ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1545 สาวใช้ถูกจับ
บทที่ 1545 สาวใช้ถูกจับ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในใจก็มีเพียงความคิดเดียวที่คิดออกในตอนนี้
พี่เย่จือเป็นของนางเพียงผู้เดียว คนอื่นอย่าได้แม้แต่จะคิด ครั้นคิดถึงเรื่องนี้ แววตาฉายชัดถึงความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้อย่างชัดเจน และมันทำให้ผู้คนตลกตะลึง
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้บอกกล่าวว่าคนผู้นั้นคือใคร และก็มีบางคนไม่ยอมแพ้ ต่างก็กรูกันเข้ามาด้านหน้าเพื่อรอดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้ว่าจะมองมาจากระยะไกล แต่ผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทองยังดึงดูดความสนใจได้จากทุกคน
“ข้าเคยเห็นเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำมาจากผ้าหอมดิ้นเงินดิ้นทอง ได้ยินมาว่าผ้าเช็ดหน้านั้นจะต้องเก็บไว้ในตู้ และในวันถัดไปเมื่อเปิดตู้ออก กลิ่นก็จะหอมโชยออกมา”
“ข้าก็เคยได้ยินมาก่อน จุ๊ ๆ เสื้อผ้าชุดนี้ช่างงามจริง ๆ”
แต่ไหนแต่ไรมา หญิงสาวมักจะพ่ายแพ้ต่อความสวยงาม
กู้เสี่ยวหวานพูดคุยกับพวกนางด้วยท่าทีสบาย ๆ และกินขนมที่อยู่ข้างหน้านาง
เนื่องจากการแสดงในเมื่อครู่จบลงแล้ว ทุกคนจึงไม่มีจุดวางสายตาอีก ทันใดนั้นก็มีคนบางส่วนลุกขึ้นพลางกล่าวขอตัวกลับก่อน ฮูหยินซูทนไม่ไหว อยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จึงรีบสั่งให้คนส่งนางออกไป
เมื่อครู่ในลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยผู้คนแออัด แต่ตอนนี้เหลือผู้คนไม่กี่คนเท่านั้น บริเวณรอบ ๆ จึงดูโล่งตามากขึ้น
“ปิ่นปักผมบนศีรษะของเสี้ยนจู่มีเอกลักษณ์มาก ท่านซื้อมาจากที่ใดหรือ” ทันใดนั้นก็มีแม่นางคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย
กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่เล็กน้อย ปิ่นที่นางใช้ในวันนี้คือปิ่นหยกสีเขียวมรกต ตัวปิ่นมีช่องว่างอยู่ หากใช้นิ้วกดเบา ๆ ก็จะมีเข็มเล่มบางนับสิบที่ถูกเคลือบด้วยยาพิษปรากฏออกมา
ซื้อมาจากที่ใด
กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่รู้เช่นกัน ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยซื้อเครื่องประดับจากข้างนอกด้วยตนเอง ทุกอย่างล้วนเป็นของที่พี่เย่จือมอบให้
เครื่องประดับเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความประณีตเท่านั้น อีกทั้งแต่ละชิ้นล้วนเป็นอาวุธในการป้องกันตัว
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า “ขอโทษด้วย ข้าไม่แน่ใจนัก ทั้งหมดนี้สาวใช้ของข้าล้วนซื้อมาจากข้างนอก”
ถามสิ่งนี้ก็ไม่รู้ ถามสิ่งนั้นก็ไม่รู้ ส่งผลให้บางคนทำหน้าไม่พอใจขึ้นมา “เกรงว่าไม่ใช่ไม่รู้ เพียงแต่แค่ไม่อยากบอกหรอกกระมัง หรือว่าเสี้ยนจู่กลัวว่าพวกข้ารู้ว่าท่านซื้อมาจากที่ใดแล้ว พวกข้าจะมาแย่งชิงความโดดเด่นจากเสี้ยนจู่หรือ”
คนผู้นั้นมีท่าทางก้าวร้าวและพูดจาประชดประชัน แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญ “ความโดดเด่นถูกสร้างขึ้นด้วยตนเอง ไม่ใช่จากชุดเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับบนร่างกาย ไม่ว่าจะสวมใส่ของดีแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบได้กับสมองอันปราดเปรื่อง”
กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่ศีรษะของตนเองอย่างภาคภูมิใจ การกระทำของกู้เสี่ยวหวานทำให้คุณหนูผู้นั้นโกรธจนหน้าแดงก่ำเหมือนระเบิดที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้น บุคคลหนึ่งที่มีแววตาเฉียบแหลมเอ่ยขึ้น “ไม่ถูกต้อง ปิ่นของนางทำขึ้นโดยปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ตัวหยกที่มีช่องว่าง ต้องมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนไว้ นับว่าเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยม”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็หันขวับไปมองตามเสียง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “จริงด้วย เป็นฝีมือของปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ”
“ปิ่นปักผมของเสี้ยนจู่ดูเหมือนของใหญ่ แต่ว่าปรมาจารย์ผู้นี้วางมือไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว ไม่ทราบว่าปิ่นของเสี้ยนจู่อันนี้ ปรมาจารย์ผู้ใดทำขึ้นมาหรือ”
มิน่าล่ะ ของล้ำค่าที่ฮูหยินซูมอบให้เมื่อครู่ที่แท้ก็เป็นของล่ำค่าจากผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เขาวางมือไปแล้ว
แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำของสิ่งนี้ รู้เพียงว่าของสิ่งนี้ล้วนเป็นสิ่งของที่พี่เย่จือให้มา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ได้แต่ส่ายหัว “ขอโทษด้วย ข้าไม่รู้จริง ๆ ข้าซื้อมาก็เพราะถูกใจในความสวยงามของมันเท่านั้น”
“เสี้ยนจู่ซื้อมาจากที่ใดหรือ” หากแต่ยังมีคนไม่ยอมแพ้
“ซื้อระหว่างทางที่มาเมืองหลวง เดินเล่นไปรอบ ๆ เมื่อเจอของถูกใจก็เพียงแค่ซื้อมา”
ในกล่องของกู้เสี่ยวหวานมีของมากมายก่ายกอง ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องประดับที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้ หากนางพูดออกไป เกรงว่าจะทำให้คนพวกนี้ตกใจได้
หรือว่าเครื่องประดับพวกนี้ทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญตามที่พวกนางบอกจริง ๆ? ฟังดูแล้วคนผู้นี้จะต้องมีฝีมือยอดเยี่ยมมาก ๆ
เช่นเดียวกับของที่ฮูหยินซูมอบให้เมื่อครู่ สิ่งนั้นทำให้ผู้คนตกตะลึง และคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่เย่จือเอาเครื่องประดับมากมายขนาดนี้มาจากที่ใดกัน ดูแล้วคืนนี้คงต้องถามพี่เย่จือให้กระจ่าง ของที่เขาให้มาเกือบทำให้คุณหนูกลุ่มนี้อิจฉาตนเองใจจะขาด
ถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากกู้เสี่ยวหวาน จนทุกคนก็รู้สึกท้อใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในใจกลับรู้สึกไม่พอใจกับกู้เสี่ยวหวานเล็กน้อย เสี้ยนจู่อันผิงผู้นี้ไม่ยอมบอกอะไรเลย นางตั้งใจจะโกหกพวกนางอย่างแน่นอน
แต่ทางซูเฉี่ยนเยว่มองกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่สบายใจ สองมือดึงทึ้งผ้าเช็ดหน้าอย่างแรงจนแทบจะขาด
ซูหมิ่นมองกู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาดุดัน แต่ตอนที่ดึงสายตากลับมาจ้องมองไปยังซูเฉี่ยวเยว่ บางครั้งที่เอ่ยพูดกับอีกฝ่าย นางก็จะตอบกลับด้วยความเคารพอย่างระมัดระวัง ทำให้เดาไม่ออกว่าสองคนนั้นกำลังคิดจะทำสิ่งใดกันแน่
กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในที่ของตัวเองอย่างนิ่งสงบ และรอให้ซูจือเยว่พาสาวใช้ขึ้นมา
บรรดาคุณหนูที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเริ่มทยอยกลับออกไปแล้วทีละคน ตอนสุดท้าย นอกจากตระกูลซูและหมิงตูจวิ้นจู่แล้ว ก็เหลือเพียงกู้เสี่ยวหวานกับฮู้กั๋วจวิ้นจู่
ทุกคนกลับไปที่ห้องและนั่งลง กู้เสี่ยวหวานยังคงดื่มชาอย่างใจเย็นและพูดคุยกับถานอวี้ซูด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าไม่เก็บเรื่องราวเมื่อครู่มาใส่ใจ
“เสี้ยนจู่อันผิงดูอารมณ์ดีเหลือเกินนะ เกิดเรื่องเช่นนี้ยังจะสามารถเฉยเมยได้อีก” น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้นอย่างกระแนะกระแหน เมื่อกู้เสี่ยวหวานหันกลับไปก็เห็นซูเฉี่ยนเยว่จ้องกำลังมองตนเอง สายตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลราวกับว่าต้องการแผดเผากู้เสี่ยวหวานให้มอดไหม้เป็นจุล
กู้เสี่ยวหวานวางชาในมือลง และเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ ส่วนจะจับสาวใช้คนนั้นได้หรือไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า นางคือคนที่ต้องการทำร้ายข้า และเมื่อทำมันไม่สำเร็จ แน่นอนว่าคนที่จะต้องวิตกกังวลคงจะต้องเป็นนาง”
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถึงคนที่ทำร้ายตนเอง สายตาของนางมองไปที่ใบหน้าของซูหมิ่นและซูเฉี่ยนเยว่
สายตาที่แสดงออกถึงการเสียดสีกระแหนะกระแหนทำให้ซูหมิ่นรู้สึกร้อนรน
ไม่มีผู้ใดเอ่ยสิ่งใดออกมา กู้เสี่ยวหวานลดสายตาลงและไม่ได้มองห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบงันอย่างแปลกประหลาดนี้ ทำเพียงมองถ้วยกระเบื้องลายดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เวลาผ่านไปไม่นาน ซูจือเยว่ก็พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา
แต่ว่าสาวใช้คนนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าและทรงผมเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับได้
“ฮูหยิน ข้าน้อยพบตัวสาวใช้คนนั้นแล้ว นางกำลังเตรียมตัวหนีไปจากจวนตระกูลซู”
สาวใช้คนนั้นที่ชื่อหลายชิงโยนห่อผ้าในมือลงที่พื้น เงินจำนวนมากกลิ้งหล่นลงมาจากด้านในและกลิ้งไปหยุดอยู่ตรงหน้าซูเฉี่ยนเยว่
…………….