ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1639 อันผิงจวิ้นจู่
บทที่ 1639 อันผิงจวิ้นจู่
ในเวลานั้นขันทีฉีรู้สึกสับสนงงงวย เพราะตนเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าภายในราชโองการฉบับมีเนื้อหาอย่างไร พอเปิดมันออกรอยยิ้มกว้างพลันปรากฏบนใบหน้า และรีบมุ่งหน้ามาที่สวนชิงทันที
องครักษ์จากวังหลวงกระจายตัวทั่วท้องถนนเปิดทางให้ขันทีฉี สถานการณ์นี้นอกจากขุนนางในวังออกจากวังจะเป็นสิ่งอื่นใดไปได้อีก
ณ สวนชิง
ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานมีท่าทีงงงวย ขันทีฉีพยายามกลั้นยิ้มพลางเอ่ยว่า “เสี้ยนจู่อันผิง รับราชโองการ”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น พวกเขาทั้งหมดมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาสงสัยและประหม่า
กู้ฟางสี่ยิ่งตกใจมากขึ้น เพราะคิดว่าทางราชสำนักส่งคนมาจับหลานสาวตัวเอง นางจึงรีบดึงแขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่อาจเดาได้ว่าเนื้อความในพระราชโองการเขียนไว้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะละเลยและรีบคุกเข่าลง
ขันทีฉีกางพระราชโองการ และขานอ่านเสียงดัง “ฮ่องเต้มีรับสั่งให้กู้ซื่อเสี่ยวหวานผู้ทรงคุณธรรม ผู้สร้างประโยชน์ต่อกิจการของดินแดน และได้ทำประโยชน์มากมายให้กับดินแดนนี้ ดังนั้นจึงของประกาศว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับการแต่งตั้งเป็นอันผิงจวิ้นจู่”
ไม่ใช่แค่กู้เสี่ยวหวานที่ตกใจ แต่ทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็มีอาการเช่นเดียวกัน
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นทันควัน และถามขันทีฉีด้วยรอยยิ้ม “ท่านขันที ฮ่องเต้ไม่ได้ล้มเลิกคำตั้งแต่นี้ไปแล้วหรอกหรือ?
“อันผิงจวิ้นจู่ ยังไม่รีบยอมรับพระราชโองการอีก!”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกอะไรกับตนเอง ดังนั้นนางจึงโค้งคำนับสามครั้งและอวยพรให้ฮ่องเต้มีชนมายุยืนยาว จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน และน้อมรับราชโองการของฮ่องเต้
ต่อมาขันทีฉีก็กระซิบว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้หมายถึงอะไร แต่จวิ้นจู่ต้องไม่ทำให้ความตั้งใจดีของฮ่องเต้ผิดหวัง”
กู้เสี่ยวหวานยังคงตกใจกับสิ่งนี้ไม่หาย
“จวิ้นจู่ ฮ่องเต้รับสั่งว่าพรุ่งนี้ต้องการให้ท่านเข้าเฝ้าตามพระราชพิธี นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปท่านคือจวิ้นจู่ระดับสอง”
หลังจากได้รับพระราชโองการ และแจ้งรายละเอียดแก่กู้เสี่ยวหวานทราบเกี่ยวกับการเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้แล้ว ขันทีฉียังให้คำแนะนำอีกเล็กน้อย นั้นถือว่างานของตนเองเสร็จสิ้น
เมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของกู้เสี่ยวหวาน ความยินดีที่ได้รับตำแหน่งจวิ้นจู่นั้นเหมาะสมและเป็นประโยชน์ ขันทีฉีก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมนางอีกครั้งในใจ
หลังจากมีการประกาศพระราชโองการ ภารกิจของขันทีฉีก็เสร็จสิ้น และองครักษ์ของฮ่องเต้ก็จัดการเส้นทางอีกครั้ง และมุ่งหน้ากลับวังด้วยท่าทางทรงพลัง
ภายในสวนชิงเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นอันผิงจวิ้นจู่ จากนี้ไปในเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่ว่าท่านไปที่ไหนก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรท่านอีก” ถานอวี้ซูหัวเราะเสียงดัง
จากนี้ไปท่านพี่ของนางจะมีฐานะเท่าตนเองและซูหมิ่น มาดูกันว่าซูหมิ่นจะกล้าทำอะไรกับท่านพี่อีกหรือไม่
“ท่านพี่ ในตอนนี้สถานะของท่านเทียบเท่ากับซูหมิ่น ท่านไม่ต้องกลัวนางอีกต่อไป และในวันนี้เสด็จพี่ฮ่องเต้ยังให้เกียรติท่านด้วยการส่งองครักษ์จำนวนมากเพื่อมาที่นี่ ข้าเชื่อว่าคงอีกไม่นานข่าวนี้จะกระจายออกไปทั่วทั้งเมืองหลวง ข้าจะรอดูว่าคนพวกนั้นยังกล้ากลั่นแกล้งท่านอยู่หรือไม่” ถานอวี้ซูมักจะมีท่าทางหยิ่งยโสอยู่เสมอ หากไม่ใช่เพราะนางต้องคำนึงถึงสถานะของกู้เสี่ยวหวาน นางคงจะจัดการพวกเขาไปแล้ว
ตอนนี้นอกจากขุนนางไม่กี่คนในวังแล้ว ไม่มีใครที่มีสถานะสูงกว่าท่านพี่
ในอนาคตไม่ว่าท่านพี่จะไปที่ไหนในเมืองหลวง ฮ่องเต้ไม่สน ไทเฮาไม่สน ฮองเฮาไม่สน แล้วผู้ใดเล่าจะกล้ากลั่นแกล้งนาง
ฟางเพ่ยหยาเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน “จากนี้ไปท่านพี่จะเป็นสาวผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง ถ้าใครกล้ารังแกท่านพี่เพราะมาจากชนบทอีก ท่านพี่ก็สามารถจัดการได้โดยตรง”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้งเมื่อเห็นถานอวี้ซูและฟางเพ่ยหยามีความสุขกับนางอย่างแท้จริง
ไม่คาดคิดว่าวันนี้ตัวเองจะได้เข้าวังและได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ถึงสองครั้ง ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้คงจะต้องขอบคุณสวรรค์อย่างดี
ถานอวี้ซูเดินไปรอบ ๆ และพากู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้องเพื่อค้นหาเสื้อผ้าที่จะเข้าวังในวันพรุ่งนี้และยังให้คำแนะนำเรื่องมารยาทต่าง ๆ
กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้มองไปที่พระราชโองการที่ประทับตราสีแดงขนาดใหญ่ในมือของพวกเขา
กู้ฟางสี่อ่านไม่ออก นางจึงลากอาจั่วมาอ่านให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นคุกเข่าขอบคุณสวรรค์อย่างตื่นเต้นอีกครั้ง
ในวันต่อมากู้เสี่ยวหวานมาถึงนอกตำหนักหย่างซินก่อนเวลาที่ขันทีฉีกำหนด
ดูเหมือนขันทีฉีกำลังรอนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นนางมาเขาก็รีบเอ่ยทักทาย “อรุณสวัสดิ์ จวิ้นจู่”
วันนี้กู้เสี่ยวหวานดูเคร่งขรึมกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
อาภรณ์สีเทา รูปแบบไม่ซับซ้อน ตรงกันข้ามกลับเรียบง่าย ปักลวดลายดอกไม้สีแดงบริเวณชายแขนเสื้อและชายกระโปรงซึ่งทำให้ชุดนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที
เนื้อผ้ามีคุณภาพสูงสะท้อนแสงเป็นระลอก กระเพื่อมเป็นระลอกราวกับทะเลสาบที่ไหลเอื่อย ๆ
“อรุณสวัสดิ์ ขันทีฉี” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดว่าตัวเองสูงส่งเพียงเพราะนางได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอันผิงจวิ้นจู่
ยังคงมีท่าทีไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจเหมือนเมื่อวาน
เมื่อขันทีฉีเห็นเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจอีกครั้ง
“จวิ้นจู่โปรดรออยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง ฮ่องเต้กำลังปรึกษาเรื่องต่าง ๆ กับผู้สำเร็จราชการอยู่ในห้องโถง หรือจวิ้นจู่จะตามข้าไปที่ห้องโถงด้านข้างเพื่อพักผ่อนก็ได้” ขันทีฉีกล่าว
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า ใบหน้าของนางสงบและไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ขอบคุณขันทีฉี เสี่ยวหวานจะยืนรออยู่ที่นี่ หากฮ่องเต้เสร็จงานแล้วเสี่ยวหวานมาสายจะทำให้ฮ่องเต้เสียเวลาได้”
เมื่อเห็นเช่นนี้ขันทีฉีไม่ขัด แต่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปในพระราชวัง
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่บนบันไดไม่ได้มองไปรอบ ๆ แต่เพ่งสายตาไปที่ที่เดียวและมองอย่างจริงจัง
ภายใต้ขั้นบันได กลุ่มทหารองครักษ์ที่กำลังเดินตรวจตราพระราชวัง
พวกเขาทั้งหมดสวมชุดสีดำและสีแดง ภายในมือถือหอก เพราะระยะไกลจึงไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
กู้เสี่ยวหวานพยายามมองอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเช่นเดิม
เพราะพวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะซึ่งปิดใบหน้าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้
……….