ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1643 องค์หญิงลี่หัว
บทที่ 1643 องค์หญิงลี่หัว
จนกระทั่งนางกำนัลนำเก้าอี้มา กู้เสี่ยวหวานจึงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมิ่นเหม่ นั่งตัวตรง ใบหน้าอ่อนโยนเต็มไปด้วยความอ่อนน้อม ซึ่งทำให้ผู้คนชื่นชม
“ข้าได้ยินฮ่องเต้กล่าวว่า เมื่อวานเจ้าทำอาหารชนิดหนึ่ง” ไทเฮาพยักหน้า คิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าสิ่งนั้นคืออะไร จิ่นอีที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบพูดว่า “ไทเฮา สิ่งนั้นเรียกว่าซาวเข่า”
“ใช่ ๆ ใช่ ข้าจำได้แล้ว สิ่งนั้นเรียกว่าซาวเข่า” ไทเฮาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินฮ่องเต้กล่าวว่า เมื่อวานเจ้าย่างซาวเข่าให้เขา รสชาติดีมาก สองสามวันนี้ข้าอยากกินอาหารรสเผ็ด เจ้าทำให้ข้าบ้างได้หรือไม่”
ไทเฮาต้องการลิ้มลองรสชาติของซาวเข่า แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ปฏิเสธ รีบลุกขึ้นตอบตกลงทันที จิ่นอีนางกำนัลข้างกายไทเฮาก็พากู้เสี่ยวหวานไปที่ศาลาหลังตำหนัก
เมื่อไปถึงในศาลาก็มีเตาถ่าน ตะแกรงย่าง ไม้ไผ่ และเครื่องปรุงล้วนถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว จึงมองของเหล่านั้นด้วยสายตาที่คุ้นเคยราวกับเพิ่งใช้เมื่อวาน
ป้าจิ่นอีอยู่ด้านข้างรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ ของเหล่านี้ถูกส่งมาจากฮ่องเต้เมื่อวานโดยบอกว่าวันนี้จวิ้นจู่จะมาเข้าเฝ้าไทเฮา”
กู้เสี่ยวหวานสั่งให้นางกำนัลจุดถ่านเป็นอันดับแรก จากนั้นตามป้าจิ่นอีไปที่ห้องครัวเล็ก
ห้องครัวเล็กเพียบพร้อมไปด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่และคุณภาพดี กู้เสี่ยวหวานสอบถามเกี่ยวกับความชอบ และข้อห้ามเกี่ยวกับอาหารของไทเฮาจากนั้นก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบ
นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ ได้รับคำสั่งจากป้าจิ่นอีก็รีบไปทำความสะอาดวัตถุดิบ จากนั้นทำตามที่กู้เสี่ยวหวานสั่งโดยหั่นวัตถุดิบเป็นรูปทรงที่หญิงสาวต้องการและนำมาเสียบไม้ทีละชิ้น หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็กลับไปที่ศาลา
ไทเฮารออยู่ในศาลาแล้ว กำลังพูดคุยบางอย่างกับขันทีฉี
เห็นคนมาแล้วไทเฮาก็นั่งลง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่ได้ยินจากขันทีฉีว่าฮ่องเต้พูดถึงรสชาติซาวเข่าเมื่อคืนนี้ว่าอร่อยมาก ทั้งยังบอกว่าอีกเดี๋ยวจะตามมา เสี่ยวหวาน เจ้าคงต้องทำมากกว่านี้แล้วล่ะ เพราะข้าเกรงว่ามันจะไม่พอกิน”
จิ่นอียิ้ม “ไทเฮา อย่ากังวลไปเพคะ จวิ้นจู่เตรียมวัตถุดิบไว้มากมาย หากไม่พอ ยังมีวัตถุดิบอยู่ในครัวเล็ก ให้นางกำนัลไปทำมาเพิ่มได้”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม และเดินไปหยุดลงข้างไทเฮา บังเอิญเห็นถ้วยชาโสมในถ้วยกระเบื้องลายครามสีน้ำเงินและสีขาวของไทเฮาจึงพูดว่า “ไทเฮา สามารถเปลี่ยนชาได้หรือไม่”
“ทำไมหรือ” ไทเฮาก็ถามขึ้น
“หลังจากนี้ไทเฮาต้องกินของร้อน ถ้าดื่มชาโสมที่เป็นยาบำรุงกำลัง ข้าเกรงว่าจะทำให้ร่างกายของไทเฮาเสียหาย ไม่งั้นเปลี่ยนเป็นชาปี้หลัวชุน ชาซีหูหลงจิ่ง หรือชาเหลืองเหมิงติ่งกานลู่”
“เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้าบอกแบบนั้นแล้วก็ให้คนมาเปลี่ยนชาให้ข้า” ไทเฮาฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้ม และเมื่อนางกำนัลกำลังจะลงไป ไทเฮาก็เรียกให้หยุดอีกครั้ง “ฮ่องเต้กำลังจะมาชงให้ฮ่องเต้ด้วย”
ตะแกรงที่ใช้เมื่อวานนี้ถูกล้างทำความสะอาดแล้ว กู้เสี่ยวหวานหยิบเนื้อมาย่างบนเตา ค่อย ๆ ทาน้ำมัน โรยเกลือและเครื่องปรุงลง นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างคอยพัดควันและฝุ่นให้ไทเฮา
หลังจากนั้นไม่นาน เนื้อเสียบไม้ย่างก็ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ไทเฮาเป็นคนช่างกิน เดิมทีชอบกินรสเผ็ด ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นหอมก็อดใจไม่ไหวที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม “กลิ่นหอมมาก หอมจนข้าน้ำลายไหล”
คำพูดตลกของไทเฮาทำให้ทุกคนหัวเราะ
กู้เสี่ยวหวานย่างเนื้อเสร็จก็วางในจานหยกขาวแล้วยกวางบนโต๊ะ “ไทเฮา นี้เนื้อเสียบไม้ ท่านลองชิมดูสิเพคะ”
ทั้งยังพูดเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า “เพิ่งยกขึ้นมาจากเตาร้อน ปล่อยให้เย็นสักครู่แล้วค่อยกินนะเพคะ”
พูดจบก็ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากที่ไม่ไกล “ท่านแม่ กลิ่นอะไรหอมขนาดนี้ เก็บไว้ให้ลูกบ้าง”
“ดูสิ คนหนึ่งบอกจะมากินอาหารของข้า ตอนนี้มาอีกคนแล้ว” ไทเฮาพูดติดตลก มองไปยังทิศทางที่คนมา
ในสายตาของนางเห็นคนหนึ่งสวมกระโปรงยาวสีขาว ปักลวดลายสีม่วง ถือผ้าคลุมที่แขน สวมสร้อยคอทำให้กระดูกไหปลาร้าดูชัดเจนยิ่งขึ้น
ปักปิ่นไข่มุกขนาดเท่าหัวแม่มือ มันขาวราวกับหิมะระยิบระยับบนเส้นผม ขณะนี้นางกำลังวิ่งมาทางศาลา
กู้เสี่ยวหวานรีบลุกขึ้นและทำความเคารพ ถ้าเดาไม่ผิด กล้าที่จะเผชิญหน้าพูดคุยติดตลกกับสตรีผู้สูงศักดิ์ มีแค่คนเดียวที่มีความกล้าขนาดนี้ องค์หญิงลี่หัวลูกสาวของไทเฮา
เป็นอย่างที่คิด ขันทีฉีกับป้าจิ่นอีและทุกคนรีบเข้าไปทักทายนาง “ถวายบังคมองค์หญิง”
“ไม่ต้องมาพิธี ๆ” หลังจากที่เห็นองค์หญิงลี่หัวยิ้มก่อนเบนสายตามายังคนแปลกหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็นและพูดว่า “เจ้าคืออันผิงจวิ้นจู่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้เมื่อวานนี้”
กู้เสี่ยวหวานรีบพยักหน้า
สองแม่ลูก การพูดจาของทั้งสองเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
เดิมทีวางแผนจะตอบกลับประโยคที่สองขององค์หญิงลี่หัว แต่ก็เห็นนางจับแขนกู้เสี่ยวหวานอย่างสนิทสนมก็พูดอย่างกระตือรือร้น “โอ้ ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าสักที เร็วเข้า ย่างเร็ว ๆ เมื่อวานที่ฮ่องเต้พูดทำเอาน้ำลายแทบไหล โชคดีที่วันนี้ข้ามาที่พระตำหนักเสด็จแม่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน”
ไทเฮาเห็นความสดใสของลูกสาวก็รู้สึกมีความสุข และกล่าวด้วยด้วยรอยยิ้มว่า “ลี่หัว อันนี้ย่างเสร็จแล้ว”
องค์หญิงได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว และเห็นเนื้อเสียบไม้อยู่ในจาน โดยไม่คิดอะไรมากก็ตรงเข้าไปใช้มือจับ
เนื้อเสียบไม้พวกนี้ถูกนำขึ้นมาจากเตานานแล้ว ความร้อนจึงลดลงมาบ้าง กินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมเหมือนที่ฮ่องเต้ตรัสไว้ มันควรจะมีอยู่บนฟ้าเท่านั้น และหายากที่จะได้กลิ่นในโลกนี้
……….