ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1644 การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของพี่สาว
บทที่ 1644 การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของพี่สาว
ท่าทางการกินขององค์หญิงตะกละตะกลามมูมมาม น่ารักน่าชัง มือข้างหนึ่งถือซาวเข่าไว้แน่น ท่าทางมูมมามเช่นนั้น ไหนกันเล่าความสง่างามขององค์หญิงแห่งต้าชิง
ไทเฮามองลูกสาว พลันกล่าวอย่างโกรธขึง “เจ้ากินช้าลงหน่อยเถอะ ตรงนี้ยังมีอีกมาก”
องค์หญิงกินซาวเข่าอย่างอิ่มเอิบใจ และพูดอย่างมีความสุข “ท่านแม่ เสด็จพี่ตรัสกับข้าว่าเมื่อวานนี้เขาได้กินอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อวานข้านึกถึงสิ่งที่เสด็จพี่กินก็น้ำลายสอมาทั้งคืนวันนี้ได้กินแล้ว ข้าต้องกินให้หนำใจ”
องค์หญิงลี่หัวผู้นี้มีอุปนิสัยสดใส กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ
เมื่อวานขันทีฉีได้ลองย่างแล้ว วันนี้จึงลงมือได้อย่างเป็นธรรมชาติ มิฉะนั้นด้วยความเร็วในการย่างที่เชื่องช้า เกรงกู้เสี่ยวหวานคงยุ่งหัวหมุนอยู่คนเดียว
การช่วยกันสองคนทำให้การย่างซาวเข่ารวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว หากมีส่วนผสมใดขาดหายไป ก็จะมีนางกำนัลยกมาให้ กู้เสี่ยวหวานรับผิดชอบแค่ย่างเท่านั้น ด้านข้างยังมีคนคอยช่วยพัดให้ สองแม่ลูกลิ้มลองรสชาติของซาวเข่าโดยไม่พูดอะไร
กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้สึกสบายใจยิ่ง
ขณะกู้เสี่ยวหวานกำลังจดจ่ออยู่กับการย่างนั้น พลันมีเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว”
ฮ่องเต้ตรัสว่าจะมากินซาวเข่า จึงต้องรีบมาโดยธรรมชาติ
ครั้นองค์หญิงลี่ลัวได้ยินว่าพี่ชายตนเองมาถึงแล้ว จึงรีบวางซาวเข่าทั้งหมดตรงหน้าลงบนจาน จากนั้นกางแขนกางขาราวกับแม่ไก่ปกป้องไก่ อย่างไรก็ไม่ยอมมอบของอร่อยนี้ให้ซูเทียนซื่อ
“น้องสาวที่แสนดีของข้า เจ้าให้พี่ชายคนนี้สักไม้ได้หรือไม่” ซูเทียนซื่ออ้อนวอน
“ไม่ให้! เมื่อวานท่านรังแกข้าเช่นนั้นได้อย่างไร ปล่อยให้นอนท้องกิ่วน้ำลายสอทั้งคืน ข้าไม่ให้ ไม่ให้ ไม่ให้ ” องค์หญิงลี่หัวท้วงทีกระเง้ากระงอด
ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องนั้นรักใคร่กลมเกลียว การหยอกเย้าของทั้งสองทำให้ผู้เป็นมารดาอย่างฮองเฮามีความสุขยิ่ง
ครั้งเมื่อตั้งครรภ์ตนเองก็อายุมากแล้ว หนึ่งปีต่อมาก็ให้กำเนิดลี่หัว บัดนี้ลูกชายคนโตของนางก้าวสู่บัลลังก์ฮ่องเต้ ส่วนลูกสาวมีตำแหน่งองค์หญิง ตนเองกลายเป็นไทเฮาผู้สูงศักดิ์และมีอำนาจเหนือสิ่งใดในต้าชิง ชีวิตนี้ได้เผชิญทั้งทุกข์สุข ลูกอันเป็นที่รักก็กตัญญูรู้คุณ เรืองอำนาจ ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของนางล้วนคุ้มค่าแล้ว
“ฮ่องเต้ พวกเจ้าเลิกเถียงกันได้แล้ว เสี่ยวหวานทำจนใกล้เสร็จแล้ว เจ้ารอกินร้อน ๆ ได้ นี่ชาเหลืองเหมิงติ่งกานลู่ เจ้าดื่มดับร้อนสักหน่อยเถอะ”
ประจวบเหมาะกับซูเทียนซื่อกำลังกระหาย จึงยกชาขึ้นจิบหนึ่งคำ ส่วนทางด้านนั้นซาวเข่าในมือของขันทีฉีและกู้เสี่ยวหวานก็ย่างแล้ววางลงบนจาน จากนั้นจึงส่งให้ “ฮ่องเต้ เชิญเพคะ”
ปลาตัวน้อยสีทองถูกย่างจนสุกพร้อมดีแล้ว ปรุงรสด้วยเครื่องต่าง ๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย หน้าตาชวนน้ำลายสอ
ซูเทียนซื่อรับมันไว้หากแต่ไม่ได้กินเข้าไปทันที เขาหยิบออกมาแล้วยื่นให้ท่านแม่ กล่าวด้วยความเคารพ “เชิญเสด็จแม่ก่อน”
ไทเฮามองดูลูกชายที่น่าภาคภูมิใจด้วยสายตาอ่อนโยน “เมื่อครู่ข้ากับลี่หัวกินเข้าไปมาก อายุข้าเองก็มากแล้วกินอาหารรสชาติเผ็ดมากไม่ค่อยดี เชิญฮ่องเต้เถอะ”
ซูเทียนซื่อกำลังดึงมือกลับก็ถูกคนช่วงชิงไปก่อน
นอกจากองค์หญิงลี่หัวถามหน่อยเถอะว่าใครจะกล้าแย่งของจากฮ่องเต้ เป็นดังคาดก็ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยขององค์หญิงเอ่ยขึ้น “เสด็จแม่ ท่านไม่กินให้ข้ากินก็ได้ของอร่อยขนาดนี้ เสียดายของมาก”
ซูเทียนซื่อตำหนิอย่างไม่จริงจัง “เจ้าแมวตะกละ”
ไทเฮาก็หัวเราะพลางหันไปพูดกับองค์หญิงลี่หัว “เจ้าแมวตะกละ”
ในศาลาที่อบอวลไปด้วยความสุขของครอบครัว มองดูแล้วราวกับครอบครัวจากหมู่บ้านทั่วไป มารดาผู้ใจดี ลูกชายแสนกตัญญู และลูกสาวผู้ออดอ้อน
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ หัวใจของกู้เสี่ยวหวานซึ่งหนักอึ้งอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
จากนั้นมีบุคคลหนึ่งก้าวเข้ามา ทำให้หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต้นแรงอีกครั้ง
“ไทเฮา โหยวกุ้ยเฟยขอเข้าเฝ้าเพคะ” หลังจากป้าจิ่นอีได้รับรายงานมาจากนางกำนัลในตำหนัก จึงรีบมารายงานเรื่องนี้ต่อไทเฮา
และเมื่อได้ยินข่าวนี้ ซูเทียนซื่อและองค์หญิงลี่หัวที่หัวเราะสนุกสนานพลันเปลี่ยนสีหน้าทันที สีหน้านั้นยากจะอธิบาย
บรรกาศผ่อนคลายเมี่อครู่ราวกับปกคลุมด้วยไอเย็นขึ้นทันทีเมื่อมีบุคคลอื่นเข้ามา กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่ผู้มาใหม่มา
บุคคลมาใหม่สวมเสื้อคลุมยาวสีเหลือง ปักลายดอกกล้วยไม้งดงามหรูหรา บริเวณกระโปรงมีลวดลายโบราณ มือประคองผ้าคลุมปักลายดอกโบตั๋น
ผมดำขลับ ใบหน้าพราวเสน่ห์ราวกับจันทรา ดวงตาเปล่งประกายสดใสแฝงความร้อนแรง เมื่อเดินถึงศาลาจึงหยุดยอบกายถวายความเคารพ “เหอเอ๋อร์ถวายบังคมไทเฮา เหอเอ๋อร์ถวายบังคมฮ่องเต้”
“ลุกขึ้นเถอะ” ซูเทียนซื่อพูดอย่างเย็นชา
“คนนี้คือโหยวเหอลูกสาวภรรยาเอกของโหยวไท่ซือ ปัจจุบันเป็นโหยวกุ้ยเฟย” ขันทีฉีรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่รู้จักคนคนนี้ จึงรีบแนะนำ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า เดิมที คนนี้เป็นคนของตระกูลโหยวที่แต่งเข้ามาเป็นสนม
ไม่รู้ทำไมเห็นลูกสาวจากภรรยาเอกตระกูลโหยวที่สง่างามคนนี้ ในใจของกู้เสี่ยวหวานนึกถึงโหยวซวงลูกอนุภรรยาของตระกูลโหยวที่ร้องไห้อยู่ที่จวนหลี่
คนหนึ่งสง่างามราวกับดอกโบตั๋นที่แข่งขันกันเพื่อความงาม กับอีกคนไร้สีสันราวกับต้นไม้ที่กำลังผลัดใบ ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากผู้คน
แต่โหยวเหอคนนี้กับโหยวซวงคนนั้นล้วนเป็นลูกสาวของตระกูลโหยว พวกนางมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน เพียงแค่คนหนึ่งมีอุปนิสัยหยิ่งทะนงตน แต่อีกคนกลับอ่อนน้อมถ่อมตน
เข้าประตูเดียวกันดื่มน้ำกระบวยเดียวกันและเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ลูก ๆ ของพวกเขามีฐานะและตำแหน่งต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่นนี้อนุภรรยาตระกูลโหยวทนได้หรือ
โหยวกุ้ยเฟยไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นชาของฮ่องเต้ที่มีต่อตัวเองเลย รู้เพียงว่าวันนี้ได้พบไทเฮาและฮ่องเต้ ในใจจึงมีความสุขมาก คิดว่าฮ่องเต้จะหลงใหลเสด็จไปหาตนเองคืนนี้
……….