ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1638 คำสัญญาของฮ่องเต้
บทที่ 1638 คำสัญญาของฮ่องเต้
รสชาตินี้ไม่เหมือนกับอาหารทั่วไป ไม่นึกเลยว่าแค่เอาวัตถุดิบมาย่างไฟและทาด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เมื่อย่างออกมาจะมีรสชาติที่อร่อยเช่นนี้
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กินสิ่งนี้มานานแล้ว เมื่อย่างทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยนางก็กินไปหลายไม้เช่นกัน นางเข้าไปดับไฟและซูเทียนซื่อก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว ไม่เลว ข้าค่อนข้างพอใจกับฝีมือของเจ้า ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง ตอนนี้ข้าจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นจวิ้นจู่อันดับสอง”
กู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่แต่กับสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า เดิมทีนางคิดยื่นข้อเสนอนี้กับฮ่องเต้ แต่นางไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้จะเอ่ยขึ้นมาด้วยตนเอง ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงตกตะลึง
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ขันทีฉีก็ยิ้มและพูดว่า “อันผิงจวิ้นจู่ มีความสุขมากขนาดนั้นเลยหรือ เหตุใดยังไม่คุกเข่าอีกเล่า”
จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็กลับมาได้สติรีบคลุกเข่าลงแต่ไม่ใช่เพื่อขอบคุณ “หม่อมฉันซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ แต่หม่อมฉันไม่ต้องการตำแหน่งอันผิงจวิ้นจู่”
ไม่ต้องการ…
ซูเทียนซื่อมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาอย่างสงสัย
ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าไม่ต้องการตำแหน่ง
ขันทีฉีได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกประหลาดใจ ปฏิเสธความกรุณาของฮ่องเต้นั่นถือเป็นความผิดฐานไม่เคารพ
ดังนั้นเขาจึงรีบเตือนว่า “จวิ้นจู่ ฮ่องเต้แต่งตั้งท่านเป็นจวิ้นจู่ นี่เป็นพระคุณอย่างยิ่ง รีบรับไว้เสียเถอะ”
ซูเทียนซื่อรู้สึกสงสัยและโบกมือ “บอกเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงไม่อยากได้ตำแหน่งนี้”
เสี้ยนจู่อันผิงระดับห้า แต่จวิ้นจู่นั้นถือเป็นขุนนางระดับสอง หากนางได้รับตำแหน่งนี้ แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไปที่ไหนในเมืองหลวงก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรกับนาง
ขันทีฉีกระวนกระวาย แต่เขาไม่อาจช่วยนางได้
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ หลังจากคำนับสามครั้งจึงพูดว่า “เมื่อครู่ฝ่าบาททรงสัญญากับหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงต้องการขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาท”
สละตำแหน่งจวิ้นจู่ แต่กลับเอ่ยขอสิ่งอื่น
ใบหน้าของซูเทียนซื่อแข็งทื่อเล็กน้อย “บอกข้าที”
“ร้านจิ่นฝูกำลังเผชิญกับความยากลำบาก หม่อมฉันไม่ได้จะขอให้ฮ่องเต้ปล่อยร้านจิ่นฝูไป แต่อยากขอให้ฮ่องเต้ประกาศราชโองการให้กองกำลังรักษาความสงบจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ไม่ปล่อยคนร้ายไปและอย่าใส่ร้ายคนดี” หลังจากพูดจบกู้เสี่ยวหวานก็คุกเข่า
ซูเทียนซื่อลูบคางของเขาเมื่อเขาได้ยิน แต่ก็ยังสงสัยในคำพูดของนาง
“ทำไมเจ้าไม่ขอให้ข้าปล่อยร้านจิ่นฝูไปล่ะ” นางสามารถขอสิ่งใดจากฮ่องเต้ก็ได้ แม้ว่านางจะต้องการดวงจันทร์บนท้องฟ้า ฮ่องเต้ก็จะหาทางเอามาให้นาง
กู้เสี่ยวหวานส่ายศรีษะด้วยใบหน้านิ่งสงบ มองไปที่ซูเทียนซื่อและพูดว่า “เพื่อคืนความสงบสุขให้กับเมืองหลวงและเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต หากกองกำลังรักษาความสงบสามารถจัดการคดีนี้ได้อย่างเป็นกลาง หม่อมฉันเชื่อว่าร้านจิ่นฝูก็จะปลอดภัย”
“เจ้าเชื่อว่าร้านจิ่นฝูไม่ได้ฆ่าคนหรือ?” ซูเทียนซื่อขมวดคิ้วถาม
“หม่อมฉันกล้าที่จะใช้ชื่อของเสี้ยนจู่อันผิงเป็นหลักประกัน” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ท่านลุงหลี่จะไม่มีวันฆ่าใคร และร้านจิ่นฝูต้องถูกใส่ร้าย
“เจ้าช่างเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา” เมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของนาง ซูเทียนซื่อก็พึมพำเบา ๆ
ไม่ต้องการเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์ แต่ยอมทิ้งอนาคตที่สดใสไปกับร้านอาหาร
นางโง่หรือว่านางให้ความสำคัญกับครอบครัวมากเกินไป?
ขันทีฉีอยู่ด้านข้างส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจ แต่เมื่อเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวาน เขาก็รู้สึกชื่นชมมากขึ้น
เถ้าแก่ร้านจิ่นฝูมีพันธมิตรเช่นนี้คงเป็นพรในชีวิตที่แล้วของเขา
“ขันทีฉี ประกาศราชโองการให้หนีปิ่งกลับไปที่กองกำลังรักษาความสงบ และบอกเขาว่ากองกำลังรักษาความสงบต้องจับคนร้ายตัวจริงมาให้ได้ ไม่ควรปล่อยคนร้ายไปและใส่ร้ายคนดี”
กู้เสี่ยวหวานออกจากวังหลวงมาได้อย่างไรนางแทบจะจำไม่ได้ นางรู้เพียงว่าฮ่องเต้สัญญาว่าจะสอบสวนคดีของร้านจิ่นฝูอย่างละเอียด และบอกว่าไม่จะไม่ปล่อยผู้ร้ายลอยนวล ผู้บริสุทธิ์จะไม่ถูกใส่ร้าย และผู้บาดเจ็บจะได้รับการรักษาโดยหมอซวน
จากนั้นท่านลุงหลี่และคนอื่น ๆ จะไม่ต้องทนถูกทรมานในห้องขังอีกต่อไป
กู้เสี่ยวหวานขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวแล้วมุ่งหน้ากลับสวนชิง
เนื่องจากขันทีฉีกำลังจะไปที่จวนตระกูลหนีเพื่อประกาศราชโองการ เขาจึงจากไปหลังจากส่งกู้เสี่ยวหวานกลับไปที่สวนชิง
ก่อนจากไป เขากล่าวกับกู้เสี่ยวหวานด้วยความเคารพว่า “หากเสี้ยนจู่ต้องการความช่วยเหลือจากข้า โปรดอย่าลังเลที่จะพูดออกมา”
กู้เสี่ยวหวานรีบโค้งคำนับเขา “ขันทีฉีดูแลเสี่ยวหวานมาตลอดทาง เสี่ยวหวานจะจดจำความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของขันทีฉีไว้ในใจ”
อาจั่วแอบยัดถุงเงินหนักที่เขาเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้วให้ขันทีฉี แต่เขาปฏิเสธที่จะรับมันและผลักมันกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าชื่นชมในสิ่งที่เสี้ยนจู่ทำ ยอมทิ้งอนาคตที่ดีไป ตราบใดที่กองกำลังรักษาความสงบตัดสินคดีอย่างยุติธรรม การกระทำแบบนี้ทำให้ข้าชื่นชมเสี้ยนจู่ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้นั้นหาได้ยาก ข้าชื่นชมท่านจริง ๆ”
เพราะเขายังต้องไปที่จวนตระกูลหนีเพื่อประกาศกฤษฎีกา จึงขอตัวลาอย่างรวดเร็ว
หลังจากกู้เสี่ยวหวานกลับไปที่สวนชิงแล้ว นางบอกทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้และบอกว่าฮ่องเต้ได้สัญญาจะหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ดังนั้นความทุกข์ในใจของทุกคนจึงถูกวางลง
และเมื่อทุกคนกำลังคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป คนรับใช้ก็มาแจ้งข่าวว่าขันทีฉีกลับมาที่สวนชิง และนำกลุ่มทหารองครักษ์มา
กู้เสี่ยวหวานนั้นสงสัยว่าเขากลับมาที่นี่อีกทำไม หากแต่ก็ไม่กล้าประมาท ดังนั้นนางจึงออกไปที่ลานบ้านทันที
กู้เสี่ยวหวานก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงบริเวณนั้นก็เห็นประตูของสวนชิงถูกล้อมรอบไปด้วยทหารองครักษ์ สิ่งนั้นทำให้กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วแน่น
กู้ฟางสี่รู้สึกหวาดกลัวมาก เมื่อเหล่าทหารของกองกำลังรักษาความสงบมา
องครักษ์ที่มาจากพระราชวังล้วนแต่เป็นวีรบุรุษ และอาวุธครบมือของพวกเขาดูเหมือนจะส่องแสงเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดด ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ขันทีฉียืนอยู่ที่ประตูสวนชิง ในมือข้างหนึ่งถือไม้ปัดฝุ่นประจำกาย และอีกมือหนึ่งถือพระราชโองการไว้ในมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการประกาศราชโองการจากจวนตระกูลหนีและกำลังจะกลับเข้าวัง แต่ก็มีราชโองการอีกฉบับที่ต้องถูกประกาศออกมา และต้องเป็นหน้าที่เขาประกาศมันด้วยตนเอง
……….