้องตามหาก็ตามหาแล้ว แต่งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อไป ซูเผยอันกลับไปยังสถานที่จัดงานแล้ว
ฮูหยินซูพากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไปฝั่งผู้หญิง หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานถึงฝั่งผู้หญิง ก็ก่อให้เกิดความโกลาหลไม่น้อยเลย
ทุกคนมองกู้เสี่ยวหวานและซุบซิบนินทา แววตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คนเช่นนี้รู้เพียงธัญพืชสี่ฤดูยังจะพูดอะไรอีก ไม่รู้ฉิน หมากล้อม ตำรา และการวาดภาพ อย่างนั้นพวกนางก็เป็นที่น่าหยามหยันของผู้คนจริง ๆ
เมื่อเห็นความเก่งกาจของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้ มีคุณหนูบางคนที่ทนไม่ได้และต้องการแข็งแกร่งกว่ากู้เสี่ยวหวาน
“เสี้ยนจู่อันผิง ข้าเป็นลูกสาวของขุนนางในเขตทงโจว ข้าชื่อหลิวซืออี๋ คนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของข้า ชื่อหลิวเสวี่ยหยิง เป็นลูกสาวของหลิวจวีถงผู้ตรวจราชการ”
คนที่พูดคือแม่นางคนเมื่อครู่ที่อยู่ข้างนอกที่ชื่นชอบซูจือเยว่ ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับว่าเป็นสีหน้าปกติของนาง
กู้เสี่ยวหวานคาดไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามาคุยกับนาง จึงได้แต่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นความกังวลและกระสับกระส่ายบนใบหน้าของผู้หญิงที่ชื่อหลิวซืออี๋ กู้เสี่ยวก็หวานพยักหน้า “ยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูทั้งสอง”
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหันมาพยักหน้า หลิวซืออี๋และหลิวเสวี่ยหยิงก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง “เสี้ยนจู่อันผิง”
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็สังเกตแม่นางสองคนนี้ที่มาอย่างไร้ร่องรอย
คนที่ชื่อหลิวเสวี่ยหยิงผู้นี้ คิดแล้วน่าจะเกิดและโตที่เมืองหลวง ท่าทางของนางดูสูงส่ง ในทางกลับกัน หลิวซืออี๋นั้นน่าจะโตมาในสถานที่เล็ก ๆ เพราะนางมีความขี้ขลาดขี้อาย ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นางเอ่ยปากทักทายกู้เสี่ยวหวาน แต่ท่าทางกลัวหน้ากลัวหลังขี้ขลาดตาขาวเช่นนั้น ดูแล้วไม่ค่อยเรียบน้อยเสียเท่าไร
หลิวซืออี๋ผู้นี้คือคนที่อยู่หน้าประตูที่บอกว่าชื่นชอบซูจือเยว่ แต่หลิวเสวี่ยหยิงเตือนนางไม่ให้พูดไร้สาระ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หมิงตูจวิ้นจู่ขุ่นเคืองใจ
สีหน้าของหลิวเสวี่ยหยิงในตอนนี้ เต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจ เหมือนกำลังหวาดกลัวบางอย่างเล็กน้อย
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูการแสดงออกของสองคนนี้อย่างเงียบ ๆ
“เสี้ยนจู่มีความสามารถพิเศษทางวรรณกรรมและทักษะการเล่นฉินที่ยอดเยี่ยม ข้ากับน้องสาวอยากมาทำความรู้จักกับเสี้ยนจู่นานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเสี้ยนจู่จะรังเกียจฐานะต่ำต้อยของข้ากับน้องสาวหรือไม่” หลิวซืออี๋ผู้นั้นพูดสรรเสริญเยินยออย่างประจบประแจง
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและหัวเราะอย่างจำใจ “ตราบใดที่พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าทำให้หลายคนขุ่นเคืองใจ ก็คงไม่เป็นไร”
หลิวซืออี๋แสร้งทำเป็นโกรธและพูดด้วยใบหน้าน่ารัก “ข้าคิดว่าเสี้ยนจู่อันผิงเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีมากกว่าพวกคุณหนูในเมืองหลวงเสียอีก”
เมื่อเห็นคนผู้นี้พูดอย่างประจบประแจงเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะมองนางอีกครั้ง แต่เห็นรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายแล้ว การแสดงของนางดูเป็นธรรมชาติและดวงตาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
แต่ว่าในสายตาของคนผู้นี้เต็มไปด้วยกลอุบาย เมื่อเห็นนางเริ่มแสดง กู้เสี่ยวหวานก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจก็ยังตั้งท่าระมัดระวัง
บางคนพูดกับตนเองไม่กี่ประโยคแล้วกลับไปนั่งที่ของตนเอง
หลังจากนั่งลงแล้ว ก็มีคนเอ่ยปากถามกู้เสี่ยวหวานว่า “เสี้ยนจู่อันผิง ผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทองบนตัวท่านนี้ได้มาจากที่ใด ได้ยินมาว่าวัสดุนี้ส่งกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ด้วยตัวของมันเอง และภายใต้แสงอาทิตย์จะมีความแวววาวของดอกไม้นับหมื่น ผ้าชนิดนี้เป็นอันดับหนึ่งของผ้าทุกชนิด”
เมื่อมีคนถามเกี่ยวกับเสื้อผ้าบนร่างกายของนาง กู้เสี่ยวหวานก็ตอบกลับ “เสื้อผ้านี้มีคนมอบให้ข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ใด”
คุณหนูคนนั้นยังไม่ยอมแพ้ “เสี้ยนจู่บอกได้หรือไม่ว่าคนนั้นคือผู้ใด ข้าต้องหาคนผู้นั้นพบแน่ แล้วจะได้ถามต่อหน้าเขา”
คนที่เหลือก็จ้องมองมาที่กู้เสี่ยวหวานและวางแผนให้กู้เสี่ยวหวานพูดออกมาว่าคนนั้นคือผู้ใด
คนที่ได้ผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทองมา จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ถ้าหากสามารถรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด อย่างนั้นผ้าล้ำค่าผืนอื่น ๆ ที่เหลือเขาก็ต้องหามาได้อย่างแน่นอน
ผ้าบนร่างกายที่มีราคาแพงเช่นนี้ มีมูลค่าสูงจนแม้แต่คนมีเงินก็ไม่อาจหาซื้อได้
เดิมทีผ้าดี ๆ เช่นนี้หาได้ยาก และคงจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากได้มันมาครอบครองสักผืน
การสวมเสื้อผ้าที่มีค่าและหาที่เปรียบไม่ได้บนร่างกายเช่นนี้ มันจะต้องโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนในเมืองหลวง
ผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทองเป็นของล้ำค่า และเป็นผ้าที่หาได้ยาก แต่กู้เสี่ยวหวานผู้เป็นเพียงสาวชาวบ้าน กลับสามารถสวมเสื้อผ้าทั้งชุดที่ทำจากผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทองได้
“ต้องขอโทษด้วย พอดีว่าข้าเจอคนผู้นั้นโดยบังเอิญ คนผู้นั้นไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากผ้าผืนนี้ ข้าจึงได้ซื้อผ้าผืนนี้ต่อจากเขา” กู้เสี่ยวหวานโกหกออกไป
นางไม่สามารถบอกได้ว่าผ้าผืนนี้เป็นพี่เย่จือที่มอบให้นาง อีกทั้งผ้าผืนนี้พี่เย่จือได้มันมาจากที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้ และยังมีเสื้อผ้าเครื่องประดับที่มีค่ามากมายในบ้าน
ล้วนเป็นของที่สวยงามและหาได้ยาก
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
0
เป็นครั้งแรกที่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่านางได้พบขุมทรัพย์ท่ามกลางสมบัติที่ล้ำค่าแล้ว
…………….