ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1609 พบหลินซื่อจื่อ
บทที่ 1609 พบหลินซื่อจื่อ
“เขาทำงานที่ร้านจิ่นฝูออกมาได้ เถ้าแก่ก็ปฏิบัติต่ออู๋เทียนเหมือนคนในครอบครัว ยังมีอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจ เขาถึงได้ทำแบบนี้” เสี่ยวเซิ่งจื่อพูดด้วยความโกรธ
“อย่ากังวลไป ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นคนทรยศหรือเปล่า เจ้าอยู่ที่นี่และซ่อนตัวสักพัก เรื่องของท่านลุงหลี่ไม่ต้องห่วง”
และเซี่ยงหย่วนหลินรู้เบาะแสนี้แล้ว เขาก็มีความสุขมากที่ได้ออกจากกองกำลังรักษาความสงบ ดังนั้นจึงขึ้นรถม้าและจากไป
โดยไม่รู้ว่ากำลังมีคนตามหลังเขาไปติด ๆ
รถม้าของเซี่ยงหย่วนหลินหยุดที่ประตูร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ ตอนนี้เป็นช่วงเย็นพอดีกับที่คนมากินอาหาร เมื่อเซี่ยงหย่วนหลินปรากฏตัวที่นี่ ทุกคนจึงคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อรับประทานอาหารเย็น
เซี่ยงหย่วนหลินวิ่งตรงขึ้นไปที่ชั้นสาม และเมื่อไปถึงประตูห้องรับรองก็เคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน จึงผลักบานประตูเข้าไปอย่างไม่รีรอ
ภายในห้องรับรองชั้นสามนั้นเงียบสงบ ส่วนบริเวณชั้นสองมีคนรับใช้ยืนเฝ้าประตูอยู่ ห้ามไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องขึ้นไป
ถังอี้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถขึ้นไปได้ จึงหันหลังกลับและเดินไปที่ชั้นหนึ่ง หามุมที่เงียบ ๆ สั่งอาหารสองอย่างและเหล้าหนึ่งเหยือก
เซี่ยงหย่วนหลินเข้าไปในห้องรับรอง เมื่อเห็นความหรูหราอลังการภายในแล้วก็ต้องตกตะลึงตาค้าง
ซูหลินโอบเอวสาวงามผู้หนึ่งไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองกำลังหยอกเย้ากัน ทำให้ผู้พบเห็นอิจฉาตาร้อน
ซูหลินเห็นเซี่ยงหย่วนหลินมาถึงก็ผลักหญิงสาวบนตักตัวเอง และก็มีคนพาหญิงสาวคนนั้นออกไปทันที
ซูหลินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยชาดบนหน้า ครั้นท่าทางตื่นเต้นของเซี่ยงหย่วนหลินก็ถามอย่างเย็นชา “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ”
“ตอบกลับซื่อจื่อ ใกล้เรียบร้อยแล้วขอรับ มีคนทนความทรมานไม่ไหวสารภาพออกมาแล้ว” เซี่ยงหย่วนหลินบอกข่าวที่ได้รับกับซูหลินอย่างละเอียด
เห็นว่ายิ่งซูหลินตั้งใจฟังเท่าไหร่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ชัดเจนยิ่งขึ้น “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงเลย นึกไม่ถึงว่าเสี้ยนจู่อันผิงเป็นคนคิดอาหารจานใหม่ของร้านจิ่นฝู ไม่แปลกใจที่อู๋เทียนคนนี้จะมาที่นี่ ครั้นให้เขาคิดอาหารใหม่ ๆ ก็คิดไม่ออก ปรากฏว่ามีปรมาจารย์ตัวจริงคนอื่น”
“เสี่ยวซื่อจื่อ ตอนนี้ต้องทำอย่างไรต่อขอรับ” เซี่ยงหย่วนหลินถาม “ควรจับกู้เสี่ยวหวานมาทรมานหรือไม่”
“ขึ้นอยู่กับเจ้า” ซูหลินมองไปที่เซี่ยงหย่วนหลินอย่างเย็นชาและพูดประชดประชัน “อย่ามองว่านางเป็นเพียงสาวบ้านนอก ตอนนี้นางมีสถานะเสี้ยนจู่อันผิง ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้ แม้ว่าตำแหน่งจะไม่ได้สูงส่ง แต่นางก็มีฐานะอยู่ในเมืองหลวง เจ้าไม่สามารถแตะต้องนางได้ง่าย ๆ หากต้องการจับนาง ต้องผ่านฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน”
“ถ้าฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยล่ะ” เซี่ยงหย่วนหลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาวางแผนที่จะสอนบทเรียนนี้ให้แก่หญิงสาวผู้นี้ ถือว่าเพื่อแก้แค้น
“เมื่อไหร่ซื่อจื่อจะทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้” คำพูดของเซี่ยงหย่วนหลินนั้นเย่อหยิ่งหยาบคาย และน้ำเสียงนั้นเย็นชา “เป็นเพียงเสี้ยนจู่ระดับห้า ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ในเมืองหลวง ซื่อจื่อคงจับนางได้ไม่ยาก”
“อย่างนั้น ซื่อจื่อจะส่งคนไปจับคนคนนั้นอย่างเงียบ ๆ ได้อย่างไร” เซี่ยงหย่วนหลินถาม
“เจ้าไม่รู้ว่าบุรุษควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีอย่างไร และไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นผู้หญิง แต่ความหวังของร้านจุ้ยอวี้กู่ไจในอนาคตของข้าล่ะ คนแบบนั้นหากร้านจุ้ยอวี้กู่ไจสามารถนำมาเป็นคนของตัวเองได้ จุ้ยอวี้กู่ไจก็จะครอบครองกิจการทั้งหมดของอาณาจักรต้าชิงได้ในใกล้ ๆ นี้” ซูหลินได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นผู้คิดอาหารจานใหม่ ความคิดก็เปลี่ยนไปทันที
ด้วยอาหารใหม่ที่กู้เสี่ยวหวานคิดขึ้น ร้านจิ่นฝูจึงกลายเป็นร้านอาหารชั้นหนึ่งในเมืองหลวงทั้งหมด หรือแม้แต่ในอาณาจักรต้าชิง
หลี่ฝานนั้นดูเหมือนคนทำการค้าที่ซื่อสัตย์ หากจะบอกว่าฉลาดไหมก็พบว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น
ที่แท้เบื้องหลังของเขายังมีเด็กคนหนึ่งคอยหนุนหลัง หึ
เมื่อครั้งที่แล้วซูหลินเคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนั้นจากจวนหมิงอ๋องและจวนซู หญิงสาวคนนี้อาจดูไม่เหมือนมาจากชนบท แต่ก็ได้ยินว่ารูปโฉมนั้นยังงดงามอยู่มาก ถ้าผู้หญิงคนนี้สามารถอยู่เคียงข้างตัวเองได้ล่ะก็…
ซูหลินยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น ถูมือเข้าด้วยกันและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าต้องการผู้หญิงคนนี้ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำอะไรกับนางแต่อย่าฆ่า นางยังมีประโยชน์อยู่”
ซูหลินเห็นความดื้อรั้นนี้ ก็มองไปที่เขาอย่างไม่พอใจ
เซี่ยงหย่วนหลินเห็นซูหลินเดือดดาลขึ้นมา ก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาเอ่ยไปนั้นไม่ถูกต้อง จึงรีบคุกเข่าลง “เสี่ยวซื่อจื่อ ข้าน้อยรู้แล้วว่าผิด ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
“ใต้เท้าเซี่ยง ในครอบครัวที่มีภรรยาที่ร้ายกาจ แม้แต่สตรีอีกนางก็ยังไม่ได้ลิ้มลอง?” ซูหลินมองเซี่ยงหย่วนหลิน และถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เซี่ยงหย่วนหลินไม่คาดคิดว่าซูหลินจะถามคำถามเช่นนี้ จึงผงะเล็กน้อย พยายามประคองสติและตอบกลับไปด้วยความลำบากใจ “ทั้งหมดนี้ถูกภรรยาควบคุม”
“ใต้เท้าเซี่ยงแม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นเพียงรองผู้บัญชาการกองรักษาความสงบแต่หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะขอให้ท่านพ่อแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการของกองรักษาความสงบแน่นอน ถึงเวลานั้นเจ้าอยู่ตระกูลกัวจะได้เชิดหน้าชูตา”
เซี่ยงหย่วนหลินเป็นลูกเขยตระกูลกัวมาหลายปีถูกตระกูลกัวกดขี่มาโดยตลอด
แม้ว่าเส้นทางอาชีพของเขาจะราบรื่น แต่เพราะทุกครั้งที่ก้าวจะเป็นก้าวเล็ก ๆ เส้นทางการเลื่อนตำแหน่งจึงเป็นไปอย่างล่าช้า จึงถูกตระกูลกัวดูถูกอย่างเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ พื้นเพของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก ถ้าไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งของตระกูลกัว แม้ว่าสภาพครอบครัวจะดีขึ้นก็ตาม ทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ในฐานะลูกเขยได้อย่างไร
ยังขอให้ลูกชายและลูกสาวของตัวเองใช้แซ่มารดา นี่ข้างนอกไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นพูดอะไรน่าเกลียดออกมาบ้าง
……….