ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1601 ข้าเองก็ไม่มีความสุข
บทที่ 1601 ข้าเองก็ไม่มีความสุข
“เสี้ยนจู่ ท่านอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น ข้าเพียงแค่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับร้านจิ่นฝูเท่านั้น ข้ามีข่าวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเอ่ยกับท่านแล้วจะมีประโยชน์หรือไม่” ซูจือเยว่กล่าวพลางลูบมืออย่างกระสับกระส่าย
เขาเงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวานบ่อยครั้ง กลับเห็นสายตาที่เย็นชาของนาง ในใจนั้นราวกับเต้นไม่เป็นจังหวะและยิ่งตื่นเต้นจนเอ่ยไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้เพียงแต่ลูบมือเงยหน้าขึ้นสลับกับก้มหน้าลงไม่หยุด ใบหน้าก็แดงก่ำไม่ต่างจากสีชาด
ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนที่ไม่โหยหาความรักที่สวยงาม
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานสงบนิ่งดั่งผืนน้ำ มองดูระลอกคลื่นของซูจือเยว่ที่กระเพื่อมออกมา อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขาระลอกแล้วระลอกเล่า
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นและพยักหน้าเห็นด้วย “คุณชายซูได้โปรด”
เรื่องของตระกูลหลี่นั้น ขอแค่มีข่าวเพียงเล็กน้อย นางก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
นางเดินตามซูจือเยว่เข้าไปในห้องด้านข้าง โดยทีอาจั่วเดินตามหลังมาไม่ห่างจวนแทบจะยืนอยู่ในห้องแล้ว และยังจ้องเขม็งมองซูจือเยว่อีกด้วย กลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา
เดิมทีซูจือเย่วอยากจะเอ่ยกับกู้เสี่ยวหวานตามลำพัง แต่เมื่อเห็นคนด้านข้างนางมองจ้องตัวเองราวกับเป็นนักโทษ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนิสัยที่หยิ่งผยองของเขานั้น คาดไม่ถึงว่าจะไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามในห้องมีคนสามคน เขากลับยิ่งกระสับกระส่ายไม่รู้ว่าควรจะวางมือวางเท้าอย่างไร ปั่นป่วนจนไม่เป็นธรรมชาติ
“เมื่อหลายวันก่อน ร้านจิ่นฝูมีอาหารออกมาใหม่หลายจาน ลูกค้าต่างก็มากินอาหารใหม่ในครั้งนี้” ซูจือเย่วกล่าวเสียงเบา
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตอบรับ รายการอาหารใหม่ของร้านจิ่นฝูนั้น นางรู้อยู่แล้วเพราะนางเป็นคนคิดขึ้นมา
“เพราะว่ากิจการร้านจิ่นฝูนั้นดีมาก เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะร้านจิ่นฝูมีอาหารจานใหม่ออกมาบ่อยครั้ง จึงกระตุ้นความอยากอาหารของลูกค้า ร้านอาหารอื่น ๆ ต้องการผลประโยชน์ก็ได้เพียงแต่ต้องพยายามอย่างหนักกับอาหารจานใหม่นี้ เดิมทีร้านจุ้ยอวี้กู่ไจลอกเลียนแบบอาหารจานใหม่ของร้านจิ่นฝู ก็ล้วนต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวัน แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร้านจิ่นฝูเกิดเรื่องเสียก่อน ไม่ต้องพูดถึงจุ้ยอวี้กู่ไจที่ทำอาหารจานนี้ออกมาจริง ๆ และยังทำออกมาได้รสชาติเหมือนกับร้านจิ่นฝูไม่มีผิด ราวกับว่าทำโดยคนคนเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น” ซูจือเยว่กล่าว
ทันใดนั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานเงยหน้ามองซูจือเยว่ทันควัน ในดวงมีความแปลกใจและความตกตะลึง ดวงดาวเล็ก ๆ ที่อยู่ลึกลงไปในลูกตานั้น ทำให้ซูจือเยว่เงียบเสียงลงทันที สูญเสียความคิดหมดสิ้นได้เพียงแต่มองคนตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก
คำพูดของซูจือเยว่ทำให้กู้เสี่ยวหวานนึกถึงคนคนหนึ่ง ครั้งก่อนตอนที่ทำอาหารที่ร้านจิ่นฝู อู๋เทียนพ่อครัวที่หลี่ฝานเคยบอกว่าเชื่อถือได้คนนั้น
ทุกครั้งที่ร้านจิ่นฝูออกอาหารจานใหม่ ในช่วงเดือนแรกอาหารใหม่ทั้งหมดจะปล่อยให้อู๋เทียนทำคนเดียวในห้องครัวเล็ก ๆ พ่อครัวคนอื่น ๆ นั้นไม่รู้อะไรเลย รอหลังจากหนึ่งเดือนต่อมาอู๋เทียนจึงจะออกจากห้องครัวเล็ก ๆ
อาหารจานใหม่ในครั้งนี้ยังคงเป็นนาง หลี่ฝานและอู๋เทียน สามคนพลิกแพลงกันอยู่ในห้องครัวเล็ก ๆ และไม่มีคนที่สี่รู้อย่างเด็ดขาด
ร้านจิ่นฝูเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับพ่อครัวคนนั้น
ทำไมคนของร้านจิ่นฝูทั้งหมดจึงถูกจับ แต่พ่อครัวคนนั้นกับรอดอย่างง่ายดาย
ตอนนี้นางอยากรู้ว่าคนที่ผัดอาหารคนนั้นแท้จริงแล้วใช่อู๋เทียนหรือไม่
“ขอบคุณคุณชายซู ข่าวนี้สำคัญกับข้ามาก ข้ายังมีธุระอีกจึงไม่รบกวนคุณชายซูแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้จบลงด้วยดี ข้าจะต้องไปที่จวนด้วยตัวเอง เพื่อขอบคุณคุณชายซูอย่างแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบก็ประสานมือคำนับแล้วเดินออกไปข้างนอก
ครั้งนี้ซูจือเย่วไม่ได้รั้งไว้ หลายชิ่งรีบตามไปด้านหลังและกระซิบทักทาย “เสี้ยนจู่ ทางนี้นายท่านข้าไม่สะดวกที่จะปรากฏตัว ข้าน้อยจะออกไปส่งท่านแทนเอง”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินคำพูดนี้ จึงหันหน้าไปมองซูจือเยว่ ก็เห็นเขาจ้องมองตนเองตาไม่กะพริบ กู้เสี่ยวหวานจึงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
รอจนกระทั่งหลายชิ่งกลับมาแล้ว ก็เห็นซูจือเยว่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าต่างมองออกไปไกลอย่างหลงใหล แผ่นหลังที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างอย่างสง่าผ่าเผยนั้น ไม่รู้ว่าเหตุใดหลายชิ่งจึงมองเห็นถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวในตัวคุณชายที่ดีพร้อมไปหมดเสียทุกอย่างเป็นครั้งแรก
“คุณชาย” หลายชิ่งก้าวเข้ามาและเอ่ยเสียงเบา
ซูจือเยว่ไม่ได้ตอบรับ สายตานั้นยังคงจ้องมองทิศทางที่รถม้ากู้เสี่ยวหวานนั้นจากไป จนกระทั่งรถม้าหายลับไปจนมองไม่เห็นแล้ว ซูจือเยว่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่เอ่ยอะไรสักคำ หลายชิ่งจึงเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะไม่เอ่ยปากพูดอีก แต่ซูจือเย่วก็เอ่ยปากพึมพำถามว่า “นางไปแล้ว”
หลายชิ่งพยักหน้า “อืม เสี้ยนจู่เพิ่งขึ้นรถม้าและจากไปแล้ว” หลายชิ่งตอบตามคำถามของซูจือเยว่
“นางได้กล่าวอะไรก่อนจะจากไป”
“ไม่มี เสี้ยนจู่อันผิงแค่กล่าวว่าชานี้รสชาติดีเยี่ยม ให้ข้าน้อยขอบคุณคุณชายที่ต้อนรับนางแทนด้วย” หลายชิ่งเล่าคำพูดของกู้เสี่ยวหวานทั้งหมดอย่างละเอียด
ซูจือเยว่ฟังจบก็ก้มหน้าไม่เอ่ยอะไรสักพัก มองไม่ออกว่าดีใจหรือว่าเศร้าใจ “หลายชิ่ง เจ้าว่าเหตุใดวันนี้นางจึงไม่มีความสุขเล่า ข้าได้กล่าวอะไรผิดไปหรือไม่”
น้ำเสียงของซูจือเยว่เศร้าใจเล็กน้อย เศร้าเหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิดแล้วถูกผู้อื่นดุเข้า
หลายชิ่งตกใจจึงรีบร้อนพูดว่า “คุณชาย ตระกูหลี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทั้งยังมีบุญคุณต่อเสี้ยนจู่ แม้ว่าเสี้ยนจู่อยากจะมีความสุข นางเองก็คงไม่มีความสุขขึ้นมาหรอก”
“ใช่แล้ว” ซูจือเยว่ราวกับพูดกับตัวเองว่า “เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นนางไม่มีความสุข แต่ว่าเหตุใดข้าเห็นท่าทางนางไม่มีความสุขเช่นนี้ ตรงนี้ของข้าจึงเจ็บปวดขนาดนี้เล่า”
ซูจือเย่วกล่าวจบก็เห็นเขาลูบหน้าอกและขมวดคิ้วเข้าหากัน หลังจากหลายชิ่งที่อยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้เข้า จึงเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ก็เห็นคุณชายผู้มีความสามารถของตัวเองผู้นั้นคิ้วขมวดย่นกลายเป็นรอยขีด มองไปไกลในทิศทางที่คนคนนั้นหายไปด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“คุณชายท่าน…” ก่อนหน้าหลายชิ่งนั้นไม่แน่ใจ จนตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางหลงใหลของคุณชายเช่นนี้ ความคลุมเคลือในใจทั้งหมดนั้นก็ถูกเปิดออก เขามองซูจือเยว่อย่างตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ซูจือเยว่ใช้มือขาวลูบหน้าอก มือซ้ายนั้นวางบนขอบหน้าต่างและเอนน้ำหนักตัวทั้งหมดพิงกับขอบหน้าต่าง ท่าทางที่โดดเดี่ยวเช่นนั้น ราวกับคนที่ไร้ชีวิตชีวาเมื่อกู้เสี่ยวหวานจากไป
…………….