ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1628 ราชโองการมาถึงแล้ว
บทที่ 1628 ราชโองการมาถึงแล้ว
ทุกคนเห็นชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือขันทีฉี ขันทีข้างกายฮ่องเต้ ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังสวมชุดองครักษ์ทำจากผ้าแพรร่างสูงกำยำเดินมาหยุดลงหน้าม้า
หลังลงจากหลังม้าได้ ขันทีฉีก็หยุดลงหน้าถานอวี้ซู และทำความเคารพ “ฮู้กั๋วจวิ้นจู่”
ถานอวี้ซูรีบยืนมือไปประคองอีกฝ่าย “ขันทีฉี ไม่ต้องมากพิธี”
ขันทีฉีลุกขึ้น และเซี่ยงหย่วนหลินก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างประจบประแจง รีบโค้งคำนับและพูดว่า “เดิมทีเป็นขันทีฉีนั้นเอง ขันทีฉี ฮ่องเต้มีรับสั่งเป็นการส่วนพระองค์ให้จับเสี้ยนจู่อันผิง และนำเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
เมื่อขันทีฉีได้ยินเช่นนี้ ก็เอนตัวไปด้านข้างเซี่ยงหย่วนหลินที่กำลังประจบสอพลอ กระตุกยิ้มมุมปากและพูดว่า “ใต้เท้าเซี่ยง นี่คือเจตจำนงของฮ่องเต้หรือ การคิดเดาไปเองนั้นเป็นโทษมหันต์”
นับตั้งแต่ที่หนีปิ่งตกจากหลังม้าและพักรักษาตัวที่บ้าน เซี่ยงหย่วนหลินก็ได้ยึดอำนาจทั้งหมดของกองกำลังรักษาความสงบ แม้แต่การเข้าเฝ้าถวายการรายงานก็เป็นเซี่ยงหย่วนหลินผู้นี้
การได้พบฮ่องเต้ถึงสองครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงยกย่องตัวเองในความรอบคอบ และวาทศิลป์ที่ดี หากเขาปฏิบัติตัวอย่างดีอนาคตของเขาจะต้องสดใส
ฮ่องเต้กล่าวกับตนเองเช่นนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฮ่องเต้จะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเร็ว ๆ นี้
ไม่เคยคาดคิดว่าเลยว่าเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ นั้นทำให้เซี่ยงหย่วนหลินปรับตัวไม่ทัน
ทว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี เร็วกว่านี้ เขาสามารถรับได้ทุกอย่าง
ภายในวัง ฮ่องเต้ประทับใจในตัวเขา แม้แต่ขันทีฉีขันทีที่เป็นคนสนิทของฮ่องเต้ก็มีความสนิทกับตน โดยคิดว่าถ้าตัวเองได้เป็นขุนนางระดับสูง จะต้องมีคนมากมายคอยประจบประแจงตัวเอง
ฮ่องเต้ยกย่องครั้งหนึ่ง และเซี่ยงหย่วนหลินรู้สึกมั่นใจและทะนงตน รู้สึกว่าหนทางสู่การเลื่อนตำแหน่งกำลังจะถึงในไม่ช้า แต่คำพูดของขันทีฉีในตอนนี้ทำให้หัวใจของเซี่ยงหย่วนหลินเต้นไม่เป็นจังหวะ
หรือว่าตนเองคิดผิดไป
พูดผิดแล้ว
คาดเดาเจตจำนงของฮ่องเต้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ หัวของเขาอาจจะหลุดออกบ่าได้
เซี่ยงหย่วนหลินเห็นใบหน้าที่ขาวนวลของขันทีฉีและสายตาที่แหลมคมคู่หนึ่งมองมาพร้อมกระตุกมุมปาก จนเสียวสันหลังวาบ ขันทีฉีคนนี้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะนิ่งเงียบไม่พูดจาก็ยังคงดูสง่างาม
เซี่ยงหย่วนหลินไม่เคยเจอขันทีมาก่อน นับประสาอะไรกับขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ เมื่อเห็นความเฉยเมยและการประชดประชันของเขา เซี่ยงหย่วนหลินก็รู้สึกกังวลและประหลาดใจ
สายตาแหลมคมของขันทีฉีมองเขาไม่วางตา และในแววตาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
เป็นเพียงคนสองเพศที่ไม่มีชีวิตจิตใจ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าเขา คราวหน้าเขาจะต้องจัดการคนผู้นี้อย่างแน่นอน
ทุกอย่างมีทางออก เส้นทางสู่การเป็นจุดสูงสุดและโชคลาภของเขาถูกกำหนดไว้แล้ว
เมื่อนึกถึงคำสัญญาของซูหลินที่จะมอบเงินจำนวนมากให้ตน ทั้งยังมีเรือนหลังใหญ่เงียบสงบและหรูหรา ทั้งยังเตรียมอนุไว้ให้ ข้อตกลงนั้นทำให้เขาหลงใหล
เมื่อขันทีฉีหันกลับไป สายตาดูถูกเหยียดหยามในสายตาของเซี่ยงหย่วนหลินก็หายไป ขันทีฉีหันใบหน้าไปก็เห็นสาวงามคนหนึ่งยืนอยู่ข้างฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ท่าทีที่สงบนิ่ง และไร้ซึ่งความกลัวทำให้ขันทีฉีรู้สึกประหลาดใจ
คนผู้นี้มีท่าทางสูงส่งถ้าบอกว่าเป็นจวิ้นจู่ที่ถูกเลี้ยงดูมาจากในวังก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ทุกการเคลื่อนไหวเรียกได้ว่าสง่างามและโดดเด่น
รูปร่างหน้าตาของนางไม่โดดเด่นมากนัก แม้จะดูธรรมดา แต่เมื่อรวมกันแล้วทำให้ผู้คนที่มองละสายตาไม่ได้
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ช่างงดงามยิ่ง
ขันทีฉีถามด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเดาไม่ผิด นี่ควรเป็นเสี้ยนจู่อันผิง”
ครั้นเห็นอีกฝ่ายถามตนเองดังนั้น กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า ทำความเคารพ “กู้เสี่ยวหวานทักทายขันทีฉี”
ท่วงท่าสง่างามและอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เหมือนสาวที่มาจากชนบท
ต้องเป็นสถานที่แบบไหน ครอบครัวแบบไหน พ่อแม่แบบไหนที่สามารถเลี้ยงดูหญิงสาวให้ออกมาสง่างามเช่นนี้ได้
ขันทีฉีคิดอย่างสงสัย ยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสะบัดไม้ปัดฝุ่นเบา ๆ มองไปที่เซี่ยงหย่วนหลิน แล้วพูดว่า “โชคดีที่ข้ามาทัน มิฉะนั้น คงจะต้องไปที่กองกำลังรักษาความสงบเสียแล้ว” ขันทีฉีชี้ให้เห็นบางอย่าง มองไปที่เซี่ยงหย่วนหลินปิดปากเงียบด้วยความตกใจ
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของขันทีฉีกำลังช่วยเหลือตัวเอง กู้เสี่ยวหวานมองขันทีผู้นี้ที่ให้ความสนใจแก่นางมาก แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจแต่บุคคลนี้เป็นขันทีข้างกายฮ่องเต้ที่มาประกาศราชโองการด้วยตนเอง แน่นอนว่าต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ น้ำเสียงจริงจังของขันทีฉีก็ดังขึ้น “เสี้ยนจู่อันผิง โปรดคุกเข่าลงเพื่อรับพระราชโองการ”
อะไรนะ
ราชโองการสำหรับนางงั้นเหรอ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขากำลังหมายถึงสิ่งใดกันแน่น
เซี่ยงหย่วนหลินพึงพอใจ มองท่าทางที่สับสนของกู้เสี่ยวหวานจึงลอบคิดใน ดีใจเสียให้พอเถอะ รอประกาศราชโองการ เจ้าก็จะมีความผิดฐานดูหมิ่นอย่างร้ายแรง”
กู้เสี่ยวหวานคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว คนที่เหลือก็คุกเข่าลงทีละคนเมื่อเห็นสิ่งนี้
ตอนนี้บนถนนขนาดใหญ่ มีคนหลายร้อยคนคุกเข่าลงอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่ขันทีฉีประกาศราชโองการเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เซี่ยงหย่วนหลินไม่สามารถรักษาท่าทางนิ่งสงบนั้นได้อีกแล้ว
“เชิญขันทีเข้ามาดื่มช้าก่อนเถอะเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานเชิญขันทีฉีเข้าไปด้านใน แต่ใครจะรู้ว่าขันทีฉีปฏิเสธ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เข้าไปหรอก ฮ่องเต้ยังรออยู่ เสี้ยนจู่อย่าให้ฝ่าบาทรอนานนัก”
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขายืนกรานดังนั้นจึงไม่พูดสิ่งใด และกลับสวนชิงเพื่อเตรียมตัวทันที
เมื่อเห็นว่าคนของสวนชิงกลับไปแล้ว ก็แค้นใจแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นสงสัยและถามว่า “ขันทีฉี ฮ่องเต้เห็นด้วยที่จะให้เจ้าหน้าที่จับกุมกู้เสี่ยวหวานเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้เจ้าหน้าที่สืบหาฆาตกรตัวจริงของคดีฆาตกรรมทั้งสี่ ทำไมจู่ ๆ จึงสั่งให้นางเข้าวัง”